ปีนี้ก็เป็นอีกปีที่ PlayStation ประสบความสำเร็จมากเลยทีเดียวครับ โดยเป็นแผนกที่ทำกำไรมากที่สุดให้โซนี่ครับ วันนี้คุณ Andrew House ซีอีโอเพลย์สเตชั่น ได้ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์เกมส์ชื่อดังอย่าง The Guardian เกี่ยวกับทุกๆอย่างของเพลย์สเตชั่นตั้งแต่เครื่องเพลย์ 4 เปิดตัว ไปจนถึงบริการและอุปกรณ์ใหม่ๆที่โซนี่ได้นำเสนอออกมาอย่าง PS Now และ PS VR แต่น่าเสียดายที่การสัมภาษณ์นี้ไม่ได้ผู้ถึงตอนที่คุณ Andrew เซ็นสัญญากับทางคุณ Kojima อย่างไงก็ตามก็มีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่างอยู่ครับว่า อนาคตของ PlayStation จะไปในทิศทางไหน.
เริ่มแรกเขาพูดถึงความสำเร็จของเพลย์สเตชั่น 4 ว่าในตอนนั้นผู้คนไม่เชื่อว่าเครื่องเกมส์คอนโซลจะยังคงได้รับความนิยมอยู่ คุณ Andrew ได้ให้สัมภาษณ์ว่าความสำเร็จในครั้งนี้สร้างความเชื่อมั่นในกับผู้ผลิตและนักพัฒนาเกมส์ และด้วยผู้คนเริ่มหิวโหยเกมส์ ทำให้บริษัทพัฒนาเกมส์หันมาเสี่ยงในการสร้าง IP ใหม่ๆ ออกมา ซึ่งเขาอธิบายไว้ว่า “มันคือสายเลือดของวงการเกมส์”.
คุณ Andrew ยังยืนยันว่ามันใช้เวลาอย่างน้อย 2 – 3 ปีในการที่นักพัฒนาจะเข้าใจในระบบของเครื่องจริงๆ และตั้งแต่ที่พวกเขารู้จักเพลย์สเตชั่นซึ่งตลาดเวลาที่ผ่านมาพร้อมที่จะเสี่ยงเสมอและปล่อยสิ่งใหม่ๆออกมาให้แฟนๆเล่นตลอดเวลาทำให้เกมส์บางเกมส์ที่เก่าๆสมัย PS1 ก็ยังมีคนรู้จักแม้เกมส์นั้นจะไม่ดัง.
สำหรับทางไมโครซอฟท์คุณ Phil Spencer ประธาน Xbox, คุณ Andrew รู้สึกว่าพวกเรามีเป้าหมายเดียวกันเกี่ยวกับ VR, ด้วย PlayStation VR และแว่น Hololens ของไมโครซอฟท์ล้วนเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆทางความบันเทิงทั้งนั้น เขากล่าวว่า
มันถึงจุดๆนึงที่ผมอธิบายการแข่งขันแบบสุภาพ และผมจงใจใช้คำว่า ‘สุภาพจริงๆ’
ด้วย PlayStation VR คุณ Andrew รู้สึกขอบคุณผู้ที่ต้องการซื้อในช่วงแรกเพราะ “เกมเมอร์ที่ชื่นชอบมองหาสิ่งอะไรใหม่ๆ” เขายังพูดอีกว่ามันเป็นโอกาสที่ดีสำรับนักพัฒนาเกมส์อินดี้ที่จะพัฒนาเกมส์ให้รองรับ VR ในช่วงระยะแรกๆที่มันออกมาวางจำหน่าย เขายังมีแผนที่จะนำบริการ Sony Music และบริการหนังมาใช้บนแว่น VR ในภายหลังอีกด้วย เขากล่าวว่า..
สำหรับมีแผนที่จะนำบริการ Sony Music และบริการหนังคงจะนำมาใช้ในภายหลังเพราะตอนนี้เราจะตั้งเป้าไไปที่เกมส์เป็นหลัก เพราะสำหรับภาพยนตร์มันคงมีค่าการผลิตที่สูงขึ้น เนื่องจากมองได้รอบทิศทาง 360 องศา โดยผมคิดว่ามันมีอะไรหลายๆอย่างที่เราต้องทำในหลังบ้านก่อนที่จะมาถึงจุดที่สามารถนำมาเปิดตัวโชว์ให้ดูได้ แต่สำหรับโซนี่ที่มีหลายแผนกเราสามารถทำให้มันออกมาเป็นจรืงได้ผ่านความร่วมมือกัน.
สุดท้ายเขาพูดถึง PlayStation Now ว่ามันต้องใช้เวลาสำหรับผู้บริโภคในการที่จะเข้าถึงส่วนที่ดีของมัน โดยเขายอมรับว่าเขาพลาดตรงเรื่องราคาและบริการเช่าเกมส์ในตอนแรก เพราะเกมส์ต้องการแบบว่า “Netflix ในรูปแบบเกมส์” ซึ่งคุณ Andrew เชื่อว่า PlayStation Now เป็นกลยุทธ์ระยะยาวที่เช่นเดียวกับการสตรีมเพลงและวิดีโอที่อยู่ในขณะนี้ที่นิยมไปแพร่หลาย ตอนนี้มันเหมือนกับว่ามันเร็วสำหรับเกมส์ไม่นิดนึงที่ยังไม่ค่อยนิยมเท่าที่ควร
แหล่งข่าวจาก The Guardian