ผลิตภัณฑ์: PlayStation 4 Pro
ราคา: 16,990 บาท
วันวางจำหน่าย: 10 พฤศจิกายน 2016
เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเครื่อง PS4 เป็นเครื่องเกมส์คอนโซลอีกรุ่นจากโซนี่ที่ประสบความสำเร็จมากมาย โดยหลังจากที่ยุค PS3 ทางโซนี่ได้ทำผิดพลาดต่าง ๆ นานา ท้ายสุดแล้วโซนี่หันกลับมาโฟกัสเรื่องเกมส์อีกครั้ง จนทำให้ประสบความสำเร็จจนถึงขณะนี้ ตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน 2013 ที่เครื่อง PS4 วางจำหน่ายครั้งแรก จนถึงปัจจุบันที่เครื่อง PS4 สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 47 ล้านเครื่องทั่วโลก ภายในเวลาแค่ 3 ปีเท่านั้น แต่โซนี่ไม่หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อต้นปีที่ผ่านมามีข่าวลือมากกมายเกี่ยวกับเครื่อง PS4 รุ่นใหม่ที่จะมีความแรงมากกว่า PS4 รุ่นปัจจุบันกว่า 2 เท่า มีความแรงของการประมวลผลภาพกว่า 4.2 TFLOP ด้วยความแรงของเครื่องทำให้เครื่องสามารถประมวลผลภาพความละเอียด 4K ออกมาได้ ข่าวลือนั้นลือออกมาไม่ขาดสาย จนกระทั่งในวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา โซนี่ได้เปิดตัว PS4 รุ่นใหม่ล่าสุด ตามข่าวลือชื่อ “PS4 Pro” PS4 Pro เป็นเครื่อง PS4 รุ่นเรือธงจากโซนี่ ที่มาพร้อมด้วยพลังประมวลผลแรงเป็น 2 เท่า ของ PS4 ปัจจุบันที่มีอยู่ในท้องตลาด และมีความแรงของการ์ดหน้าจอกว่า 4.2 TFLOP จากเดิม 1.84 TFLOP ครับ ด้วยความแรงเหล่านั้น PS4 Pro สามารถประมวลภาพความละเอียด 4K และปรับแสงของภาพแบบ HDR ได้เช่นกัน หลังจากที่ได้ลองเล่นมา 1 อาทิตย์เต็มๆ และนี่คือบทความรีวิว PlayStation 4 Pro ครับ
ดีไซน์และการออกแบบ
ก่อนที่เราจะไปลงลึกเรื่องกราฟฟิก เรามาพูดถึงดีไซน์กันหน่อย ตัวเครื่อง PS4 Pro นั้นดีไซน์ค่อนข้างจะแตกต่างกับ PS4 รุ่นแรกที่เปิดตัวในปี 2013 โดยโซนี่ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนดีไซน์ของเครื่องจากดีไซน์ที่ออกเหลี่ยมๆ ไปเป็นดีไซน์ที่มีมุมมนขึ้น เรียบโค้ง และแบ่งออกเป็นย่อย ๆ สามชั้น ตัดตรงกลางด้วยแถบแสงที่ดูแล้วก็รู้สึกล้ำสมัยไปอีกแบบ ส่วนลักษณะของเครื่อง PS4 Pro จะมีความสูงกว่า PS4 ปี 2013 ประมาณ 20 มิลิเมตรครับ ซึ่งไม่สูงมาก แต่ตัวเครื่องหนักกว่าอย่างเห็นได้ชัด น้ำหนักโดยประมาณคือ 3.3 กิโลกรัม และรายละเอียดสวยๆอย่าง ยางที่รองตัวเครื่องจะเป็นสัญญาลักษณ์เพลย์สเตชั่น ได้แก่ สามเหลี่ยมม สี่เหลี่ยม, วงกลม และ กากบาท ครับ มาพร้อมกับปุ่มปิด/เปิดเครื่อง และปุ่มออกแผ่นออก ที่เป็นปุ่มจริง ๆ ไม่ใช่ระบบสัมผัส ตัดปัญหาที่เกิดขึ้นกับ PS4 รุ่นแรกครับ โดยโซนี่ใส่ใจรายละเอียดได้เป็นอย่างดี
พอร์ต
พอร์ตบน PS4 Pro เกือบจะเหมือน PS4 รุ่นปัจจุบันทุกประการ แต่มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอย่างเช่น พอร์ตเสียบสายเพาเวอร์ที่สังเกตได้ว่า PS4 Pro หันมาใช้พอร์ตเพาเวอร์แบบเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วเนื่องจากใช้พลังงานเยอะกว่า PS4 รุ่นปัจจุบัน จากข้อมูล PS4 Pro สามารถใช้ไฟได้สูงสุดกว่า 330 Watt ครับ ต่อมาที่โซนี่ได้ใส่ใจคือ ทางโซนี่ได้เพิ่มพอร์ต USB 3.0 เข้าไปด้านของเครื่อง PS4 Pro ข้อดีคือหึ่งหากเรามี เฟรชไดฟ์ที่รองรับ USB 3.0 ก็สามารถถ่ายโอนข้อมูลระหว่าง PS4 ได้เร็วมากขึ้น อีกหนึ่งข้อดีคือ ไว้เสียบสาย USB ที่เชื่อต่อกับแว่น PS VR ซึ่งจะได้ไม่เปลืองช่อง USB ด้านหน้า และสามารถจัดสายให้เป็นระเบียบเรียบร้อยได้ และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดพอร์ต HDMI 2.0 ที่ถ้าไม่มีพอร์ตนี้เครื่องก็จะไม่สามารถแสดงผลภาพออกมา 4K ได้
DualShock 4 คอนโทรลเลอร์
แม้ว่าดีไซน์ของเครื่องจะเปลี่ยนไปแบบจำไม่ได้ แต่จอย DualShock 4 คอนโทรลเลอร์มีความเปลี่ยนแปลงแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยแค่เพิ่มช่องทางการแสดงผลแถบแสง ไปยังขอบบนของ Touch Pad เพื่อให้สะดวกต่อผู้เล่นในการแยกสีได้ง่ายขึ้น และมีการเพิ่มการรองรับการเชื่อมต่อ Direct Wire หรือการเชื่อมต่อ DualShock 4 คอนโทรลเลอร์เข้าเครื่อง PS4 Pro ได้โดยตรงเพื่อให้มีการตอบสนองได้เร็วมากยิ่งขึ้นกว่าตอนไร้สายครับ สิ่งที่โซนี่ไม่ได้แก้ปัญหาหลักของ DualShock 4 คอนโทรลเลอร์นั้นก็คือแบตเตอรี่ ที่ยังคงหมดเร็วเช่นเดิม ใช้ได้ราว ๆ 5-6 ชั่วโมงติดต่อกันแบตเตอรี่ก็จะหมดแล้วครับ
ประสิทธิภาพและการแสดงผลของภาพ
อย่างที่ได้กล่าวไปเมื่อขั้นต้น PS4 Pro นำเสนอสิ่งที่เรียกว่าเป็นประสบการณ์ระดับ “พรีเมี่ยม” ให้ชาวฮาร์ดคอเกมเมอร์ โดยที่ไม่มีในเครื่องคอนโซลอื่น ๆ นั่นคือเกมส์ระดับ 4K หมายความว่าเราจะสามารถเล่นเกมส์ที่ความละเอียดของภาพ 4K โดยที่ไม่เคยเกิดขึ้นในเครื่องเกมส์คอนโซลด้วยราคาไม่ถึง 2 หมื่นมาก่อน และผลมันเป็นอย่างไรบ้าง?
สเปคของ PS4 Pro
เครื่อง PS4 Pro มีซีพียูตัวเดียวกับที่ PS4 รุ่นปี 2013 ที่วาจำหน่ายในปัจจุบัน นั่นคือ AMD Jaguar x86-64 จำนวน 8 คอร์ ซึ่งสำหรับ PS4 Pro มีการบูท Clock Speed ขึ้นไป 30 เปอร์เซ็นต์ หรือจาก 1.6 GHz ไปเป็น 2.1 GHz ครับ แต่ถ้าเทียบกับ GPU หรือการ์หน้าจอแล้ว ความเปลี่ยนแปลงนั้นเล็กน้อยมาก เพราะ GPU ของ PS4 Pro มีการบูท Clock Speed จาก 800 MHz ไปเป็น 911 MHz ทำให้ TFLOP ของการ์ดหน้าจอพุ่งจาก 1.84 TFLOP ไปจนกว่า 4.2 TFLOP ทำให้สามารถประมวลภาพไปถึง 4K ได้ นอกจากนี้ ทางโซนี่ยังเพิ่มแรม GDDR3 เข้ามาอีก 1 GB เพื่อใช้จัดการระบบต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากเกมส์ เพื่อให้แรม GDDR5 ที่แรงกว่าประมวลผลจากเกมส์ได้อย่างเต็มที่ครับ
PS4 Pro ยังมาพร้อมกับความจุของฮาร์ดดิสจำนวน 1 TB ความเร็วต่อรอบ 5400 RPM และรองรับ SATA 3.0 เพื่อการถ่ายโอน หรือการโหลดข้อมูลให้เร็วมากขึ้น แต่ถ้าคิดว่ายังไม่แรงพอก็สามารถสลับเปลี่ยน HDD เป็น SSD ได้อย่างไม่ยากครับผม
นอกจากเครื่อง PS4 Pro สามารถแสดงผล 4K แล้ว ยังสามารถรองรับ HDR ซึ่งระบบจะสามารถปรับแสงให้ดูสมจริงมากขึ้น แต่แน่นอนว่าทีวีก็ต้องรองรับระบบ HDR เหมือนกันถึงจะใช้ได้นะครับ แต่ PS4 รุ่นโมเดลอื่น ๆ อย่าน้อยใจไปครับโซนี่ได้ปล่อยอัพเดทเฟิร์มแวร์อัพเดททำให้ PS4 ทุกรุ่นสามารถรองรับ HDR ได้เข่นกันครับ
เกมส์บน PS4 Pro
ก่อนที่เราจะไปพูดเรื่องภาพกันผมต้องย้ำกันก่อนว่าเกมส์ PS4 ที่ออกมากว่า 500+ เกมส์นั้นไม่ได้รองรับการประมวลผล 4K ทุกเกมส์ แต่จะมีเกมส์จำนวน 45 เกมส์ ณ ขณะนี้ที่รองรับการประมวลผล 4K ผ่านแพชท์อัพเดท ซึ่งผู้เล่นสามารถอัพเดทได้แบบฟรี ๆ ครับผม สามารถเช็ครายชื่อเกมส์ที่รองรับได้ ที่นี่
จากได้ที่ลองเล่นในหลาย ๆ เกมส์ผลออกมาคือภาพของเกมส์นั้นคมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สีสันสดใสและละเอียดมากขึ้น ส่วนที่ผมชอบมากที่สุดคือแสงในทุกเกมส์ที่ผมลองเล่นไม่ว่าจะ Uncharted 4, Watch_Dogs 2, Call Of Duty: Infinite Warfare นั้นล้วนแล้วดูสมจริงและละเอียดมาก ๆ บางทีผมก็อธิบายไม่ถูกจนกว่าจะได้มาเห็นด้วยตาตนเอง แต่แน่นอนครับว่าไม่ใช่ทุกเกมส์ที่รันบนความละเอียด 4K บางเกมส์ใช้เทคนิคต่าง ๆ ที่สามารถ Scale ภาพขึ้นมา 4K ได้ครับ
ทางด้านเฟรมเรต เพราะ ด้วยพลังของ PS4 Pro ที่เน้นผลักดันให้ภาพขึ้นไปถึง 4K ด้วย 4.2 TFLOP ทำให้เฟรมเรตบางช่วงตกไปบ้าง บางฉากที่เคลื่อนไหวไว ๆ จะสังเกตได้อย่างชัดเจนว่า เฟรมเรตนั้นตกลง ซักพักก็กลับสู่ปกติครับ โดยเกมส์ที่มีการรองรับ 4K บน PS4 Pro ทุกเกมส์จะรันเฟรมเรตอยู่ที่ 30 Fps ครับ หากใครแคกับเรื่องเฟรมเรตมาก ๆ เล่น PS4 Pro บนทีวี 4K อาจจไม่เหมาะสำหรับคุณ
แล้วถ้าเล่น PS4 Pro บนทีวี Full HD ปกติล่ะ? PS4 Pro ที่แสดงผลเป็น 4K จะทำการ Scale ภาพลงมาเป็นความละเอียด 1080p และเฟรมเรตที่ 60 Fps ผลคือ ภาพมีความแตกต่างจาก PS4 รุ่นปี 2013 เล็กน้อย ในบางฉากจะเห็นได้อย่างชัดเจน เช่น เงาและขอบต่าง ๆ จะดูเรียบ ในขณะเดียวกันภาพดูคมและสีสันสดใสมากขึ้น แต่บางฉากแทบจะไม่เห็นความแตกต่างเลย ส่วนเฟรมเรต ผมว่ามันดูเลื่อนไหลมากขึ้นกว่า PS4 รุ่นปี 2013 และคาดว่าบางฉากเฟรมเรตสูงกว่า PS4 รุ่นปี 2013 เสียอีกครับ
http://cdn4.dualshockers.com/wp-content/uploads/2016/11/CallOfDuty-2-optimized.png
และเนื่องด้วยเครื่องมีแรมจัดการประมวลผลด้านหลัง ทำให้ผมว่าความเลื่อนไหลของระบบสามารถเห็นได้ชัดเจน เวลากดปุ่ม “แชร์” หรือกดปุ่ม “PS” เพื่อกลับไปยังหน้าหลัก ระบบมันสามารถสลับไป สลับมาได้อย่างไม่มีสะดุดเลยครับ ผมชอบเวลากดปุ่มแชร์เพราะบางฉากในเกมส์ที่กำลังขับรถ หรือใช้เฟรมเรตเยอะ ๆ เมื่อกดปุ่มแชร์ ระบบมันสามารถแสดงเมนูแชร์ขึ้นมาให้ทันทีโดยที่ตัวเกมส์ไม่สะดุดแต่อย่างใด การโหลดเข้าเกมส์ หรือแม้แต่การซิงค์ถ้วยรางวัล ปิด/เปิดเครื่อง ก็สามารถเห็นความแตกต่างทางด้านความเร็วของตัวระบบได้อย่างชัดเจนครับ
4K มีเดียเพลย์แบล็ค
แน่นอนว่าใช่แค่เกมส์เท่านั้นที่สามารถแสดงผลออกมาในความละเอียด 4K แต่แอพที่รองรับการประมวลผลภาพ 4K อย่าง Netflix และ YouTube สามารถแสดงประมวลผล 4K ได้ครับ แต่สิ่งที่น่าผิดหวังคือ PS4 ไม่สามารถเล่นแผ่น Ultra Blu-ray ได้ครับ ในขณะเดียวกันทางงฝั่งไมโครซอฟท์ Xbox One S สามารถที่จะเล่นภาพนตร์ด้วยแผ่น Ultra Blu-ray ได้ครับ เสียดายมาก ๆ เลยครับในจุดนี้ โดยโซนี่ได้ออกมาโต้ว่า สมัยนี้ส่วนใหญ่ผู้คนจะนิยมการสตรีมหนังมากกว่า (ดูเหมือนอ้างหน่อย ๆ นะครับ)
สรุป
ตลอดที่ผ่านมา PC คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์ภาพกราฟฟิก และความแรงที่สูงสุดเท่าที่ทำได้ แต่ก็ต้องแลกด้วยราคาที่แพงซึ่งบางคนไม่สามารถที่จะจ่ายไหว ทำให้ PS4 Pro เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี สำหรับผู้ที่มองหาเครื่องเกมส์สักตัวที่สามารถแสดงผลภาพความละเอียด 4K หรือประสบการณ์การเล่นเกมส์ระดับ “พรีเมี่ยม” ในราคาที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้ แม้ว่าจะไม่มีทีวี 4K แต่ PS4 Pro ก็สามารถบูทเฟรมเรตให้สูงขึ้นกว่า PS4 รุ่นปี 2013 ได้ร แน่นอนว่าสำหรับที่กำลังมองหาเครื่องเกมส์สักเครื่อง PS4 Pro คือช้อยส์ที่ดีที่สุด กับประสบการเล่นเกมส์ระดับ “พรีเมี่ยม” และเอ็กซ์คลูซีฟเกมส์มากมายที่มีให้เลือกเล่นในหลากหลายรูปแบบ PS4 Pro เป็นเครื่องเกมส์ที่จุดประกายเกมส์คอนโซลระดับ 4K ขึ้น
รีวิวโดย ภัคพล บัวโทน (GuidePS4EXPErt)
ขอบคุณคุณร้านปลาวาฬเกมส์ สำหรับเครื่อง PS4 Pro ที่นำมาให้รีวิวและแกะกล่องครับ