อุปกรณ์: Razer Raiju Controller
แพลตฟอร์ม : PS4
ราคา: 5,890 บาท (PS4)
วันวางจำหน่าย: จำหน่ายแล้ววันนี้
ปัจจัยหลักที่สำคัญที่สุดสำหรับเครื่องเกมส์คอนโซล นอกจากกราฟฟิกที่สวยงามแล้วคือ จอยคอนโทรลเลอร์ ที่อนุญาตให้เรา “ผู้เล่น” สามารถบังคับและควบคุมเกมส์ได้ ทำให้ยิ่งเรามี จอยคอนโทรลเลอร์ที่มีรูปทรง สะดวกสบาย จะส่งผลทำให้เราสามารถเล่นเกมส์ได้เป็นเวลานานครับ จอยคอนโทรลเลอร์ทั้งยังต้องมีความเร็ว และความแม่นยำ เพื่อที่จะสามารถตอบสนองการกดปุ่ม Trigger ต่่างๆ ได้ทันทีเมื่อผู้เล่นทำการกดปุ่ม นอกเหนือจากนี้ปุ่ม Thumb-stick ต้องออกแบบมาให้มีความสะดวก สบาย และตอบสนองทิศทางได้ว่องไวมากย่งขึ้นไปอีก ปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมาเหล่านี้มีผลต่อการ เสริมสร้างประสิทธิภาพ และ ศักยภาพ การเล่นของเราได้อย่างเห็นได้ชัดครับ ทั้งนี้ ปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดเหล่านี้ คือคุณสมบัติของ PS4 คอนโทรลเลอร์จากผู้ผลิตเกมส์มิ่งเกียร์ชื่อดัง Razer ได้นำเอาไปออกแบบและ สร้าง PS4 คอนโทรลเลอร์ที่ดีที่สุดออกมาครับ นี่คือรีวิวเต็มของ Razer Raiju PS4 คอนโทรลเลอร์สำหรับโปรเกมเมอร์ ออกแบบมาเพื่อคอเกมเมอร์ครับ
การออกแบบ (Design)
สิ่งที่เราจะเห็นเป็นอันดับแรก โดยที่ไม่ต้องจับคอนโทรลเลอร์ขึ้นมาเลยด้วยซ้ำคือ รูปทรงของ Raiju เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับ DualShock 4 จะเห็นได้เลยว่ามัน แน่น, มันใหญ่, มันดูโหดกว่า และในหลายๆ ด้าน ลักษณะรูปทรงของ Raiju เหมือน Xbox One ครับ แต่เมื่อดูรายละเอียดปลีกย่อย ต่างๆ วัสดุทุกชิ้นล้วนแล้ว เป็นระดับพรีเมี่ยมทั้งสิ้น เมื่อจับขึ้นมา จะมีความรู้สึกที่แตกต่างจาก DualShock 4 เนื่องจาก รูปทรงที่ออกแบบมามันใหญ่กว่า DualShock 4 ทำให้สะดวกสบายเวลาถือเป็นเวลานาน ในช่วงแรกอาจจะยังไม่ชินกับตำแหน่งของ Thumb-stick ซึ่งอาจจะต้องยื่นนิ้วเข้าไปอีกสักหน่อย แต่พอนานๆ ไปจะรู้สึกว่ามันไม่เมื่อย เมื่อเล่นเกมส์เป็นเวลานาน ตัวคอนโทรลเลอร์ยังมียางสีฟ้าติดอยู่บริเวณที่จับ เพื่อไม่ให้คอนโทรลเลอร์เลื่อนหลุดมือออกไปได้ครับ
สำหรับยางตรงส่วนของ Thumb-stick สามารถถอดออกแล้วเปลี่ยนได้โดยง่าย แต่สำหรับผมคิดว่ายางที่มากับตัว Raiju เอง มีความหนา และแข็งแรง ไม่น่าจะขนาดง่ายเหมือน DualShock 4 ครับ
ด้านล่างของตัวคอนโทรลเลอร์ ยังได้เพิ่มแผงควมคุมลัด เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เล่น โดยเราสามารถตั้งค่าโปรไฟล์ ปุ่มต่างๆ ตามใจชอบ ได้มากสุด 2 โปรไฟล์ ซึ่งเราสามารถสลับเปลี่ยนโปรไฟล์ได้ จากการกดปุ่มลัดบนแผงคควบคุมด้านล่างของคอนโทรลเลอร์ อย่างรวจเร็ว เหมาะสำหรับเกมส์แนว FPS มากครับ
นอกจากนี้บนแผงควมคุมยังมีปุ่มเพิ่มเสียง หรือลดเสียงได้อย่างรวจเร็วทันใจ เพราะทุกคนรู้ดีว่าถ้าใช้ DualShock 4 เมื่อเวลาจะลดเสียง เพิ่มเสียง จะต้องหยุดเกมส์ แล้วออกเป็นเพิ่มตรงเมนู ซึ่งอาจจะทำให้ล่าช้า โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในใจกลางแมตช์ที่สำคัญ ด้วยปุ่มลัดนี้ระบบสามารถ ลด/เพิ่มเสียงได้ทันที นอกจากปุ่มความคุมเสียงแล้ว ยังมีปุ่มปิด/เปิด ไมโครโฟน กดปิดหรือเปิดได้อย่างง่ายดาย สะดวก และเร็วทันใจ
ปุ่มพิเศษ 4 ปุ่ม (Extra Button)
สิ่งที่ทำให้ Raiju คอนโทรลเลอร์มีความพิเศษ และเป็นมืออาชีพคือ คอนโทรลเลอร์มีปุ่มเพิ่มขึ้นมาอีก 4 ปุ่ม จุดประสงค์คือเพื่อตอบสนองความสะดวกสบายให้กับผู้เล่น แต่ยังคงประสิธิภาพ และความเร็วฆาตราฐาน Raiju โดย 2 ปุ่ม แรกจะอยู่ระหว่างกลางของ R1/R2 และ L1/L2 ถัดลงมาจากพอร์ต Micro USB ครับ สองปุ่มนี้ไว้ทำไรอะไร ที่จริงแล้วสองปุ่มนี้มีประโยชน์มากๆ ในเกมส์ FPS เพราะเมื่อเรายิง ไปนานๆ โดยใช้ R2 อาจจะรู้สึกเมื่อยๆ เราก็สามารถเปลี่ยนมาใช้ ปุ่มพิเศษนี้แทน มันจะทำให้เราจับเต็มมือมากขึ้น เมื่อยน้อยลง หรือ ในเกมส์แนวแข่งรถ เราอาจจะตั้งปุ่มพิเศษนี้เป็น เบรคแทนก็ได้ เมื่อเราเร่งๆ ไป สักพัก เราไม่ต้องมาเอื้้อมเปลี่ยนนิ้วเพื่อเบรครถ เพียงแค่กดปุ่ม พิเศษนี้ลงครึ่งเดียว เบรคก็จะทำงานทันที สะดวกมากๆ ครับ (ขึ้นอยู่กับเราตั้งค่าปุ่ม)
ถัดมา อีกสองปุ่มด้านหลังของตัวคอนโทรลเลอร์ ครับปุ่มนี้ก็สามารถตังโปรแกรมเป็น ปุ่มอะไรก็ได้เช่นกันครับ แต่สิ่งที่นิยมนำมาใช้ในปุ่มนี้มากที่สุดคือใช้เป็น ปุ่ม R3 และ L3 ครับ เพราะมันเหมาะที่สุด เพื่อไม่ให้เราพลาดเผลอกด R3 หรือ L3 อย่างในเกมส์ FPS บางเกมส์ R3 ใช้ปาระเบิด บางที่เผลดกด Thumb-stick ลงไป ซวยเลย จึงทำให้ ปุ่มสองปุ่มนี้มาแทนที่ครับ โดยเราตั้งโปรแกรมไปปิด R3/L3 บน Thumb-stick จากนั้น มาตั้งใส่ปุ่มนี้แทน พอได้ลองใช้แล้ว รู้สึกเลยว่า เฮ้ย!! มันเหมาะจริงๆด้วย เมื่อวิ่งในเกมส์กด L3 ค้างโดยใช้ปุ่มนี้ คือไม่เมื่อยเลย ชิวมากขอบอก
แต่หากพบว่าสองปุ่มนี้มันรบกวนทำให้กดปุ่มอื่นยาก ไม่ถนัด ก็สามารถไขออกได้ด้วยไขขวง ที่แถมมาให้ในกล่องครับผม แต่ถึงแม้ว่าจะเอา Trigger ออกไปแล้ว เราอาจจะยังไปโดนปุ่มอยู่ก็ได้ แนะนำให้เอาการตั้งค่าปุ่มออกไปด้วย
ประสิทธิภาพ (Performance)
ถ้าจะให้เปรียบเทียบระหว่าง Raiju และ DualShock ในด้านการใช้งานและประสิธิภาพ ต้องบอกได้เลยว่าแตกต่างกันอย่างเห็นได้อย่างชัดเจน ราวกับว่า Raiju เปรียบเสมือน Mechanical Keyboard กับ DualShock 4 ที่เปรียบเสมือน Keyboard ปกติ ดังนั้นเมื่อเวลากดปุ่มบน Raiju มันจะรู้สึกว่า ปุ่มออกแบบมาให้ตอบสนองดีกว่า โดยเฉพาะปุ่มในส่วนของ D-pad หรือปุ่มบังคับทิศทาง เพราะว่า Raiju ออกแบบปุ่มบังครับทิศทางออกมาให้ แยกออกจากกัน ในทางตรงข้ามปุ่มบังคับทิศทางของ DualShock 4 ออกแบบมาแบบติดกันทั้งหมดแบบที่เรียกว่า “Rocking pad”
สำหรับปุ่มที่เป็นลักษณะแบบ “Rocking pad” หมายความว่าเวลาเรากดปุ่มทิศทางซ้านลงไป ปุ่มทิศทางด้านขวาของเราที่ก็จะขึ้นมาด้วย เพราะมันเป็นพลาสติกชิ้นเดียวกัน ในขณะที่ Raiju ออกแบบ D-Pad แยกเป็นปุ่มๆ ไปเลย มันจะทำให้ฟั่งชั่นของทั้ง 4 ปุ่มแยกกันอย่างสิ้นเชิงครับ ข้อดีของมันคือ โอกาสที่เราจะไปเผลอกดปุ่มผิดนั้นแทบจะเป็นศูนย์ แต่ข้อเสียของมันคือ ถ้าใช้เป็นปุ่มบังคับทิศทางจะใช้ยากกว่าเนื่องจากตอนนี้ปุ้มมันได้แยกออกเป็นเป็นของใครของมันแล้วครับ จึงไม่เหมาะต่อเกมส์ Fighting สักเท่าไร่
นอกเหนือจากระบบ D-Pad ที่สุดยอดนี้แล้ว ปุ่มทั้ง 4 ปุ่มที่ทำงานร่วมกัน มันได้เปรียบมากๆ เวลาสลับอาวุธ, วิ่งเร็ว หรือโจมตีแบบ Melee เพราะเนื่องจากตำแหน่งของปุ่มพิเศษเหล่านี้ออกแบบมาได้เป็นอย่างดี และ สามารถอนุญาตให้เราตั้งโปรแกรมกันได้ ทำให้ เหมาะสมมากสำหรับโปรเกมเมอร์ที่ต้องการประสบการณ์สูงสุดในการเล่น
สิ่งที่น่าผิดหวังสำหรับ Raiju ก็คือตัวคอนโทรลเลอร์เองไม่รองรับการใช้งานแบบ “ไร้สาย” ครับ ซึ่งเมื่อเราต้องการจะใช้งาน Raiju เราจำเป็นจะต้องเสียบสาย Micro USB จากตัวคอนโทรลเลอร์ เข้าไปยังเครื่อง PS4 ทุกครั้งครับ เหตุผลที่ทาง Razer ไม่ทำให้รองรับ wireless นั้นก็เพราะ ต้องการให้ตัวคอนโทรลเลอร์ตอบสนองได้ไว และเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงจำเป็นต้องใช้สายต่อตลอดเวลาครับ แต่ในความเป็นจริง เรานั่งเล่นอยู่กับ ทีวีจอ 55 นิ้ว+ กับสายยาวประมาณ 2 เมตร แต่โซฟาอยู่ไกลเชียวมันก็ไม่เวิร์คเท่าไร่ สำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบายครับ
สรุป (Verdict)
Razer Raiju ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพและประสบการณ์ในการเล่นเกมส์ที่สุดกว่าใคร ด้วยการออกแบบตั้งแต่บนกระดาษ จนถึงวัสดุที่เลือกใช้ จนกลายมาเป็น Raiju คอนโทรลเลอร์ ซึ่ง ตำแหน่งของปุ่ม, โครงสร้างและองค์ประกอบต่างๆ ได้แก่ แผงควบคุมลัดที่อำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้เล่น, ปุ่มพิเศษเพิ่มขึ้นมาอีก 4 ปุ่ม สำหรับปรับแต่ง และตั้งโปรแกรมปุ่ม ตามที่ตัวเองเหมาะสมที่สุด และได้มากสุด 2 โปรไฟล์, จับสบายถนัดมือ และใช้งานได้เวลานาน และ D-pad ที่แยกออกจากกันเป็นปุ่มของตัวเอง แต่อีกด้านเนื่องด้วยราคาที่แพง และตัวคอนโทรลเลอร์ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับเกมส์ทุกแนว รวมถึงไม่รองรับการใช้งานแบบ “ไร้สาย” ทำให้ Razer Raiju อาจจะไม่ได้เหมาะสมกับทุกคน แต่พูดได้ว่า Razer Raiju เหมาะสำหรับโปรเกมส์เมอร์ หรือผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพในการเล่นเกมส์สูงสุดครับ
รีวิวและเขียนบทความโดย ภัคพล บัวโทน (GuidePS4EXPErt)
ขอบคุณบริษัท เอสเซนตี้ รีซอร์สเซส จำกัด
สำหรับ Razer Raiju ที่ให้เรามารีวีวครับ
(ภาพประกอบบางส่วนจาก Razerzone.com)