เกมส์ : The Evil Within 2
แพลตฟอร์ม : PS4 / Xbox One / PC
ราคา: 1,990 บาท
วันวางจำหน่าย: 13 ตุลาคม 2017
เกมส์ที่ทุกคนไม่คิดว่ามันจะมีภาคต่อออกมา เพราะเกมส์นี้วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อตุลาคมปี 2014 และก็มี DLC ออกตามมาในปี 2015 จากนั้นก็หายเงียบไปเลย แต่เกมส์นี้ได้รับความนิยมได้หายประเทศทั่วโลก ด้วยความแปลกใหม่ของเนื้อเรื่อง และจุดเด่นของเกมส์นั่นคือ “ความสยองขวัญ” ความน่ากลัว จนทำให้ผู้เล่นรู้สึกกดด้น นี่คือเกมส์ The Evil Within หรือ Psychobreak เกมส์แนวสยองขวัญเอาชีวิตรอดที่พัฒนาโดย Bethesda Softworks และกำกับโดยคุณ Shinji Mikami ผู้ให้กำเนิด Biohazard หรือ Resident Evil เกมส์สยองขวัญระดับตำนานครับ หลังจากที่ทิ้งปริศนาไว้ในภาคแรก และหายเงียบไป จนกระทั่ง E3 2017 ทางค่ายได้เปิดตัวเกมส์ภาคต่อ และประกาศวางจำหน่ายในเดือนตุลาคมเลย ทำเอาแฟนๆ เซอร์ไพร์สมาก เพราะความน่ากลัว ความบ้าคลั่ง จะกลับมาอีกครั้งในเรื่องราวของนักสืบเซบาสเตียน ที่เข้มข้นกว่าภาคก่อน จนทำให้เราลุ้นแทบทุกฉาก นี่รีวิวคือเกมส์ The Evil Within 2 หรือ Psychobreak 2…
เนื้อเรื่อง
เกมส์จะเล่าเรื่องต่อจากภาคแรก โดยในภาคแรก เกมส์จะนำเสนอเรื่องราวของนักสืบเซบาสเตียน คาสเตลาโน่ แห่งเมือง Krimson เขาได้เผชิญกับเหตุการณ์ในโรงพยาบาลจิตเวชบีคอน (Beacon Mental Hospital) ในตอนนั้นเขา และทีมสืบสวน ได้เริ่มสอบสวนเกี่ยวกับเหตุกาลลึกลักของผู้คนที่เริ่มหายตัวไปที่โรงพยาบาลแห่งนี้ครับ และในโรงพยาบาลแห่งนี้เอง ที่มีองค์กรมืดที่ชื่อว่า Mobius องค์ที่ไม่ปรากฏต่อสาธรณะ ได้พัฒนาระบบที่ชื่อว่า STEM ระบบที่อนุญาติให้เราเข้าไปยังอีกหนึ่งโลก ที่เชื่อมต่อโดยจิตใต้สำนึก โดยใช้จิตใต้สำนึกคนๆ นึง มาใช้เป็นแกนกลางเพื่อสร้างโลกเสหมือนจริงนี้ขึ้นมา และสามารถควบคุมทุกอย่างในโลกนั้นได้ (คล้ายๆ The Matrix) ครับ นักสืบเซบาสเตียน ได้หลุดเข้าไปเกี่ยวพันธุ์กับและได้เข้าไปใช้ระบบ STEM ซึ่งเขาต้องทุกทรมาน เขาได้เสียเพื่อนร่วมงานดีๆ อย่าง โจเซฟ บวกกับเรื่องราวของ ลิลลี่ (Lily) ลูกสาว และ ไมร่า (Myra) ภรรยาของเขาตายจากอุบัติเหตุไฟไหม้บ้าน ทำให้เซบาสเตียนเฝ้ากล่าวโทษตัวเอง จนกลายเป็นคนที่จมอยู่กับขวดเหล้า เมาไปวันๆเพื่อลบล้างความเจ็บปวดทางใจ จนเขาโดนไล่ออกจากงาน
The Evil Within 2 เริ่มด้วย เซบาสเตียนฝันว่าเข้าไปช่วย ลิลลี่ (Lily) ที่บ้านกำลังถูกไฟไหม้ เมื่อเจอ ลิลลี่ (Lily) ก็พบว่าเธอกลายเป็นปีศาจเรียบร้อยแล้ว จากนั้น เซบาสเตียน ก็สะดุ้งตื่น โดยเขาอยู่ที่บาร์แห่งหนึ่ง พร้อมขวดเบียร์ที่กินแล้วมากมาย ในขณะนั้นเอง เขาก็ได้พบกับ Juli Kidman อดีตรุ่นน้องที่เคยร่วมงาน ที่กลายมาเป็น เจ้าหน้าที่ของ องค์กรโมเบียส (Mobius) ครับ เพราะเธอคนนี้เองที่จัดฉากให้เซบาสเตียน ต้องมาเกี่ยวพันธ์กับเรื่อง STEM จนต้องเสียทั้งงาน และเพื่อนร่วมงานไปด้วย และครั้งนี้สิ่งที่ทำให้เซบาสเตียน กลับไปยังโรงพยาบาลแห่งนั้น ก็เพราะ Juli Kidman ได้เผยว่า ลูกสาวของเขายังไม่ตาย เพราะลิลลี่ (Lily) ถูกส่งมาอยู่กับองค์กรโมเบียส (Mobius) แต่ตอนนี้องค์กรมีปัญหาต้องการความช่วยเหลือจากเซบาสเตียน
ขณะที่เขากำลังโมโหอยู่นั่นเอง เซบาสเตียนก็ถูกฉีดยาสลบ และถูกพามายังองค์กรโมเบียส (Mobius) เซบาสเตียนได้พบกับผู้บริหาร ซึ่งเขาได้เปิดเผยว่า องค์กรได้นำลิลลี่ (Lily) มาใช้เป็นแกนกลาง สำหรับระบบ STEM เวอร์ชั่นใหม่ เพื่อสร้างเมืองจำลองใหม่ชื่อว่า“ยูเนี่ยน” (Union) เมืองที่จะเต็มไปด้วยความงดงาม และความสุข แต่เมื่อเวลาผ่านไป เกิดความผิดพลาด องค์กรไม่สามารถติดต่อกับลิลลี่ (Lily) ในระบบได้ ทำให้พวกเขาเสียการควบคุมระบบ STEM และไม่สามารถควบคุมได้อีก เพื่อที่จะช่วยลูกสาว เซบาสเตียนจึงตัดสินใจเข้าไปยังระบบ STEM โดยมี Kidman คอยนำทิศทางอยู่ด้านนอกผ่านอุปกรณ์สื่อสารครับ ลองไปลุ้นกันดูครับว่า เซบาสเตียนจะสามารถช่วยลิลลี่ (Lily) ออกมาได้หรือไม่ครับ
สำหรับใครที่ไม่เคยเล่นภาค 1 เลยจะ งง มากว่าเรื่องราวเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะเกมส์เริ่มมาแบบต่อจากภาคแรกเลย โดยที่ไม่มีการปูเนื้อเรื่องให้กับผู้เล่นใหม่ๆ ครับ แต่ถ้าอ่านเนื้อเรื่องด้านบนนี้อาจจะพอปูเนื้อเรื่องให้ได้ครับ แต่เนื้อเรื่องของเกมส์ทำออกมาได้ดีมากครับ ประติดประต่อได้ดีครับ สร้างสรรค์ แปลกใหม่ พร้อมความหลอน และสยองขวัญตลอดทั้งเกมส์ครับ พูดได้เลยว่าครบทุกรสชาติ บางฉากนี่ผมบอกเลยว่าสยองจนแทบอ้วก!!
เกมส์เพลย์
สำหรับเกมส์ The Evil Within 2 นี้แน่นอว่าเป็นแนวเกมส์สไตล์ แอคชั่นสยองขวัญ เอาชีวิตรอต และมีอาวุธให้เลือกใช้อย่างจำกัดตามฉบับเกมส์แนวนี้ และเหมือนภาคแรกของเกมส์มีระบบ ที่เราสามารถอัพเกรดคลื่นสมอง ที่ทำให้เราเก่งขึ้นได้ เมื่อเริ่มบทที่ 3 เกมส์ได้นำเสนอฉากและแผนที่ ที่ใหญ่มากขึ้นซึ่งมันกึ่งๆ Open World เลยก็ว่าได้ครับ เราสามารถเข้าไปตามบ้านเรือนต่างๆ เพื่อไปเก็บไอเทมได้ แนะนำว่าให้ดูแผนที่ และตำแหน่งเราให้ดีครับ เพราะบรรยากาศ และระแวกที่เราอยู่มันดูคล้ายๆ กันหมด อาจจะทำให้สับสนมึนงงได้ นอกจากนี้ยังมีทางเลือกให้กับผู้เล่นในการที่จะ ต่อสู้ หรือวิ่งหนี (เวลาวิ่งหนีมี Stamina ด้วยนะ ยิ่งวิ่งเยอะจะยิ่งลด) หรือสามารถลอบฟันข้างหลังแบบ Stealth combat ได้เช่นกันขึ้นอยู่กีบสไตล์การเล่นแต่ละคนครับ
สิ่งที่ประทับใจเกี่ยวกับตัวเกมส์อีกอย่างคือการบังคับ โดยเราสามารถเลือกการบังคับได้สองแบบ ตามความถนัดของเรา ถ้าเป็น Type A เราสามารถกดวิ่งได้โดยการกดลงไปที่ R3 และเปิด/ปิด ไฟฉายที่ปุ่ม X แต่หากเป็น Type B เราสามารถกดวิ่งได้โดยใช้ปุ่ม X และเปิด/ปิดไฟฉายโดยใช้ R3 ครับ ส่วนตัวชอบ Type B มากกว่า เพราะผมถนัดที่จะวิ่งโดยใช้ x มากกว่า เกมส์ยังมีออฟชั่นเล็งเป้าอัตโนมัติด้วยนะ หากใครไม่ค่อยถนัดเล็งศัตรู
ระบบเซฟเกมส์ ทำออกมาให้เราเลือก 2 แบบคือ เราสามารถเซฟเกมส์ตามจุดเซฟที่อยู่ใน เซฟเฮ้าส์ หรือห้องทำงานของเซบาสเตียนก็ได้ หรือไม่ก็ระบบจะเซฟให้อัตโนมัติตลอดทั้งเกมส์ครับผม แต่ถ้าจะให้ดีสุดควรเซฟเกมส์ทุกครั้งเมื่อมีจุดให้เซฟ เพราะป้องกันไอเทมที่เก็บมาสูญหาย
ระบบอัพเกรดสกิล มีการปรับปรุงจากภาคแรกของเกมส์โดย ระบบจะระบุอย่างชัดเจนเกียวกับประเภท และสายที่เราต้องการจะอัพเกรด และเมื่อเราอัพเกรดแล้วผลจะออกมาเป็นแบบไหน สำหรับสิ่งที่จะนำมาใช้ในการอัพเกรดนี้คือ Green Gel โดย Green Gel สารามารถหามาได้ไม่ยาก เพียงแค่เราทำเควสย่อยต่างๆ หรือฆ่ากำจัดปีศาจ เราก็จะได้รับ Green Gel เป็นของตอบแทนเพื่อมาอัพเกรดตัวละครของเรา หรือเราสามารถตามทุบตู้กดน้ำสักก 2-3 ที ก็อาจจะได้ขวด Green Gel ออกมาเช่นกันครับ
ระบบอาวุธยังคงมีหลากหลายให้เลือกใช้มากมายเหมือนภาคแรกครับ แต่สิ่งที่ทำให้ภาค 2 นี้ มันลุ้นกว่าเดิมคือกระสุนครับ เพราะในภาคนี้กระสุนหายากกว่าภาคแรกเยอะเลยครับ ต้องพยายามประหยัดกระสุน เพื่อเก็บไว้สู้ตอนท้ายๆ แต่หากเราต้องการกระสุนจริงๆ เกมส์ได้สร้างระบบ ผสมไอเทมขึ้นมา โดยเราสามารถเก็บเศษดินปืน ตามที่กำหนดเพื่อนำมาทำกระสุนได้ หรือ เก็บสะสมสมุนไพร เพื่อนำมาทำยา เติม HP ได้เช่นกัน หรือสามารถเก็บชิ้นส่วนอาวุธเพื่อ นำมาอัพเกรดปืน หรืออาวุธอื่นๆ ของเราได้เช่นกัน ด้วยระบบนี้ ทำให้เกมส์ The Evil Within 2 นี้ เป็นเกมส์แนวเอาชีวอตรอดที่ออกมาสมบูรณ์แบบ
กราฟฟิค
ถ้าพูดถึงเเรื่องภาพของเกมส์นี้ ทำออกมาได้ดีตามมาตรฐานเกมส์ในปัจจุบัน แต่อาจจะไม่ทำให้รู้สึก “WOW” เหมือนเกมส์เกมส์เอ็กซ์คลูซีฟของโซนี่ ฉากต่างๆ รวมถึงการเล่นแสงทำได้เหมือนจริง บางจุดอาจจะดูมืดมาก แต่เกมส์ออกแบบมาให้เป็นแบบนั้นครับ ผมชอบรายละเอียดปีศาจแต่ละตัว และฉากที่สยองขวัญจนแทบอ้วกนั้นทำออกมาเหมือนจริงอย่างน่าตกใจครับ
แต่น่าเสียดายที่เกมส์นี้ยังไม่รองรับ ความละเอียด 4K บน PS4 Pro ทั้งที่ Xbox One X และ PC เกมส์ลองรับความละเอียดสูง (อย่างไร่ก็ตามทางค่ายประกาศว่ากำลังทำแพทช์ออกมาให้ PS4 Pro อยู่ ต้องติดตามต่อไป)
Verdict
The Evil Within 2 หรือ Psychobreak 2 กลับมาพร้อมกับความสยองขวัญอีกครั้ง เกี่ยวเรื่องราวของนักสืบเซบาสเตียน คาสเตลาโน่ ที่ในครั้งนี้ทางทีมงานพัฒนาได้เจาะลึกถึงเรื่องราวของเขา และองค์กรมืด Mobius มากขึ้น แต่ถ้าหากใครไม่เคยเล่นภาคแรกมาก่อน อาจจะตามเนื้อเรื่องได้ยากหน่อย ผมแนะนำให้ลองหาภาคแรกมาเล่นด้วย จะยิ่งเพิ่มประสบการณ์การเล่นขึ้นไปอีกครับ และด้วยประสบการณ์ของคุณ Shinji Mikami ผู้ให้กำเนิด Biohazard หรือ Resident Evil เกมส์สยองขวัญระดับตำนาน ด้วยเนื้อเรื่องที่ติดตามได้ไม่ยาก และอารมณ์ของเกมส์ที่มีครบทุกรสชาติ ราวภาพยนตร์ ระบบการเล่นที่เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน มันเป็นเครื่องการันตีได้ว่า The Evil Within 2 เป็นอีกหนึ่งเกมส์คุณภาพที่คอเกมส์แนว เอาชีวิตรอด และแนวสยองขวัญไม่ควรพลาดครับ
9.0/10
จุดเด่น (Pro)
- เนื้อเรื่องที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร
- เกมเพลย์และระบบการเล่นครบครัน ตามฉบับเกมส์สยองขวัญ
- ความสยองขวัญ ความน่ากลัว และลุ้นมาก
จุดสังเกต (Con)
- คนที่ไม่เคยเล่นภาคแรกอาจจะ งง กับเนื้อเรื้อง
- ไม่มีโหมดออนไลน์
- ยังคงมีบั๊คบางส่วน ฆ่าแล้วไม่ยอมตาย ขาปีศาจจมไปใต้พื้นฉาก (รอแพทช์แก้ไข)
- ยังไม่รองรับความละเอียดสูง บนเครื่อง PS4 Pro (รอแพทช์แก้ไข)
รีวิวและเขียนบทความโดย ภัคพล บัวโทน (GuidePS4EXPErt)
ขอบคุณ PlayStation Asia และ บริษัท PC& Associate Consulting จำกัด
สำหรับแผ่นเกมส์ที่ให้เรามารีวีวครับ