เกมส์ : Dynasty Warriors 9
แพลตฟอร์ม : เกมส์เอ็กซ์คลูซีฟสำหรับ PS4
ราคา: 1,990 บาท
วันวางจำหน่าย: 8 กุมภาพันธ์ 2018
เป็นเวลามากกว่า 21 ปีที่ทางค่าย Koei Tecmo ได้พัฒนาและออกแบบเกมส์ที่ได้แรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์อันชื่อดังของประเทศจีนอย่างตำนาน “สามก๊ก” ที่เป็นตำนานและสงครามอันยาวนานที่สุดของประเทศจีนที่ทุกคนทั่วโลกไม่มีวันลืมครับ ตำนานการแย่งชิงของกองทัพทั้ง 3 ก๊กเพื่อ ขึ้นเป็นมหาอำนาจใญ่ของแผ่นดินจีนครับ ทางค่ายใช้จุดนี้มาสร้างสรรค์เป็นเกมส์ที่ชื่อว่า Dynasty Warriors ซึ่งเป็นเกมส์สไตล์แอคชั่น วางแผนสุดมันส์ ด้วยระบบที่เข้าใจง่าย และเล่นแบบ Co-Op ได้ จึงทำให้เกมส์ประสบความสำเร็จ กลายเป็นเกมส์ซีรี่ย์ที่มีมากว่า 8 ภาคครับ หลังจากห่างหายมากว่า 5 ปีในที่สุด ทางค่ายก็ได้เปิดตัวและวางจำหน่าย Dynasty Warriors 9 ซึ่งเป็นเกมส์ภาคล่าสุด ที่ออกแบบมาบนเครื่องคอนโซลปัจจุบันที่อยู่ในตลาดตอนนี้ เกมส์ได้นำเสนอการเล่นที่ฉีกแนวเกมส์ Dynasty Warriors ภาคก่อนๆ ที่เราเคยเล่นมาอย่างสิ้นเชิง ด้วยการเล่นแบบ Open-World ใหม่นี้ เราจะไม่ได้ถูกจำกัดในการต่อสู่แต่ละหัวเมืองอีกต่อไป และเราจะเข้าไปอยู่ในแผนที่ขนาดใหญ่ ของสามก๊ก ที่ไม่เหมือนกับที่เราเคยสัมผัสมาก่อน และนี่คือรีวิวเกมส์ Dynasty Warriors 9 ยินดีต้อนรับสู่มหาสงครามบทใหม่
เกมเพลย์
สำหรับรีวิวนี้ผมขอข้ามเนื้อเรื่องไปนะครับ แต่จะของเล่านิดหน่อยแล้วกัน สำหรับเนื้อเรื่องของเกมส์ยังคงวนเวียนอยู่ในโลกของสามก๊ก โดยในภาคนี้จะเน้นเนื่อเรื่องเป็นบทพูดเป็น Dialog เสียส่วนใหญ่ครับ ฉากคัทซีนน้อยกว่าภาคก่อนๆ โดยเนื้อเรื่องจะนำเสนอมุมที่แตกต่างกันของแต่ละก๊กที่เราเลือกเล่นครับผม และจุดจบของเนื้อเรื่องแต่ละก๊กไม่ต่างอะไรจากภาคก่อนๆ ที่เคยเล่นกัน หลักๆ ของเกมส์นี้คือเกมเพลย์
สิ่งที่ทำให้ Dynasty Warriors 9 ก้าวไปสู่อีกขั้นก็คือเกมส์ที่เป็นแบบ Open-World โดยเมื่อเราเริ่มเกมส์ในโหมด “Story” แล้ว สิ่งแรกที่เราจะพบคือเลือกก๊กที่เราอยากจะเล่น และเลือกตัวละคร ที่เราต้องการเล่น สำหรับในช่วงแรกนั้น เราจะเลือกตัวละครได้ไม่กี่ตัวเท่านั้น แต่เมื่อเราเล่นเอาชนะภารกิจต่างๆ ได้แล้ว ตัวละครจะค่อยๆ ปลดล็อคให้เราสามารถสลับเล่นไปได้เรื่อยๆ ครับ เมื่อเลือกตัวละครเสร็จเรียบร้อบ เราจะเข้าไปสู่โลกแห่งสามก๊ก ในแผนที่อันกว้างใหญ่มากๆ เราไม่ต้องกังวลที่จะเดินตกแผนที่อีกต่อไป จากแต่ก่อนที่เราต้องเลือกเล่นเป็นสมรภูมิ ในภาคนี้เราสามารถเดินทางด้วยม้า หรือ เดินท้าวไปยัง สมรภูมินั้นๆ หรือ จุดที่กำลังเดือดได้ทันที ขึ้นอยู่กับสไตล์การเล่นของแต่ละคน เรายังสามารถที่จะ โซโล่เดี่ยวเข้าไปยึดป้อมเล็กๆ ได้เลยครับ
กาเดินทางระหว่างภารกิจเราสามารถเดินทางแบบ Fast Travel (ตามสไตล์เกมส์ Open-Wold ทั่วไป) แต่ในช่วงแรกเราจะ Fast-Travel ไปไม่ได้มากเท่าไหร่เพราะ สถานที่ๆเราสามารถ Fast-Travel ได้มันต้องเป็น ป้อมหรือ ปราสาทในกองทัพของเราเท่านั้น ทำให้เวลาส่วนใหญ่ของเราระหว่างเดินทางไปยังสมรภูมิ หรือภารกิจต่างๆ จะเดินทางด้วยม้า ซึ่งขอบอกได้ว่า ใช้เวลานานมาก เวลาเดินทางจากที่นึงไปยังอีกที่นึง แต่เกมส์ก็มีระบบที่เรียกว่า Auto-Travel หรือ ระบบจะเดินทางบนม้าให้อัตโนมัติโดยที่เราไม่ต้องกดอะไรเลย แต่ข้อเสียของระบบ Auto-Travel คือ ระบบมันจะเดินทางเฉพาะทางถนน หรือ ทางหลักที่ใช้เดินทาง ที่ตัวเกมส์กำหนดเท่านั้น ทำให้บางทีมันจะพาเราอ้อมไกลมากครับ มันจะไม่วิ่งตัดไปตามป่าครับ หากเราบังคับม้าวิ่งไปตรงป่าต่างๆ ม้าจะไม่สามารถกระโดดผ่านสิ่งกรีดขว้างได้ ทำให้การเดินทางในแผนที่ใหญ่อาจจะใช้เวลา 5-15 นาที กว่าเราจะไปถึงยังสมรภูมิที่เป็นภารกิจจริงๆ บางครั้งเลยเซงมากๆครับ แต่ช่วงหลังๆ ของเกมส์เราจะสะดวกกับการ Fast-Travel มากขึ้น แต่ข้อดีคือเไม่ว่าเราจะต่อสู้ หรือเคลียภารกิจเสร็จ จะไม่มีหน้า Loading Screen เลยครับ ฉากจะค่อนข้างต่อเนื่อง
สิ่งที่เพิ่มเข้ามา เพื่อรสชาติของเกมส์ที่มากขึ้นคือการ Craft อาวุธลไอเทมต่างๆ ที่มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเราสามารถล่าสัตว์ เอามาทำอาหาร เพื่อมาเพิ่มพลัง หรือเพิ่มการ boot พลังพิเศษเราได้ และยังสามารถนำไปในใช้ในการสร้างไอเทมต่างๆ นอกจากกาล่าสัตว์แล้ว เรายังสามารถจับปลาได้ด้วยนะ แต่มันยากและเสียเวลาไปหน่อยครับ อย่างไรก็ตามทั้งนี้ทั้งนั้น ระบบ Craft นี้ผมมองว่าเป็นแค่ตัวเสริมของเกมส์เท่านั้น เพราะจริงๆ เราไม่จำเป็นต้องมา Craft ก็ได้ครับ ขอดีของการ Craft ในเกมส์นี้คือการนำมาสร้างไอเทมไว้เพิ่มเลือดเท่านั้น
เกมส์ได้นำเสนอตัวละครกว่า 90 ตัวละครในเลือกเล่น ซึ่งแต่ละตัวละครก็มีความสามารถ และทักษะแตกต่างกันออกไปครับ โดยสำหรับระบบการต่อสู้ยังคงความเป็นต้นฉบับของเกมส์ Dynasty Warriors ตลอด 21 ที่ผ่านมาครับ ยังคงนำเสนอการควบคุมและ คอมโบที่เรียบง่ายที่เราคุ้นเคยอบย่าง สี่เหลี่ยมฟัน + คอมโบ้กับ สามเหลี่ยม ตามด้วยท่าไม้ตายตบท้ายด้วยปุ่ม วงกลมครับ นอกจากนี้ในภาคนี้ยัวมีคอมโบใหม่ ซึ่งมีการใช้ปุ่ม R1 + ปุ่มสี่เหลี่ยม หรือ สามเหลี่ยม หรือ ปุ่มวงกลมเพื่อใช้เป็นท่าใหม่อีดเช่นกันครับ ฟันทหารที่มีกว่าเป็นพันคน ตามสไตล์ Dynasty Warriors
แม้ว่า Dynasty Warriors 9 จะมีการพัฒนาไปเป็นเกมส์แนว Open-World ก็ตามแต่ก็มีสิ่งที่ทำให้เกมส์ Dynasty Warriors 9 นี้กลับถอยหลังเข้าคลอง นั่นก็คือ เกมส์ไม่มีโหมดออนไลน์ มัลติเพลเยอร์ และก็ไม่มีโหมดเล่นมัลติเพลเยอร์ ที่เล่นแบ่งจอกันสองขึ้นอีกเช่นกัน ซึ่งจุดนี้เป็นจุดดอยเอามากๆ เพราะจุดขายของเกมส์ Dynasty Worriers ภาคก่อนที่ผ่านๆ มาครับ ยังไม่พอยังมีการตัดโหมด Survival และ Challenge Mode ออกจากเกมส์ ทำให้เลือกแค่โหมด Story ที่เป็นแบบ Open-World เหลือเพียงให้เราเล่นเท่านั้นครับ
กราฟฟิก
ตั้งแต่เกมส์เปิดฉากคัทซีนฉากแรกๆ ผมก็ค่อนข้างะผิดหัวงกับภาพของเกมส์ครับ แสงและฉากโดยรวมออกเทาๆ และสิ่งแวดล้อมรอบข้างทำออกมาไม่ละเอียดเลย ดูแข็งไปหมด ทั้งตัวละคร NPC ที่คุยกับเราเหมือนไม่ค่อยมีอารมณ์ ดูไร้ชีวิตชีวา แม้ว่าเกมส์จะนำเสนอเกมส์สไตล์ Open-World ที่มาฉากใหญ่โต แต่รายละเอียดตามแผนที่กลับดูว่าง โล่งจนดูไม่มีอะไร รายละเอียดของต้นไม้ใบหญ้าไม่พริ้วไหว ไม่สมกับเป็นเกมส์ในยุคนี้เท่าไร่ สิ่งที่ทำให้พอดูดีคือฉากแสงจันทร์ตอนกลางคืนที่ทำได้ดีใช้ได้อยู่ กับฉากต่อสู้ที่มีเอฟเฟคก์โอเคอยู่ครับ อย่างไรก็ตามเฟรมเรตของเกมส์ยังแย่มากๆ โดยเฉพาะเมื่อมีทหารเยอะๆ และเมื่อเวลาเดินทางด้วยม้าเร็วๆ ฉากอาจจะโหลดไม่ทันบ้างครับ ซึ่งจุดนี้ต้องผู้พัฒนาเกมส์ควรปรัปรุงครับ
Verdict
Dynasty Warriors 9 เป็นเกมส์สามก๊กภาคล่าสุดที่นำเสนอการฉีกกรอบของตัวเองเพื่อออกมานำเสนอเกมส์สไตล์ Open-World ในโลกแห่งมหาสงครามขนาดใหญ่ในครั้งนี้ ทำให้สามารถเพิ่มประสบการณ์การสู้รบแบบต่อเนื่องให้กับผู้เล่น ครับ แม้ว่านักพัฒนาสามารถออกมาจากกรอบของตัวเองที่เคยสร้างไว้ตลอดเวลา 21 ปี ก็ยังมีสิ่งที่ตัดออกไปมามายอ่าทิต โหมด เล่นแบบ Co-Ops,โหมด Survival และ Challenge Mode ทำให้ความคุ้มค่าของเกมส์นั้นลดลง บวกกับกราฟฟิกของเกมส์ที่น่าผิดหวัง ในทั้งด้านความละเอียดของภาพ และเฟรมเรต ทำให้เกมส์ Dynasty Worriers 9 จะต้องได้รับการปรับปรงอีกมากครับ อย่างไรก็ตามหากผู้ใดอยากลองสัมผัสเกมส์สามก๊กสไตล์ Open-World แบบนี้ เกมส์นี้ก็เป็นทางเลือกอีกนึ่งเกมส์ที่ไม่ได้เลวขนาดนั้นครับ
5.5/10
จุดเด่น (Pro)
- ฉีกแนวด้วยความแปลกใหม่สไตล์ Open-World
จุดสังเกต (Con)
- กราฟฟิกและเฟรมเรตอันน่าผิดหวัง
- โหมด Co-Op, Survival และ Challenge Mode ถูกถอดออกจากเกมส์
- การเดินทางในช่วงแรกใช้เวลานาน และ Auto-Travel กลับเินทางอ้อมที่เช้ากว่า
- เนื้อเรื่องเดิมๆ ที่ตอนจบเราสามารถคาดเดาได้
รีวิวและเขียนบทความโดย ภัคพล บัวโทน (GuidePS4EXPErt)
ขอบคุณ PlayStation Asia และ บริษัท PC& Associate Consulting จำกัด
สำหรับแผ่นเกมส์ที่ให้เรามารีวีวครับ