เกมส์ : Detroit: Become Human
แพลตฟอร์ม : เอ็กซ์คลูซีฟสำหรับ PS4
ราคา: 1,890 บาท
วันวางจำหน่าย: 25 พฤษภาคม 2018
ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้ก้าวไปไกลอย่างน่าตกใจ ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ได้เริ่มมีบทบาทสำคัญในชีวิตเรามากขึ้นเรื่อยๆ จนอนาคตมีการคาดการณ์กันว่า มนุษย์อย่างพวกเราจะตกงาน เพราะ ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่สามารถจะทำงานแทนมนุษย์อย่างพวกเราได้ ยิ่งไปกว่านั้นหาก AI ฉลาด และสามารถคิด, มีความรู้สึก และมีจิตใจที่เหมือนมนุษย์ โลกเราจะเป็นอย่างไร นี่คือไอเดียที่ทางค่ายพัฒนาเกมส์ Quantic Dream ได้นำมาสร้างสรรค์ เรื่องราวอันยิ่งใหญ่ สามารถสะท้อนสังคมในโลกยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี มาพร้อมกับเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้น และมีแต่ผู้เล่นเท่านั้น ที่จะเป็นผู้กำหนดชะตาของเกมส์ โดยไม่สามารถคาดเดาได้ ด้วยทุนการสร้างกว่า 30 ล้านยูโร พัฒนามาจากเทคเดโม Kara ของเครื่อง PS3 เมื่อปี 2012 จนผู้กำกับเกมส์ David Craig ได้ไอเดีย จนกลายมาเป็นเกมส์ที่เล่าเรื่องราวได้อย่างสมบูรณ์แบบ นี่คือรีวิวเกมส์ Detroit: Become Human ทุกเหตุการณ์คุณคือผู้กำหนด
**บทความรีวิวนี้เป็นบทความไม่มีการสปอย์เนื้อเรื่อง และตัวระบบเกมส์บางส่วน เพื่อให้แฟนๆ ได้รับประสบการณ์สูงสุดในการเล่น และตื่นเต้นที่จะได้สัมผัสเกมส์นี้ครับ
เนื้อเรื่อง
เหตุการณ์ในเกมส์เกิดขึ้นในเมือง ดีทรอยต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ 2038 ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวไกล มีบริษัทเอกชน ผู้นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อันดับหนึ่งของโลก ที่มีชื่อว่า CyberLife ได้ผลิตและพัฒนา หุ่นยนต์ที่เรียกว่า “Android” (แอนดรอยด์) หุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ขึ้นมา หุ่นยนต์เหล่านี้มีความคิด, มีความรู้สึก และมีจิตใจที่เหมือนมนุษย์ หุ่นยนต์แอนดรอยด์แต่ละรุ่นก็มีความสามารถและความฉลาดแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับ โมเดล หรือรุ่นหุ่นยนต์ด้วย ยิ่งรุ่นที่มีราคาแพงๆ ก็จะมีความฉลาดและฟีเจอร์ที่ต่างกันออกไป สำนักงาน และ โรงงานผลิตหุ่นแอนดรอยด์ ของบริษัท CyberLife ตั้งอยู่ที่เมืองดีทรอยต์ นอกจากนี้เมืองดีทรอยต์ ยังเป็นเมืองแรกๆ ที่นำร่องในการวางจำหน่าย และใช้งานหุ่นยนต์แอนดรอยด์นี้ครับ หุ่นยนต์แอนดรอยด์เหล่านี้วางจำหน่ายเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป มีทั้งมือหนึ่ง และมือสอง ครับ ผู้คนในเมืองส่วนใหญ่จะซื้อไปเพื่อเอาไปช่วยงานบ้าน หรือ ดูแลเทคแค รวมไปถึงสำนักงาน หรือ บริษัทใหญ่ๆ ก็ได้ซื้อหุ่นยนต์แอนดรอยด์ไปทำงานแทนมนุษย์เช่นกัน ในเกมส์เราจะได้เล่นรับบทเป็นแอนดรอยด์ทั้งหมด 3 ตัวละคร ได้แก่
- Kara เป็นแอนดรอยด์ที่ออกแบบมาให้เป็น แม่บ้าน และดูแลเด็กได้ นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการพัฒนาความรู้สึก และเข้าถึงจิตใจของมนุษย์ได้.
- Connor เป็นแอนดรอยด์ต้นแบบที่ออกแบบมาให้เป็นตำรวจ และใช้ในการสืบสวนโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังใช้ในการล่าหุ่นยนต์แอนดรอยด์ที่ทำงานนอกเหนือจากพฤติกรรมที่ทำการโปรแกรมและถูกตั้งค่าไว้ ซึ่งอาจจะไปทำร้ายผู้อื่น หรือ ฆ่ามนุษย์ ได้ ทำให้หุ่นยนต์แอนดรอยด์เหล่านี้เป็นอัตรายต่อมนษุย์
- Markus เป็นแอนดรอยด์รุ่นทดลอง ที่ออกแบบมาเพื่อดูแลผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการพัฒนาความรู้สึก และเข้าถึงจิตใจของตนเองได้ มีความจงรักภักดีต่อเจ้าขอเป็นอย่างมาก
เหตุการณ์ของแอนดรอยด์ทั้ง 3 จะเป็นเรื่องราวเดียวกัน ในมุมมอง และสถานการณ์แตกต่างกัน แต่เหตุการณ์ของทั้ง 3 แอนดรอยด์นี้เกิดในเวลาเดียวกัน และพร้อมๆ กันครับ ตอนแรกอาจจะรู้สึกว่าเรื่องราวของแต่ละตัวละครไม่ได้เชื่อมต่อกัน อาจจะสลับสับสนเล็กน้อย แต่พอเมื่อได้เล่นไปสักพักจะรู้ว่าจริงๆ แล้ว นี่คือเรื่องราวเดียวกัน เราจะได้รู้เรื่องราวของแอนดรอยด์แต่ละตัวว่า ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ซึ่งบอกได้เลยว่าอารมณ์ของเกมส์ได้ถูกถ่ายทอดออกมาได้เป็นอย่างดี เราจะได้เห็นทิตทางของสังคมในอนาคตที่สะท้อนถึงโลกในยุคปัจจุบันที่เป็นอยู่ในขณะนี้ มนุษย์ตกงาน ออกมาประท้วงขับไล่เหล่าแอนดรอยด์ที่มาแย่งงานพวกเขา
แต่ในอีกมุมมองหนึ่ง แอนดรอยด์ที่ถูกมนุษย์ซื้อไป ก็ถูกใช้เป็นทาส ถูกซ้อม ถูกทำร้าย โดนดูถูก ดูป้ายสี จนสุดท้ายแอนดรอยด์เริ่มที่จะไม่ทำตามคำสั่งที่ถูกตั้งโปรแกรมมาไว้ จึงออกมาฆ่ามนุษย์ หรือ หนีจากเจ้าของอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ เพื่อใช้ชีวิตอย่างอิสระ แอนดรอยด์เหล่านี้ถูกเรียกว่า “Deviant”และพวก Deviant นี่เองที่เริ่มรวมกลุ่มออกมาขอสิทธิมนุษยชน และอิสระภาพ จากมนุษย์ แล้วเรานี่แหละที่จะเป็นผู้กำหนดชะตาของแอนดรอยด์เหล่านี้ครับ เกมส์ดีไซน์เรื่องราวออกมาได้สมดุล ครบทุกรสชาติ ตั้งแต่เกมส์เริ่มต้นขึ้น จนถึงจบเกมส์ ทำให้เราลุ้นตลอดเวลา มีจุดหักมุมที่ทำให้เราคาดไม่ถึงมากมายครับ มีข้อเสียเพียงแค่สำหรับใครที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง อาจจะติดตามและประติดประต่อเรื่องราวได้ยากครับ เพราะเกมส์จะใช้การเล่าเรื่องราวเป็นหลักในเล่นเกมส์นี้ เปรียบสเหมือนเราดูภาพยตร์ ดังนั้นภาษาสำคัญเป็นอย่างมาก แต่ถ้าไม่ติดเรื่องภาษา ส่วนตัวแล้วเนื้อเรื่องของเกมส์สามารถสื่ออารมณ์ของตัวละครออกมาได้เป็นอย่างดี ยิ่งเนื้อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ เราจะได้รับรู้ถึงความรู้สึกของตัวละครแต่ละตัว ทำให้การตัดสินใจของเราแต่ละครั้ง ผมรู้สึกได้เลยว่ามันส่งผลมากเพียงใดกับตัวละครนี้ แล้วเมื่อย้อนกลับไปดูแล้วก็มีแอบเสียใจกับการตัดสินใจผิดๆ ของเรา นี่แหละสามารถนำมาปรับใช้เป็นข้อคิดมาใช้ในชีวิตจริงของเราได้ดีมากๆ
เกมส์เพลย์
หาใครเคยสัมผัสเกมส์ Heavy Rain หรือ Beyond: Two Souls แล้วหล่ะก็คงสามารถเข้าใจเกมส์เพลย์ Detroit: Become Human ได้อย่างง่ายดายเพราะเกมส์เป็นสไตล์เดียวกัน แต่สำหรับ Detroit: Become Human มีเรื่องราวที่ซับซ้อนกว่ามาก ระบบเกมส์เพลย์ของ Detroit: Become Human เป็นระบบเกมส์เพลย์ที่ออกแบบมาให้เราดำเนินเรื่องราวเอง ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเกมส์ล้วนแล้วเราเป็นคนตัดสินใจทั้งสิ้น เกมส์ไม่ได้ออกแบบมาให้เรานั่งดูและให้เราตัดสินใจ ตามไดอะล็อกที่ปรากฏขึ้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทุกๆ เบาะแส, สิ่งที่เราเห็น หรือมแม้แต่การตอบสนองกับตัวละครตัวอื่นๆ อาจจะทำให้เหตุการณ์ในฉากจบแต่ละบทแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ นอกจากนี้เบาะแสที่เราเก็บได้ในฉากแต่ละบทยังมีผลในเหตุการณ์ในเกมส์ตอนหลังอีกด้วย เช่น ในระหว่างที่เราเล่นเป็น Connor ที่เป็นแอนดรอยด์ตำรวจ เราจะต้องหาเบาะแส เพื่อสืบสวนหาคนร้าย ถ้าหากเราเบาะแสไม่พอ ก็อาจจะไม่สามารถจับคนร้ายได้ และเมื่อจับคนร้ายไม่ได้ก็ส่งผลกระทบเหตุการณ์ในเกมส์ต่อไป หรือหากเราเลือกที่จะฆ่าใครไปแล้ว ผู้ท่โดนเราฆ่าก็จะไม่ปรากฏตัวในเกมส์อีกต่อไป
การตัดสินใจในแต่ละไดอะล็อกมีเวลาจำกัด ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นด้วย ยิ่งสถานการณ์เร็ว หรือต้องตัดสินใจในทันที เวลาที่เให้ราต้องเลือกไดอะล็อกจะมีแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น บางครั้งก็เกือบอ่านไม่ทันเหมือนกันครับ การตัดสินใจตอบไดอะล็อกจะเป็นการเปลี่ยนทิศทางของเรื่องเรื่องไม่มากก็น้อย ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ในฉากๆ นั้นเช่นกัน สำหรับคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้ในไดอะล็อก มีตั้งแต่ศัพท์เข้าใจได้ง่าย ไปจนถึงศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยครับ
การตัดสินใจไม่ได้มีแค่การตอบไดอะล็อกเท่านั้นครับ การที่เราตัดสินใจอะไรบางอย่างอาทิ เลือกที่จะฆ่า หรือเลือกที่จะปล่อบไป, เลือกที่จะช่วย หรือ เลือกที่จะหนี, เลือกที่จะไม่ตอบ และหนีออกมา หรือแม้แต่เลือกที่จะโกหก สิ่งละเอียดอ่อนเหล่านี้ทำให้เนื้อเรื่องเกมส์เปลี่ยนไปได้ นอกจากการตัดสินใจทีจะทำให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนไปแล้ว ระบบยังแสดงค่าสถานะความรู้สึก ของตัวละคร NPC ที่ส่งผลจากการตัดสิ้นใจครั้งนี้ด้วย โดยค่าสถานะความรู้สึกของตัวละคร NPC เหล่านนี้อาจจะมีความรู้สึกหลากหลายแบบ ดังนี้ ความไว้ใจ, ความรัก, ความเคารพ, ความซื่อสัตย์, ความหวัง หรือความเครียด สามารถที่จะเพิ่มขึ้น หรือ ลดลง ได้ครับ บอกได้เลยว่านักพัฒนาออกแบบมาได้ละเอียดมากจริงๆ
นอกจากการตัดสินใจแล้ว ระหว่างที่เราเล่นเกมส์จะมีให้กดปุ่มตามที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ เราต้องกดปุ่มที่ปรากฏบนหน้าจอให้ทันตามเวลาที่กำหนด ถ้ากดไม่ทันในเหตุการณ์นั้นๆ บอกเลยมีผลอย่างมากต่อกับเนื้อเรื่องครับ บางครั้งเราต้องคิดว่าเราจะเลือกกดปุ่มไหนในเวลาที่จำกัดมากๆ ยิ่งบางฉากลุ้นๆ ต้องตั้งสติไว้เลยเพราะอาจจะมีให้เรากดปุ่มได้ทุกเมื่อ ความยากของลำดับการกดปุ่ม ขึ้นอยู่กับระดับความยากของเกมส์ที่เราเลือก โดยในเกมส์ Detroit: Become Human จะมีให้เลือกระดับความยาก 2 ระดับคือ Carsual (ง่าย) และ Experience (ยาก) ในรีวิวนี้ผมเล่นแบบยาก มีปุ่มให้กดมากที่สุด 3 ปุ่ม แต่ตำแหน่งของปุ่มทำให้กดยาก และท้าทายมากๆ ในเวลาที่จำกัดครับ
สิ่งที่ทำให้เกมส์น่าสนใจมากขึ้นคือเนื่องจากเราเป็นแอนดรอยด์ เราสามารถคำนวนเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หรือ เกิดการที่จะเกิดขึ้นได้ ก่อนที่เราจะตัดสินใจลงมือทำจริงๆครับ ยกตัวอย่างเช่น เราเล่นเป็น Connor อยู่ในฉากฆาตกรรม เราสามารถหาเบาะแส ประกอบการสืบสวน พอเรามีหลักฐานเพียงพอแล้ว เราสามารถที่จะเรียงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ว่า ผู้ตายเสียชีวิตได้อย่างไร่ หรือ คนร้ายซ่อนอยู่ที่ไหน เป็นต้นครับ นอกจากนี้ยังใช้ในการคำนวนผลลัพธ์ของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ออกมาได้ด้วยว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร มีความเสี่ยงสูงมั้ย อย่างเช่น เราจะลักลอบเข้าเขตหวงห้าม แต่ในบริเวณดังกล่าวโดรนคอยเฝ้าระวังอยู่ เราจะมีวิธีอะไรทำลายมันได้อย่างไรบ้าง ระบบเกมส์ก็จะมีให้เราคำนวนผลลัพธ์ต่างๆ ว่า ถ้าเราขึ้นไปที่สูงแล้วกระโดนลงมาทำลายจะสำเร็จมั้ย ระบบก็อาจจะบอกต่ออีกว่า หากเราขึ้นไปที่สูงๆ เราจะขึ้นสูงเกินไป หรือ เตี๊ยไปหรือไม่ พอขึ้นไปแล้ว ที่นี้จะกระโดดไปจับโดรน เราจะกระโดดเร็วไป เพราะโดรนยังบินมาไม่ถึง หรือ กระโดดช้าไปหรือป่าว เพราะโดรนเลยไปแล้ว สิ่งเหล่านี้เราสามารถคำนวนผลลัพธ์ออกมาได้ ก่อนที่เราจะทำการลงมือทำจริงๆ ครับ นี่เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เพิ่มความสนุกให้กับเกมส์เป็นอย่างมาก
เมื่อจบแต่ละบทตัวเกมส์จะแสดง Flow Chart เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในบทที่เราเพิ่งจะเล่นจบไป ใน Flow Chart ยังระบุ เหตุการณ์ที่ยังไม่ถูกปลดล็อค เนื่องจากเราตัดสินใจที่จะไม่เลือกเดินไปอีกทางนึง ทำให้เรื่องราวของทางที่เราไม่ได้เลือกจึงไม่ปลดล็อคครับ นอกจากนี่เรายังสามารถดูสถิติจากผู้เล่นทั้วโลกด้วยได้ว่า มีผู้เล่นกี่เปอร์เซนต์ที่ได้เลือกเหตุการณ์เดียวกับเรา แน่นอนว่าเมื่อเราเล่นจบบทนึ่งไปแล้ว เราสามารถ รีเพลย์ เล่นซ้ำบทนั้นได้ทันทีครับ หากเราไม่พอใจผลลัพธ์ที่ออกมา เตือนไว้ก่อนว่าถ้าเรากลับไปเล่นใหม่แล้ว ผลออกมาไม่ตรงกับที่เราเล่นไว้ครั้งที่แล้ว เหตุการณ์ในบทต่อไปจะเปลี่ยนทันที
ทางค่าย Quantic Dream แนะนำว่าให้ผู้เล่น เล่นให้จบโดยที่ไม่ย้อนกลับไปเล่นบทใดบทหนึ่งเสียก่อนครับ เพราะผู้เล่นจะได้รับประสบการณ์สูงสุดจากการเล่นในครั้งนี้ เนื่องจากเป็นการตัดสินใจของเรา จากความรู้สึก และการรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าเราจะไม่ได้เห็นเรื่องราวทั้งหมดในการเคลียเกมส์รอบแรก บางตัวละครเราอาจจะไม่ได้เห็นด้วยซ้ำเพราะว่าเราเลือกที่จะดำเนินเรื่องราวไปคนละทิศทางที่ตัวละครนี้จะปรากฏ เกมส์ใช้เวลาในการเคลียตั้งแต่ต้นจนจบประมาณ 10 ชั่วโมง ครับ แต่หากจะเล่นให้ครบ หรือ ปลดล็อกทุกเรื่องราว อาจจะต้องใช้เวาลากว่า 40 ชั่วโมงในการเล่นครับ
นอกจากที่เมื่อเราเล่นจบหนึ่งบทแล้วระบบได้แสดง Flow Chart ของเหตุการณ์แล้ว เรายังได้รับคะแนน Bonus Point ที่มาจากการตัดสินใจ หรือการหาเบาะแสในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบทนี้เจอครับ คะแนนตรงนี้จะสามารถใช้ในการปลดล็อกคอนเทนท์พิเศษของเกมส์ที่ไม่มีในเนื้อเรื่องหลักได้ เช่นวีดีโอ ประวัติเกี่ยวกับแอนดรอยด์, เบื้องกหลังการพัฒนา, รูปภาพ, คลิปเสียง เป็นต้นครับ แต่ละประเภทใช้คะแนนไม่เท่ากันครับ รวมถึงในตัวเกมส์มีให้สะสมนิตยสารที่ซ่อนอยู่ตามฉากต่างๆ รวม 46 ฉบับ ไว้ให้เราเก็บสะสมให้ครบตลอดการเดินทางของเรา เพื่อไว้ปลดล็อกถ้วยรางวัลเช่นกันครับ
ข้อเสียอย่างเดียวเรื่องมุมกล้อง บางฉากระบบอนุญาติให้เราสามารถปรับมุมกล้องได้อิสระได้ แต่บางฉากก็เป็นมุมกล้องแบบที่ fixed ไว้ ทำให้บางครั้งมุมมองของกล้อง มันทำให้เรามองไม่เห็นเบาะแส และสามารถทำให้ข้อมูลบางส่วนตกหล่นได้ครับ ส่วนตัวแล้วเกมส์เพลย์ทำออกมาได้ไม่น่าเบื่อ เพราะเราต้องมีสติตลอดเวลา กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลุ้นจนผมแทบไม่ลุกไปไหนไม่ได้เลย เพราะอยากรู้มากๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ถึงแม้ว่าเกมส์เพลย์ของเกมส์ Detroit: Become Human จะไม่ซับซ้อนเหมือนเกมส์อื่นๆ แต่เราต้องใช้ความคิด ประกอบกับกาวิเคราะห์ เพื่อใช้ในการตัดสินใจว่าเราต้องการเนื้อเรื่องเดินไปทิศทางไหน และผลลัพธ์ที่ออกมาตรงไปตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ นี่แหละคือความสนุกของเกมส์นี้ครับ
กราฟิก
Detroit: Become Human เป็นอีกหนึ่งเกมส์ที่สามารถพัฒนากราฟิกได้สวยงาม และสมจริง เกมส์มีขนาดกว่า 41 GB ส่วนของกราฟิกของเกมส์กินพื้นทีเกินไปกว่าครึ่งครับ เพราะเรื่องราวในเกมส์มีหลาหลายเหตุการณ์ จึงทำให้เกมส์ที่มีเกมส์เพลย์ไม่ซับซ้อนมีขนาดใหญ่แบบนี้ครับ Detroit: Become Human ได้นำเสนอความสมจริงของตัวละครที่ไม่เหมือนกับในเกมส์อื่นๆ การเคลื่อนไหว ความรู้สึกที่ตัวละครสื่อออกมา และท่าทางของตัวละคร ทำออกมาได้เหมือนจริงมาก ไม่ใช่แค่ตัวละครหลักเท่านั้นที่ทำออกมาได้สมจริง แต่รวมถึง NPC ที่อยู่รอบๆ ล้วนแล้วสามารถพัฒนาออกมาได้ละเอียด สื่อถึงสังคมในยุคอนาคตครับ
นอกจากนี้ฉากต่างๆ ทั้งแสง สีสีสัน การวางองค์ประกอบต่างๆ ในเกมส์ก็ทำออกมาได้สมจริง และ เพลงประกอบในเกมส์ก็เลือกได้อย่างเหมาะสม เข้ากับสถานการณ์ในขณะนั้นได้เป็นอย่างดี ราวกับว่าเราดูภาพยนตร์เลยครับ ฉากคัทซีนและฉากเกมส์เพลย์รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ทำให้ภาพที่ได้ออกมาเหมือนกับว่าเราได้บังคับตัวละครในภาพยนตร์อย่างใดอย่างนั้นเลย แม้ว่าระหว่างที่เราเล่นจบบทนึง และกำลังจะไปยังบทต่อไป จะมีหน้าโหลดมาขั้น แต่ระหว่างที่เล่นอยู่จะไม่มีหน้าโหลดอะไรมาขั้นเลย เกมส์จึงต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ไปแบบลื่นไหลเพื่อไม่ให้อะไรมาขั้นอรรถรสของเกมส์ได้ น่าเสียดายที่เกมส์ไม่มีโหมดถ่ายภายในเกมส์ เพราะด้วยความสมจริงของภาพในเกมส์ที่ออกมา หากมีโหมดถ่ายภาพมาเสริม ภาพที่ได้ออกมาน่าจะสมจริงน่าดูครับ
Verdict
Detroit: Become Human เป็นเกมส์ที่สามารถสื่ออารมรณ์และความรู้สึกของแอนดรอยด์ ที่มีต่อมนุษย์ได้ อีกด้านหนึ่งเกมส์ยังแสดงถึงความเห็นแกตัวของมนุษย์ และการดูถูกซึ่งเป็นนิสัยของมนุษย์ จนกลายเป็นเรื่องที่บานปลายไร้ทางออกสามารถสะท้อนสังคมในทั้งโลกปัจจุบัน และโลกอนาคตได้เป็นอย่างดี เกมส์ยังได้ฝากแง่คิดดีๆ ไว้ให้ผู้เล่นมากมาย นอกจากเนื้อเรื่องที่กินใจ, เข้มข้น และคาดเดาไม่ได้แล้ว เกมส์เพลย์ของเกมส์ก็ยังสนุก เพลิดเพลินและใช้ความคิดก่อนที่เราจะตัดสินใจอะไรบางอย่างลงไป จนทำให้ผมเองหยุดเล่นไม่ได้ สำหรับใครที่ชอบดูภาพยนตร์ และชอบสืบสวน เกมส์ Detroit: Become Human เหมาะกับท่านมาก อย่างไรก็ตามผู้เล่นจำเป็นต้องมีความรู้ภาษาอังกฤษในระดับหนึ่ง เพื่อที่จะเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสามารถตัดสินใจได้ทันทีครับ สุดท้้ายนี้ผมขอ ยกให้เกมส์ Detroit: Become Human เป็นเกมส์ที่สื่ออารมณ์ออกมาได้ดีที่สุด กินใจที่สุด และลุ้นที่สุด ของ PS4 เลยก็ว่าได้ครับ หากใครไม่ติดเรื่องภาษา หรือใครทีไม่เคยเล่นเกมส์แนวนี้ ผมอยากแนะนำให้ลองหาซื้อเกมส์นี้มาเลนดูครับ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน
8.5/10
จุดเด่น (Pro)
- เนื้อเรื่องมีความซับซ้อน มีฉากและเหตุการณ์หลากหลายแบบ ขึ้นอยู่ว่าเราจะเลือกทางไหน
- เกมส์เพลย์ชวนให้เราได้คิด และไหวพริบในการตัดสินใจ
- กราฟิกที่สวยงาม และสมจริงในทุกๆ รายละเอียด
- เกมส์ให้ข้อคิดแก่ผู้เล่นมากมาย ตัวละครในเกมส์สื่ออารมณ์ออกมาได้ดี
จุดสังเกต (Con)
- เราจำเป็นต้องเข้าในสิ่งที่ตัวละครสื่อ เพื่อดำเนินเหตุการณ์ต่อ ทำให้อาจจะมีอุปสรรคเรื่องภาษาอังกฤษ
- มุมกล้องในบางฉากเป็นแบบ Fixed ทำให้เวลาเดินรอบๆ ฉากไม่สะดวก
- เกมส์สั้นไปหน่อย โดยใช้เวลาประมาณ 8-10 ชั่วโมงในการเคลียเกมส์
รีวิวและเขียนบทความโดย ภัคพล บัวโทน (GuidePS4EXPErt)
ขอบคุณ PlayStation Asia สาขาสิงค์โปร และ บริษัท PC&Associates Consulting จำกัด
สำหรับแผ่นเกมส์ที่ให้เรามารีวีวครับ