เกมส์ : Dragon Quest XI: Echoes of an Elusive Age
แพลตฟอร์ม : PlayStation 4, Nintendo 3DS, Nintendo Switch และ PC
ราคา: 1,790 บาท
วันวางจำหน่าย: 09 กันยายน 2018
เมื่อพูดถึงเกม JRPG หรือเกมภาษาในตำนานแล้วเราจะนึกถึงเกม Dragon Quest อยู่เป็นอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ครับ นับตั้งแต่ภาคแรกของเกมในปี 1986 จนถึงภาคล่าสุดที่วางจำหน่ายออกไปในปี 2017 รวมเวลาแล้วกว่า 31 ปี จึงเรียกได้ว่าเป็นเกมที่อยู่กับวงการเกมเป็นเวลานาน จนทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างดีครับ หลังจากที่ห่างหายจากภาค X มาถึง 5 ปี ครั้งนี้ทางผู้พัฒนาได้นำผู้เล่นกลับไปยังโลกแห่ง Dragon Quest อีกครั้งกับเรื่องราวที่เข้มข้นกว่าเดิม และการผสมผสานความเป็นคลาสสิก กับความทันสมัยของเกมเพลย์เข้าด้วยกัน รวมถึงนำเสนอกราฟิกที่สวยงามกว่าภาคไหนๆ นี่คือรีวิวเกม Dragon Quest XI: Echoes of an Elusive Age ตำนานนักรบผู้กล้าที่หายสาบสูญ
เนื้อเรื่อง
หากใครเคยได้สัมผัสและเล่นเกมจากซีรี่ย์ Dragon Quest คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าเกมแทบทุกภาคของซีรี่ย์ Dragon Quest จะต้องมีผู้กล้าที่ “ถูกเลือก” หรือ “The Chosen One” ที่ถือกำเนิดขึ้นโดยมีเชื้อสายเทพเพื่อมาต่อสู้และปราบปราร้ายให้หมดไปครับ แน่นอนเพื่อคงความคลาสสิก ของซีรี่ย์ที่ดำเนินมากว่า 30 ปีทางผู้พัฒนาก็ได้นำเสนอรูปแบบลักษณะเนื้อเรื่องแบบเดียวกันในภาค XI นี้ครับ ในภาคนี้เนื้อเริ่มขึ้นโดยตัวละครเอก ถือกำเนิดลืมตาดูโลกขึ้นมาในฐานะผู้สืบทอดเชื้อสายราชวงศ์ที่อาศัยอยู่ในปราสาทอันใหญ่โต ว่ากันว่าเด็กคนนี้เป็นผู้ถูกเลือก
แต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อราชวงศ์กำลังจะล่มสลาย ในคืนๆ หนึ่งที่พายุโหมกระหน่ำพัดเข้ามา ผู้เป็นมารดาได้พาลูกของตัวเองหลบหนีออกมาจากปราสาทจนถึงลำธารแห่งหนึ่ง เธอได้ตัดสินใจปล่อยลูกชายอันเป็นที่รักของเธอลงไปลอยและไหลไปตามลำธาร พร้อมเชื่อว่าจะมีใครมาเก็บไปเลี้ยงดู
จนท้ายสุดเด็กคนนี้ลอยมาพบกับชายชราผู้ที่เก็บเด็กคนนี้ไปเลี้ยงดูจนเติบโตจนครบ 16 ปี หลังจากนั้นเมื่อแม่บุญธรรมเขาเปิดเผยความจริง ทำให้ผู้กล้าจำเป็นต้องเดินทางออกไปยังปราสาทซึ่งเป็นสถานที่อันแท้จริงของเขา แต่เมื่อเดินทางไปถึงกลับพบไว้ไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคิด กลายเป็นการเริ่มต้นการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ของผู้กล้าที่จะไปต่อกรกับเหล่าร้ายครับ เนื้อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ ช้าๆ ตามสไตล์การเล่าเรื่องของเกมในภาคก่อนๆ ซึ่งทางผู้พัฒนายังคงการดำเนินเรื่องในรูปแบบต้นฉบับของซีรี่ย์เอาไว้ ส่วนตัวละครที่จะมาร่วมเดินทางกับเรา ก็จะมีลักษณะโดนเด่น เป็นอักลักษณ์ และมีเรื่องราวที่มาที่ไปเป็นของตัวเองด้วย นอกจากนี้ทุกครั้งเมื่อเราเข้าเกมเพื่อผจญภัยกันต่อนั้น ตัวเกมจะปรากฏหน้าจอให้เราอ่านว่า ณ ตอนนี้เกมดำเนินเรื่องไปถึงไหนแล้ว ซึ่งเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยเราทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเกมจนถึงที่เราเล่นครับ
เกมเพลย์
มาพูดถึงระบบการต่อสู่หลักของเกมกันก่อนครับ ระบบการต่อสู้หลักของเกม Dragon Quest XI คงหนีไม่พ้นการต่อสู้แบบเทิร์นเบสอาร์พีจี ที่ต้องสั่งการจากผู้เล่นเหมือนสมัยก่อน แต่สิ่งที่ผู้พัฒนาในภาคนี้ทำคือการผสมผสานระบบการต่อสู้แบบคสาสสิกเข้ากับยุคสมัยในปัจจุบัน โดยไม่ทำลายความเป็นคลาสสิกของตัวเกมแต่อย่างใดครับ สิ่งที่ทำให้เกมทันสมัยคือ ผู้เล่นจะไม่เดินๆ อยู่แล้วตัดเข้าไปเจอศัตรูเลยแบบสมัยก่อน โดยในภาคนี้ผู้เล่นจะเห็นศัตรูเป็นตัวๆ ในฉากแผนที่เลย ดังนั้นผู้เล่นสามารถจะเลือกได้ว่าจะเข้าไปต่อสู้หรือไม่ นอกจากนี้ยังสามารถขี่ม้าพุ่งชนมอนสเตอร์เพื่อกัดจัดได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องต่อสู้ หากผู้เล่นต้องการเข้าไปสู้ก็เพียงฟันที่มอนสเตอร์หนึ่งครั้ง จากนั้นตัวเกมจะตัดเข้ามาที่ฉากต่อสู้ที่เป็นเทิร์นเบสทันทีครับ
อย่างที่เรียนไว้เมื่อขั้นต้นเกมยังคงการต่อสู้แบบเทิร์นเบสแท้ๆ เมื่อผู้เล่นกดโจมตีตัวละครจะเข้าไปโจมตีศัตรูทันที หรือเวลาใช้เวทย์ใส่ศัตรู ตัวละครก็จะปล่อยเวย์ใส่เข้าศัตรูทันทีครับ นอกจากนี้เพื่อให้ระบบการต่อสู้มีความง่ายต่อผู้เล่นที่ไม่เคยเล่นมาก่อน ทางทีมงานพัฒนาได้ใส่ระบบ Tactics เข้าไป ด้วยระบบ Tactics ผู้เล่นจะสามารถเลือกชุดคำสั่งตามสถานการณ์ได้ โดยระบบจะคำนวนคำสั่งออกมาเองแบบอัตโนมัติครับ ด้วนระบบ Tactics ทำให้ผู้เล่นมือใหม่ๆ ไม่ต้องวางแผนอะไรมาก เพราะระบบจะคำนวนให้เสร็จ แต่เมื่อผู้เล่นไปได้กลางๆ เกม จะพบว่ามอนสเตอร์เก่งขึ้น จึงทำให้ผู้เล่นอาจจะต้องงัดกลยุทธ์อื่นๆ เพื่อมาต่อสู้กับเหล่าศัตรูครับ
นอกจากนี้เพื่อความทันสมัยมากขึ้นในระหว่างการต่อสู้ ตัวเกมยังอนุญาติให้ปรับมุมกล้องตามใจชอบ โดยที่ไม่บังคับแค่มุมด้านหลังตัวละครอีกต่อไป และยังสามารถบังคับตัวละครเดินเข้าไปโจมตีศัตรูได้ทันทีอีกด้วยครับ พูดได้ว่าทางผู้พัฒนาได้พยายามจะปรับให้เกมเข้ากับยุคสมัยในปัจจุบัน โดยไม่ทิ้งความเป็นคลาสสิกของเกมครับผม จุดนนี้ผมว่าทำออกมาได้ดีทีเดียวครับ
ระบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน Dragon Quest XI นี้อีกระบบหนึ่งคือระบบที่เรียกว่า Zone & Link สำหรับ Zone มันคือความสามารถพิเศษของตัวละครที่จะทำให้ตัวละครมีพลังมากขึ้นในช่วงขณะหนึ่ง บวกกับ Link ที่เป็นการใช้ท่าประสานกับตัวละครปาตี้ตัวอื่นๆในทีมมีทั้งแบบคู่ และแบบเป็นทีมครับ ซึ่งท่าไม้ตายเหล่านี้มีความสำคัญในการต่อสู้กับพวกบออสใหญ่ๆ เป็นอย่างมากเพราะมันอาจจะทำให้เราพลิกกลับมาชนะได้เลยครับ
สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกสิ่งหนึ่งในเกมสไตล์ JRPG แบบนี้คือการคราฟต์อาวุธและเครื่องป้องกันต่างๆ ซึ่งก็ต้องอาศัยการฟาร์ม การทำเควสต์ภารกิจย่อยต่างๆ ตามเมืองต่างๆ ที่ผู้เล่นได้เดินทางไปครับ หากทำสำเร็จผู้เล่นจะได้รับรางวัลเป็ยสูตรการสร้างอาวุธ หรือเครื่องป้องกันครับผม และมีมินิเกมมากมายรอให้ผู้เล่นได้ท้าประลอง เพื่อแลกกับเงิน หรือของรางวัลเพื่อใช้ในการอัพเกรดอาวุธครับ
นอกจากนี้ยังมีคะแนน Skill Point ในการมาอัพเกรดสกิลของตัวละครในแผนผังสกิลที่มีให้อัพเกรดมากันมากมายครับ ผู้เล่นจะได้รับ Skill Point ทุกครั้งเมื่อเลเวลสูงขึ้นครับ ในแผนผังก็จะมีสกิลให้อัพเกรด 2 สายได้แก่สกิลแบบ Passive และแบบ Active ครับผม ด้วยความหลากหลายของสกิล และความแตกต่างของสกิลของทั้ง 7 ตัวละคร ทำให้เป็นเกมอาร์พีจีที่ออกมามีความละเอียด และหลากหลายกว่าเกม RPG เกมอื่นๆ
การเดินทางในเกม Dragon Quest XI จะเดินทางด้วยเท้าและการขี่ม้าเป็นหลักครับ หากเราทำม้าหายก็สามารถเรียกม้าผ่านระฆังในตามจุดของแผนที่ได้ นอกจากนี้ผู้เล่นก็ยังสามารถใช้มอนสเตอร์เป็นยานพาหนะได้ด้วยนะเท่มากๆ ทำให้การผจญภัยในภาคนี้ดูโดดเด่นมากๆ ครับ นอกจากนี้เกมยังมีระบบตั้งแคมป์ไฟ ตามจุดที่กำหนดไว้บนแผนที่ สำหรับให้ผู้เล่นพักผ่อนและเติมพลังก่อนที่จะเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นระบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในภาคนี้ ข้อดีคือผู้เล่นไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินนอนที่โรงเตี๊ยมเหมือนภาคก่อนๆ อีกต่อไปครับ ในบริเวณที่ตั้งตั้งแคมป์ไฟยังมีรูปปั้นไว้สำหรับ เซฟเกมด้วยครับ ในเกม Dragon Quest จะมีระบบเซฟเกมอัตโนมัติในกรณีที่ระหว่างทำเควสต์ หรือทำเควสต์เสร็จแล้วครับ แต่ในระหว่างที่ผู้เล่นสำรวจ หรือฟาร์มมอนสเตอร์อยู่ ผู้เล่นจะต้องหาจุดตั้งแคมป์ไฟนี้ เพื่อบันทึกเกมครับผม
กราฟิก
Dragon Quest XI ถูกพัฒนาด้วย Unreal Engine 4 ทำให้กราฟฟิกที่ออกมาดูสวยงามมากๆ ครับสีสันสดใส ลายเส้นของตัวละครดูสวยมากๆ ต้องขอบคุณอาจารย์ Akira Toriyama ผู้วาดตัวละครในเกมออกมาได้สวย มีเอกลักษณ์สะท้อนถึงความเป็นญี่ปุ่นอย่างมากครับ รู้สึกเหมือนกำลังดูการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างใดอย่างนั้นเลย ฉากประกอบต่างๆ ของเกมทำออกมาได้ดี การเล่นแสงและเงาของตัวเกมทำได้สมกับมาตราฐานเกมในยุคนี้
นอกจากนี้เกมยังมาพร้อมกับสภาพอากศที่นอกเหนือจากกลางวัน กลางคืนแล้ว ในเกมยังมีฝนตก และพายุหิมะด้วยนะ รวมถึงเมืองต่าง ในเกมทำออกได้แตกต่างและมีเอกลัษณ์ในตัวเองทั้งสิ้นครับผม เป็นหนึ่งในเกม Dragon Quest ที่ภาพสวยที่สุดเลยก็ว่าได้ครับ
Verdict
Dragon Quest XI เป็นหนึ่งในเกมแนว JRPG ที่ยังคงความคลาสสิกและดั้งเดิมเอาไว้ แต่ก็ได้มีการผสมผสานระบบการเล่นใหม่ๆ เข้าไปให้เกมดูทันสมัยมากขึ้น โดยไม่ทิ้งเสน่ห์ความเป็น Dragon Quest ออหกไปแต่อย่างใดครับ สำหรับใครที่ชอบเล่นเกมแนวอาร์พีจีอยู่แล้ว ชอบฟาร์ม,ชอบทำเควสต์ไปเรื่อยๆ ไม่เครียด ด้วยความยาวกว่า 50 ชั่วโมงเกม Dragon Quest XI เป็นเกมที่ไม่ควรมองข้ามเลยครับ และสำหรับใครที่ยงไม่เคยเล่นแนวนี้มาก่อน แนะนำมาลองเปิดใจให้กับ Dragon Quest ครับผมเลื่อเลยว่าถ้าได้เล่นแล้ว ต้องชื่นชอบแน่ๆครับ
9/10
จุดเด่น (Pro)
- เนื้อเรื่องเข้าใจง่าย น่าติดตามและดำเนินไปเรื่อยๆ
- ระบบการต่อสู้ที่คงความดั้งเดิม แต่เพิ่มเติมด้วยระบบใหม่ที่ทันสมัย และไม่ทำให้ความคลาสสิกเรือนหายไป
- สกิลและคราฟต์อาวุธ หรือเครื่องป้องกันมีความหลากหลาย
- เพลิดเพลินไปกับเควสต์ย่อย และมินิเกมให้เลือกเล่นมากมายในเกม
- กราฟิกสวยงาม และดีที่สุดของซีรี่ย์
จุดสังเกต (Con)
- โหลดขั้นระหว่างฉาก คัทซีนนานไปหน่อย
รีวิวและเขียนบทความโดย ภัคพล บัวโทน (GuidePS4EXPErt)
ขอบคุณ โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ ฮ่องกง สาขาสิงค์โปร
และ บริษัท PC&Associates Consulting จำกัด
สำหรับแผ่นเกมส์ที่ให้เรามารีวีวครับ