เกม : Battlefield V
แพลตฟอร์ม : PlayStation 4, Xbox One และ PC
ราคา: 1,890 บาท
วันวางจำหน่าย: 13 พฤศจิกายน 2018
อีกหนึ่งผลงานสร้างสรรค์ของ DICE ค่ายพัฒนาเกมในเครือ EA กับเกมที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดีนั้นก็คือซีรี่ย์เกม Battlefield ในปีนี้พวกเขากลับมาพร้อมกับภาคใหม่ล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า Battlefield V นี่ไม่ใช่เป็นเกมภาคที่ 5 ของซีรี่ย์ แต่คือเป็นภาคที่ 16 แล้ว ตัวอักษร “V” บนชื่อเกมในที่นี้หมายถึงคำว่า “Victory” สัญลักษณ์แห่งชัยชนะถูกใช้โดยพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง ในภาคนี้ตัวเกมนำเสนอการเล่าเรื่องเหตุการณ์สงความโลกครั้งที่ 2 พร้อมระบบมัลติเพลย์เยอร์สุดมันส์ตามแบบฉบับของซีรี่ย์ คราวนี้ DICE จะมัดใจผู้เล่นได้อีกครั้งหรือไม่ นี่คือรีวิวเกม Battlefield V สมรภูมิสู้รบอันยิ่งใหญ่
เนื้อเรื่อง
Battlefield V นำเสนอโหมดแคมเปญลักษณะเดียวกับภาคก่อน (Battlefield 1) เรียกว่า War Stories จะแบ่งออกเป็นตอนๆ รวมทั้งหมด 3 ตอน (ตอนที่ 4 เปิดให้เล่น 4 ธันวคมนี้) ในทุกๆ ตอนนของ War Stories ผูัพัฒนาได้นำเสนอเหตุการณ์ในระหว่างสงความโลกครั้งที่สอง (อีกแล้ว) แต่ว่าในแต่ละตอนของแคมเปญจะให้มุมมองและเนื้อเรื่องแตกต่างกันออกไป ซึ่งผู้เล่นจะได้รับบทเป็นทหารในสมรภูมิ ท่ามกลางสงครามโลกครั้งที่สอง แต่จากการที่ผู้เขียนได้สัมผัสโหมดแคมเปญครบทุกตอนแล้วพบว่า เนื้อเรื่องค่อนข้างอ่อนไปสักหน่อย หมายความว่าทางผู้พัฒนาไม่ได้เจาะลึกลงไปถึงตัวละครที่นำเสนอในแต่ละตอนมากพอ ทำให้ผู้เขียนคิดว่ายังไม่รู้สึกเข้าถึงความรู้สึกตัวละครเท่าที่ควร นอกจากนี้จุดสังเกตนักพัฒนาควรไปปรับปรุงคือ เหตุการณ์ทั้งหมดในโหมดแคมเปญไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นในแนวหน้าของสงคราม เป็นเรื่องใช้เค้าโครงเรื่องจริง แต่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ และแต่ละตอนค่อนข้างจะสั้น ตอนหนึ่งตก 2 – 3 ชั่วโมงเท่านั้น
อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นประเด็นตั้งแต่เกมยังไม่วางจำหน่ายคือ หนึ่งในตอนทั้ง 3 ตอนของโหมดแคมเปญจะให้ผู้เล่นบังตัวละครหญิง และตัวละครหญิงนี่เองที่จุดประเด็นเรื่องประวัติศาสตร์สมครามโลกขึ้นมาเพราะประวัติศาสตร์จริงๆ ไม่มีฮีโร่หญิงครับ แต่ทว่าหลังจากได้สัมผัสแล้วผู้เขียนรู้สึกว่า มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่เป็นดราม่ากันนะ อีกมุมหนึ่งผู้เขียนกลับมองว่า ทหารหญิงต่อสู้รบในสงครามก็ดูเท่ไม่เบาเหมือนกัน อารมณ์คล้ายกับเล่นเป็น Kassandra ในเกม Assassin’s Creed Odyssey นั่นแหละ ทั้งนี้ทั้งนั่นเนื้อเรื่องของเกมไม่ได้แสดงถึงเกียติยศ หรือชัยชนะ และวีรบุรุษเท่าไหร่พูดตรงๆ เลยคือไม่ค่อยอิน!!
เกมเพลย์
สำหรับเพลย์ของเกม Battlefield V มีสไตล์การเล่นที่แตกต่างจากภาคก่อนแทบทั้งสิ้นครับ ทางผู้เขียนของพูดถึงโหมดแคมเปญก่อนละกันครับ ในโหมดแคมเปญตัวเกมได้นำเสนอระบบการเล่นในรูปแบบอิสระเปิดกว้างให้แก่ผู้เล่นเป็นกึ่งๆ Open-World เลยก็ว่าได้นะ มีทางเลือกให้แก่ผู้เล่นว่าต้องการเล่นผ่านภารกิจแต่ละด่านในสไตล์ของผู้เล่นเอง ตั้งแต่บุกซึ่งๆ หน้าฝ่าศัตรู หรือเล่นแบบลอบเข้าไปสังหาร/ลอบไปวางระเบิดตามที่กำหนดโดยไม่ให้มีใครจับได้ ด้วยระบบการเล่นแบบใหม่เกมจึงนำเสนอระบบส่องกล้องทางไกลเพื่อ Mark หัวศัตรูและให้ผู้เล่นวางแผนก่อนทำการบุกรุกเข้าไปยังฐานฝ่ายศัตรู อย่างที่ผู้เขียนกล่าวไปขั้นต้นว่าตัวเนื้อเรื่องของเกมไม่ได้นำเสนอเหตุการณ์แนวหน้าของสงครามดังนั้นเนื้อเรื่องทั้ง 3 ตอนจะมุ่งเน้นไปทางลักลอบเข้าไปทำลายแผนของศัตรูมากกว่า เหมือนตัดกำลังตั้งแต่ต้นลม ดังนั้นผู้เล่นจะไม่มีกองกำลังหนุนเหมือนภาคก่อนๆ จึงต้องคิดให้ดีว่าจะประจันหน้ายิงศัตรูจะต้องคิดให้ดีก่อนลงมือ เพราะเราไม่ได้มากันเป็นกองทัพ
ว่ากันด้วยการลักลอบเข้าไปยังพื้นที่ต่างๆ ตัวเกมได้นำเสนอระบบอีกอย่างหนึ่งคือระบบแจ้งเตือน หากผู้เล่นบุกเข้าไปตรงๆ แล้วละก็มีโอกาสสูงมากที่สัญญาณเตือนภัยจะดัง จนมีกองกำลังเสริมของศัตรูมารุมฆ่าเรา ดังนั้นตัวเกมจะบีบให้เราเล่นแบบลอบสังหารเสียมากกว่า อย่างไรก็ตามผู้เล่นสามารถปลดหรือปิดสัญญาณแจ้งเตือนนี้ได้จากเสาสัญญาณ
การลอบเข้าไปสังหารศัตรูทำได้วิธีเดียวคือย่องเข้าไปใกล้ๆ แล้วใช้มีดปาดคอ หรือจะเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรูโดยการโยนปลอกกรสุนปืนไปยังบริเวณของศัตรูก็ทำได้ แต่หากตัวเกมจะบังคับให้เล่นด้วยวิธีลักลอบเข้าไปจริง ควรมีระบบกลไกลให้เอื้ออำนวยมากกว่านี้ อย่างอาวุธเริ่มต้นมาก็ไม่ใช้อาวุธเก็บเสียงอะไร หากต้องการปืนเก็บเสียงต้องมาเดินหากันระหว่างทำภารกิจเอาเอง แล้วช่องใส่อาวุธมีเพียง 2 ช่องเท่านั้น บางคนที่ชอบพกอาวุธเยอะๆ อาจจะทำให้อึดอัดได้ครับ ประกอบบกับอาวุธในเกมค่อนข้างจะมีให้เลือกน้อยและไม่หลากหลายเท่าเกมอื่นๆ อาจจะทำให้ผู้ชื่นชอบความหลากหลายของอาวุธต้องหยุดคิดกันเสียหน่อย ถึงแม้ว่าเกมจะมุ่งเน้นไปทางลอบสังหารแต่สุดท้ายแล้วมันจะมีจังหวะให้ผู้เล่นได้สาดกระสุนใส่ศัตรู ใส่เครื่องบินรบ หรือฉากบู๊บๆ มันจะได้กลิ่นอายความเป็น Battlefield ขึ้นมาทันที
ข้อดีของเกม Battlefield V ที่ผู้เขียนชื่นชอบคือสิ่งก่อสร้างสามารถถูกทำลายได้ครับ ตัวผู้เขียนเองได้สัมผัสเมื่อเล่นภารกิจแรกเลย ศัตรูเขวี้ยงระเบิดมายังเต็นท์พยาบาล เมื่อเกิดระเบิดขึ้นเต็นท์ได้พังถลายลงเป็นซาก นอกจากนี้ยานพาหนะต่างๆ ของด่านต่างๆ ผู้เล่นสามารถขับขี่ได้ตามสไตล์ของตัวเอง ผู้เขียนมองว่ามันเป็นเรื่องดีที่ผู้เล่นจะไม่โดนจำกัดกับเกมสไตล์ Sandbox แบบทั่วไปเหมือนสมัยก่อนนั่นเองครับ จุดสังเกตอีกอย่างคือระบบบันทึกเกมอัตโนมัติซึ่งพัฒนาออกมาได้ค่อนข้างแย่ เนื่องจากเกมเป็นกึ่ง Open-World ดังนั้นผู้เล่นจะไม่ทราบเลยว่าจะถึง Check Point ช่วงไหน ผสมผสานกับตัวเกมบางช่วงบีบให้ต้องลักลอบซ่อนเร้น ดังนั้นเมื่อโดนจับได้เกิดโดนรุมจนตาย ระหว่างที่เข้าไกลแล้ว แต่พอเกมโหลดจุด check point มาแทบจะเข่าอ่อน เพราะมันใกลจากจุดตายล่าสุดมาก บอกได้คำเดียวว่าเซ็ง…
ก่อนมาพูดถึงโหมดออนไลน์มัลติเพลย์เยอร์ ต้องขอชื่นชม EA ก่อนเลยว่าระบบเติมเงิน Micro transaction ในภาคนี้จะใช้ซื้อได้เพียงเครื่องแต่งกายและของตกแต่งอาวุธหรือยานพาหนะเท่านั้นครับ บวกกับทางค่ายังไม่ได้นำระบบ Loot Box มาใช้ในเกมนี้ด้วย สงสัยกลัวดราม่าเหมือนเกม Star War: Battlefront II เมื่อปีที่แล้ว ยังไม่พอนะทาง EA ยังได้ตัดสินใจตัด Premium Pass ออกไปยและตั้งแต่นี้เป็นต้นไปผู้เล่นทุกคนที่ซื้อเกม Battlefield V จะได้รับคอนเทนท์ต่างๆ จากทางค่ายแบบฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม!! ส่วนตัวแล้วผู้เขียนมองว่า EA มาถูกทางแล้ว และต้องให้คำมั่นด้วยนะไม่ใช่มาหักหลังกันทีหลังอีก
หากพูดถึงโหมดออนไลน์มัลติเพลย์เยอร์ของเกม Battlefield V ถือได้ว่าเป็นแกนหลักของเกมก็ว่าได้ครับ ตัวเกมนำเสนอโหมดให้เลือกเล่นกันมากถึง 6 โหมดด้วยกันครับ ซึ่งโหมดส่วนใหญ่จะได้อานิสงส์จากภาคก่อน พร้อมต่อยอดให้สนุกและดีมากขึ้น อย่างเช่น โหมด Conquest การแย่ชิงพื้นที่ในสมรภูมิขนาดใหญ่เต็มไปด้วย รถถัง เครื่องบิน และเหล่าผู้เล่นมากมายเข้าปะทะกัน ไปกับแผนที่ทั้งหมด 8 ฉากให้ได้เลือกเล่น ตั้งแต่เทือกเขาหิมะ, ทะเลทราย, ทุ่งญ้า ไปจนเมืองใหญ่ สามารถถล่มถลายได้ไปกับผู้เล่นมากสุดถึง 64 คน (32 คนต่อทีม)
สิ่งที่ DICE ทำได้ดีสุดๆ ในภาคนี้คือระบบสภาพอากาศแบบไดนามิค ซึ่งผู้เล่นคาดไม่ถึง และมันสามารถทำให้เป็นจุดเปลี่ยนของเกมได้เลย อาทิเช่น ผู้เล่น เล่นเป็นสไนเปอร์ในฉากเทือกเขาหิมะ แต่เกิดเหตุการณ์พายุหิมะขึ้นมาจนไม่สามารถเล็งฝ่ายศัตรูได้ เป็นต้น นอกจากนี้ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องรอหน่วยแพย์มาเติมเลือกอีกต่อไป เพราะไม่ว่าผู้เล่นจะเล่นหน่วยไหนก็สามารถชุปชีวิตและรักษาเพื่อนในทีมตนเองได้ทันที
นอกจากนี้ทางผู้พัฒนายังปรับสมดุลตัวเกมให้มีความเท่าเทียมกันมากขึ้น ในภาคนี้ยานพาหนะต่างๆ จะมีความทนทานน้อยลงกว่าภาคก่อน และโดนทำลายได้โดยง่ายเพราะตัวเกมจะให้ระเบิดทำหลายรถถังแก่หน่วย Assault ให้คนละ 1 อัน ดังนั้นคราวหน้าคุณจะใช้รถถังมาบุกมั่วไม่ได้แล้วนะจ๊ะ
หนึ่งในโหมดน่าสนใจมากที่สุดในภาคนี้คือโหมดที่มีชื่อว่า Grand Operations เป็นแมตช์ใหญ่ เป็นการรวบรวมโหมดออนไลน์ต่างๆ กับแผนที่แต่ละฉากเข้าด้วยกัน โหมดนี้อาศัยความเป็นทีมมากเป็นพิเศษ เปิดสมรภูมิสงครามขนาดใหญ่อย่างแท้จริง และมันแสดงให้เห็นถึงความเป็นเกมในแบบฉบับของ Battlefield ที่หาไม่ได้จากเกมอื่นๆ แต่โหมดนี้ค่อนข้างจะใช้เวลาเล่นนาน และจะดีมากกว่าหากเรามีทีมของตัวเองครับ
นอกจากโหมดนี้แล้วก็จะมี Domination รูปแบบการเล่นเหมือนกับโหมด Conquest แต่ขนาดเล็กกว่า, โหมด Team Deathmatch โหมดคลาสิกจับผู้เล่นมาเผชิญหน้าและฆ่ากันแบบเป็นทีม, โหมด Front-lines โหมดที่ผู้เล่นต้องคอยยึดจุดต่างๆ ของศัตรู ใครยึดได้มากที่สุดเป็นฝ่ายชนะ ,โหมด Breakthrough เข้ายึดฝ่ายศัตรู และทางฝ่ายตรงข้ามต้องทำอย่างไรก็ได้ที่ไม่ให้อีกฝ่ายยึดฐานไปได้ และสุดท้ายโหมด Battle Royal ที่ทุกคนรอคอย โหมดนี้จะเปิดให้เล่นภายในปี 2019 ครับ ผู้เขียนกล้าพูดได้เต็มปากว่าหากใครชอบเสพโหมดออนไลน์ แนวทหารสงครามแบบนี้ซื้อเถอะครับ เล่นกันได้ยาวๆ
กราฟิก
Battlefield V ยังคงใช้เอ็นจิ้น Frostbite 3 เอ็นจิ้นตัวเดียวกับภาคก่อน ดังนั้นภาพกราฟิกต่างๆ ของภาคนี้จะไม่ได้แตกต่างกับภาคก่อนสักเท่าไหร่ แต่หากพูดถึงรายละเอียดปลีกย่อยภายในภาพพบว่า Battlefield V มีรายละเอียดดีดกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทั้งความหักเหของแสง การเล่นเงา สีสันในเกมสามารถทำได้ดีกว่าภาคก่อนมาก แต่สิ่งที่ต้องยกให้ภาคนี้คือระบบเสียงมีการปรับปรงให้ดียิ่งขึ้น คุณจะสังเกตได้เลยว่าเสียงของปืนแต่ละประเภทมันแตกต่างกัน เสียระเบิดมีความสมจริง เสริมสร้างประสบการณ์ในการเล่นได้มากเลยทีเดียวครับ
Verdict
โหมดแคมเปญของเกม Battlefield V นำเสนอเรื่องราวฮีโร่อยู่ภายใต้เบื้องหลังชัยชนะของสงครามโลกครั้งที่สอง มาจากเค้าโครงเรื่องจริงซึ่งดูไม่น่าสนใจเท่าไหร่เมื่อเทียบกับภาคก่อนที่ผู้เล่นรับทบเป็นทหารแนวหน้าในสงคราม ผลลัพธ์ออกมาคือเนื้อเรื่องอ่อนและไม่น่าสนใจเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามด้วยเกมเพลย์กึ่ง Open-World เป็นครั้งแรกของซีรี่ย์ก็เป็นการเริ่มต้นไปในทางที่ดี แต่เกมต้องมีการปรับสมดุลกันอีกเยอะพอสมควรเพื่อบ่งบอกให้กับผู้เล่นอย่างชัดเจนว่าสไตล์การเล่นควรเป็นอย่างไรกันแน่ หากต้องการให้ผู้เล่นเล่นแบบลักลอบสังหารควรมีระบบที่เอื้ออำนวยมากกว่านี้ หรือหากเล่นแบบเผชิญหน้าระบบควรแบบสภาพแวดล้อมและองค์ประกอบในเกมให้สมดุลยิ่งขึ้น
ถ้าหากมองข้ามในจุดนี้และหันไปมองระบบออนไลน์ Battlefield V ยังคงนำเสนอประสบการณ์การเล่นหาไม่ได้ในซีรี่ย์เกมอื่นๆ ด้วยการจับผู้เล่นไปอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบ พร้อมอาวุธและองค์ประกอบอย่างลงตัว จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเกม Battlefield V ออกแบบมาให้สำหรับคอเกมเมอร์ผู้ชอบเสพออนไลน์โดยตรงด้วยแผน Roadmap คอนเทนท์ในอนาคต และการตัด Premium Pass ออกไปในครั้งนี้บอกได้คำเดียวว่าสดใสแน่นอน
7/10
จุดเด่น (Pro)
- ให้อิสระแก่ผูเล่นมากกว่าภาคก่อนๆ ด้วยระบบการเล่นแบบกึ่ง Open-World
- ระบบออนไลน์มัลติเพลย์เยอร์ครบเครื่อง ตามแบบฉบับ Battlefield
- ตัด Premium Pass ออกถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
จุดสังเกต (Con)
- เนื้อเรื่องอ่อน, ความยาวเพียง 2-3 ชั่วโมง/ตอน ใแล้วมีแค่ 3 ตอนให้เลือกเล่น!!
- ระบบกลไกของเกมยังไม่เอื้ออำนวยแก่การเล่นแบบลักลอบเข้าฐาน ผลคือสมดุลเกมไม่เท่ากัน
- จุดเชฟ และ Check point ที่คาดเดาไม่ได้ ตายทีย้อนกลับไปไกล
รีวิวและเขียนบทความโดย ภัคพล บัวโทน (GuidePS4EXPErt)
ขอบคุณบริษัท NGIN จำกัด
สำหรับแผ่นเกมส์ที่ให้เรามารีวีวครับ