เกมส์ : Left Alive
แพลตฟอร์ม : PS4 และ PC
ราคา: 1,890 บาท
วันวางจำหน่าย: 05 มีนาคม 2019
Left Alive เป็นผลงานเกมล่าสุดของ Square Enix เกมได้ใช้จักรวาล Front Mission ในการนำเสนอเนื้อเรื่องในรูปแบบสงครามที่ทุกย่างก้าวคือเดิมพันด้วยชีวิต Left Alive พยายามอย่างที่สุดเพื่อจะเป็น Metal Gear Solid เกมต่อไป ด้วยเกมสไตล์แอคชั่นกึ่งลอบเร้นเพื่อนำกลิ่นอายเกมในตำนานกลับมา กับนักพัฒนาเกมแถวหน้าของวงการกับคุณ Yoji Shinkawa อดีตผู้พัฒนาเกมซีรี่ย์ Metal Gear, คุณ Toshifumi Nabeshima ผู้พัฒนเกมซีรี่ย์ Armored Core และคุณ Takayuki Yanase ผู้พัฒนเกมซีรี่ย์ Ghost in the Shell, Xenoblade Chronicles และ Gundam นักพัฒนาเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญในเกมแอคชั่น ๆ แบบนี้อยู่แล้ว แต่ทำไมเกม Left Alive กลับตะละปัดจากสิ่งที่เห็นมาก เกมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรือไม่? มาไขคำตอบกัน เรียนเชิญอ่านรีวิวเกม Left Alive เอาชีวิตรอดจากสงครามซึ่งเดิมพันด้วยชีวิต กันเลยครับ
**บทความรีวิวนี้เป็นบทความไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่อง และตัวระบบเกมส์บางส่วน เพื่อให้แฟนๆ ได้รับประสบการณ์สูงสุดในการเล่น และตื่นเต้นที่จะได้สัมผัสเกมนี้ครับ
เนื้อเรื่อง
Left Alive เกมเล่าถึงเหตุการณ์หลังจาก Front Mission ภาค 5 หลายปี ในปี ค.ศ 2127 เกิดสงครามความขัดแย้งระหว่างประเทศ Garmoniya และประเทศ Ruthenia โดยประเทศ Garmoniya ประกาศทำสงครามเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยกลับคืนมา เหตุการณ์ในเกมส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่เมืองโนโวสลาว่า เมืองเรียบเขตชายแดนของประเทศ Ruthenia ที่โดยกองทัพของประเทศ Garmoniya บุกโจมตีเมืองโนโวสลาว่า แบบไม่ได้ตั้งตัว จนท้ายสุดสงความจบลงด้วย Garmoniya เป็นฝ่ายชนะ ท่ามกลางซากปรักหักพังนี่เอง มีทหารถูกทิ้งและปล่อยให้ตายมากมาย
เกมนำเสนอเหตุการณ์และเรื่องราวของ 3 ตัวละครเอก ได้แก่ คนแรก Mikhail ทหารหนุ่มและนักขับหุ่นยนต์ wanzers ไร้ประสบการณ์, คนที่สอง Olga เจ้าหน้าที่ตำรวจ อดีตนักขับหุ่นยนต์ wanzers และคนสุดท้าย Leonid ทหารรับบจ้างผู้ตกเป็นผู้ต้องหาในการลอบสังหารหัวหน้ากลุ่ม NGFP และถูกตัดสินประหารชีวิต ในระหว่างถูกฝากขัง เกิดสงครามในเมืองโนโวสลาว่า เขาอาศัยจังหวะช่วงชุลมุนหลบหนีออกมา ชะตากรรมของทั้งสามตกอยู่ในอัตราย ท่ามกลางซากปรักหักพังและมีศัตรูรอบทิศทาง ทั้งสามจะต้องเอาชีวิตรอดออกมาให้จงได้
เกมปูเนื้อเรื่องมาได้ไม่ดีเท่าไหร่ มีการสลับเล่าเรื่องตัวละครตามบทของเกม มันอาจจะทำให้เกิดความสับสนได้ง่าย แต่โดยรวมแล้วเนื้อเรื่องสามารถเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ไม่ชวนน่าติดตาม ในขณะเดียวกันเกมยังได้นำเสนอระบบสนทนาโต้ตอบกับ NPC ภายในเกมด้วยนะ ซึ่งการตอบของเรามีผลตัวเนื้อเรื่องด้วย ตรงนี้ต้องยอมรับว่าทำได้ดี แล้วต้องขอชมฉากคัทซีนด้วยว่าทำได้ดีอลังการไม่แพ้เกมอื่น ๆ แต่มีติตรงฉากคัทซีนคือเกมจะบล็อกไม่ให้จับภาพหน้าจอของเกมตลอดทั้งเกม ผู้เขียนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะบล็อกอะไรขนาดนั้น ในทางกลับกันถ้าไม่ติดใจเรื่องถ่ายภาพหน้าจอและหากใครชอบเนื้อเรื่องสไตล์ Front Mission อยู่แล้วก็ไม่ควรพลาดเกม Left Alive นี้ครับ
เกมเพลย์
Left Alive เป็นเกมสไตล์แอคชั่นกึ่งลอบเร้น ดังนั้นแล้วผู้เล่นจะไม่ปะทะกับศัตรูแบบตรง ๆ แต่ต้องอาศัยการลอบสังหารเพื่อบรรลุภารกิจต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมาย ผู้เล่นจะได้บังคับตัวละครเอกทั้งหมด 3 คน ซึ่งจะมีเรื่องราวแตกต่างกัน แม้ว่าเกมจะเป็นสไตล์ Linear หรือเส้นตรง แต่ในแต่ละบทของเกม ตัวเกมได้นำเสนอแผนที่ขนาดใหญ่ เพื่อให้ผู้เล่นหาทางเอาชีวิตรอด และทำภารกิจไปพร้อม ๆ กัน มันเป็นข้อดีของเกม เพราะผู้เล่นสามารถหาเส้นทางออกแบบการโจมตีได้อย่างอิสระ จนรู้สึกว่าเราไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ในกรอบแบบเกมสไตล์เส้นตรงเกมอื่น ๆ
สิ่งสำคัญทำให้เกมกึ่งลอบเร้นสมบูรณ์แบบคือสไตล์การเล่นแบบลอบสังหารไม่ให้ศัตรูรู้ตัว แต่ทว่ากลไกของเกมไม่ได้มีกลไกอะไรเพื่อเอื้อในการใช้ลอบสังหารศัตรูเลย อย่างน้อยควรจะมีท่าคอมโบเพื่อย่องไปหักคอศัตรู หรือมีปืนเก็บเสียงก็ยังดี แต่กลไกพื้นฐานเทคนิคการต่อสู้ระยะใกล้เหล่านี้กลับไม่มีอยู่ในเกม วิธีลอบสังหารที่ดีที่สุดคือค่อย ๆ ย่องเข้าด้านหลังของศัตรู และใช้ไม้หรือแท่งเหล็กฟาดเข้าศัตรู หรือใช้ระเบิดไม่ก็ใช้ปืนไรเฟิลยิงจากระยะไกลไปเลย มีเพียงเทคนิคเดียวที่ผู้เขียนคิดได้คือปากระป๋องเปล่าไปยังบริเวณของศัตรูเพื่อเรียกความสนใจก่อนใช้แทางเหล็กสังหาร แต่อาวุธระยะประชิตเหล่านี้สามารถเกิดความเสียหายจากการใช้งานหลาย ๆ ครั้ง แต่เราก็ไม่สามารถซ่อมได้ จึงจำเป็นต้องคอยหาเก็บอยู่เรื่อย ๆ เรียกได้ว่ากลไกของเกมมันขัดแย้งกับเกมเพลย์อย่างสิ้นเชิง
บรรยากาศของเกมมีความคล้ายคลึงกับเกม Metal Gear Solid ผู้เล่นจะได้รับการติดต่อจาก Koshka เหมือนเป็นคู่หูผู้ที่คอยชี้นำผู้เล่น, มอบหมายภารกิจ รวมถึงแชร์ข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นตลอดทั้งเกม อารมณ์เหมือน Otacon ใน MGS นอกจากนี้ตัวเกมเพลย์ยังมีระบบแจ้งเตือนผู้เล่น หากศัตรูเห็นผู้เล่นเข้า หรือศัตรูอยู่บริเวณละแวกนั้น ระบบจะมีเสียงเตือนว่า “Caution: The enemy is approaching.” ผู้เขียนคิดว่าระบบแจ้งเตือนนี้มันอ่อนไหวกว่า MGS เสียอีก บางครั้งศัตรูยังไม่เห็นตัวผู้เล่น แต่อยู่ในระยะของมัน ระบบก็แจ้งเตือนแล้ว จนบางทีอยากจะหาวิธีปิดมันเหมือนกัน นอกจากนี้ผู้เล่นสามารถซ่อนตัวตามถังขยะได้ด้วย (นั่นไม่มีประโยชน์เท่าไหร่)
NPC ของเกมโดยรวมขาดความสมดุลนั่นหมายความว่าอย่างไร หมายความว่าศัตรูในเกมไม่ฉลาดและไม่มีไหวพริบเท่าไหร่เลย ผู้เขียนเดินย่องไปด้านหลังเกือบจะประชิตศัตรูแล้ว ตัวศัตรู NPC เองกลับยังนิ่งเฉย เหมือนกับศัตรูต้องหันหน้ามาเจอเราเท่านั้นถึงจะเริ่มปะทะกัน แล้วถ้าหากเราถูกจับได้เมื่อไหร่ บางกรณีสัญญาณแจ้งเตือนจะดัง ศัตรูจะเข้ามารุมโจมตีใส่ไม่ยั้งจนเราตาย
ในระหว่างทำภารกิจ ผู้เล่นสามารถรับภารกิจย่อยในการช่วยประชาชนที่ติดอยู่ในพื้นที่อันตราย พาไปยังหลุมหลบภัยใต้ดิน อีกแล้วกับ NPC ซึ่งเป็นเหมือนตัวถ่วงของเรา ไม่สามารถสั่งให้ต่อสู้ได้ เราสามารถสั่งได้เพียง “wait” ให้รอ หรือ “Move On” เดินตามมาต่อเท่านั้น บางครั้งเกมมีบั้คสั่งให้หยุดแล้วแต่กลับเดินต่อ หรือถ้าไม่เข้าใกล้ NPC จริง ๆ จะสั่งไม่ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้เล่นสามารถปฏิเสธไม่ช่วยประชาชนได้ซึ่งไม่มีผลต่อเนื้อเรื่องแต่อย่างใด
ระบบคราฟท์และอาวุธไม่หลากหลาย นอกจากเกมจะขาดกลไกและการโจมตีระยะใกล้แล้ว ระบบคราฟท์ของเกมยังออกแบบมาไม่หลากหลายเพราะระบบคราฟท์ส่วนมากแล้วคราฟท์ได้แต่ระเบิด ระเบิดตั้งแต่ ระเบิดควัน ไปจนถึงระเบิดกดผ่านรีโมท มิหนำซ้ำกระสุนก็มีจำนวนจำกัด ไม่ค่อยมีให้เก็บ แม้ว่าเราจะกำจัดศัตรูไปแล้วแต่บางครั้งระบบไม่ดรอปกระสุนจากร่างของศัตรูให้ และไม่ดรอปอาวุธให้ด้วยนะ ผู้เขียนคิดว่าตัวเกมมันขาดลูกเล่นองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง ยิ่งไปกว่านั้นการวางปุ่มเลย์เอาท์ต่าง ๆ แปลกและทำให้ไม่ถนัดต่อการเล่นเลย ยกตัวอย่างเช่น ใช้ R1 ในการกดวิ่ง, ใช้สามเหลี่ยมในการเปลี่ยนอาวุธ เป็นต้น นอกจากนี้ระบบเล็งของเกมไม่แม่นยำเอาซะเลย และอาวุธไม่มีปืนเก็บเสียงอีก มันยิ่งทำให้เกมดูออกทะเลไปไกลจนเอาไม่กลับฝั่งแล้ว
บังคับหุ่นยนต์ Wanzer พอจะเรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของเกม แต่ก็ไม่ใช่ว่าผู้เล่นสามารถบังคับหุ่นยนต์ Wanzer ไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระนะ การที่จะบังคับหุ่นยนต์ได้มันต้องเป็นภารกิจเฉพาะที่ถูกวางผูกไว้กับเนื้อเรื่องเท่านั้น จึงทำให้ทุก ๆ อย่างมันดูเหมือนสคริปท์ไปซะหมด และอีกครั้งที่การวางปุ่มเลย์เอาท์ออกแบบมาไม่ค่อยดี จนเกิดความสับสนกับประเภทอาวุธที่ติดอยู่กับหุ่นยนต์ Wanzer กระสุนที่ติดตั้งกับหุ่นยนต์ก็มีจำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลยไม่มีให้เก็บ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้เขียนเชื่อว่าจุดนี้คือจุดที่เกมทำได้พอใช้ได้ และไม่ขี้เร่
เนื่องจากองค์ประกอบเกมเพล์และอาวุธที่จำกัดทำให้ตัวเกมมีความยากมาก ผู้เขียนแนะนำให้เล่นระดับง่ายสุดไปก่อนไม่เช่นนั้นหัวร้อนแน่ ๆ ตัวเกมมีความยาวประมาณ 10 – 12 ชั่วโมงซึ่งคอนข้างสั้น แต่เมื่อเล่นจบแล้วตัวเกมยังมีการนำเสนอโหมด New Game+ อนุญาติให้ผู้เล่นสามารถกลับมาเล่นได้เรื่อย ๆ มองหาเส้นทางใหม่ ๆ ซึ่งอาจจะทำให้คะแนนตอนจบแต่ละบทนั้นสูงขึ้น โดยรวมถ้าใครชอบความท้าทาย ชอบใช้ไหวพริบผู้เขียนคิดว่าเกมเมอร์ประเภทนี้ก็น่าจะเกมนี้ชอบอยู่
กราฟิก
ความโดเด่นของเกมนี้คือลายเส้น และรูปแบตัวละครเหมือนเกม MGS เลยก็ว่าได้ ไม่ต้องแปลกใจเพราะเกมพัฒนาโดยหนึ่งในผู้สร้างเกมซีรี่ย์ MGS แต่แม้ว่ารูปแบบลักษณะของเกมจะเหมือนเกมในตำนานก็ตาม กราฟิกโดยรวมถือว่าทำออกมาได้ไม่ดีเท่าไหร่ องค์ประกอบรอบ ๆ ฉากไม่มีความละเอียดเท่าไหร่ แอนิเมชั่นดูแข็ง ๆ อารมณ์เหมือนเล่นเกมสมัยเครื่องเพลย์สเตชั่น 3 มากกว่า
ข้อดีอย่างดีที่ผู้เขียนสัมผัสได้คือบรรยายกาศในเกมมันให้ความรู้สึกเหมือน MGS ภาคเก่า ๆ เอฟเฟกต์ตอนระเบิดให้อารมณ์แบบคลาสสิก ๆ ดีครับ หากใครคิดถึงลายเส้นตัวละครและบรรยากาศเกมแบบ MGS ผู้เขียนเชื่อว่ากราฟิกเกม Left Alive ถูกใจท่านอย่างแน่นอน แต่หากใครมองหากราฟิกสวย ๆ ระดับคุณภาพ เกมนี้อาจจะไม่ใช่เกมที่คุณมองหาครับ
Verdict
ไม่น่าเชื่อว่าเกม Left Alive พัฒนาขึ้นโดยนักพัฒนาเกมชื่อดังหลายคน เกมรู้สึกว่าขาดองค์ประกอบคุณสมบัติความเป็นเกมกึ่งลอบเร้นในหลาย ๆ ด้าน, การวางปุ่มเลย์เอาท์ต่าง ๆ ไม่ลงตัวทำให้ไม่ถนัดมือ ระบบของเกมดูเก่าไม่ทันสมัย ศัตรู NPC ของเกมดูไม่ฉลาด แล้วเนื่องจากข้อจำกัดของเกมเลย์และอาวุธทำให้เกมดูยากไปหมด ซึ่งต้องใช้ความสามารถในการพิชิตเกมนี้พอสมควร ถามว่าเกม Left Alive จะเป็นเกม Metal Gear Solid เกมต่อไปได้มั้ย ต้องบอกเลยว่าไม่ได้ เพราะตัวเกมไม่สมดุลและดูขัดแย้งกันไปหมด อีกแง่นึงถ้าเกมมีโอกาสไปต่อและสามารถแก้ไขปัญหาได้ในภาคต่อไป ก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่น่าสนใจเลยทีเดียวครับ
4/10
จุดเด่น (Pro)
- กราฟิกลายเส้น, บรรยากาศของเกมคล้ายคลึงกับเกมซีรี่ย์ Metal Gear Solid
- ช่วงขับหุ่นยนต์ Wanzer สนุกเพลิดเพลินดีไม่ขี้เร่
- พื้นที่เปิดกว้างกึ่ง Open-World ทำให้ออกแบบสไตล์การเล่นของตัวเองได้
จุดสังเกต (Con)
- เกมเป็นสไตล์กึ่งลอบเร้น แต่กลับไม่มีกลไกและองค์ประกอบที่เข้ากับตัวเกมเลย ผลคือทำให้เกมเพลย์ดูขัดแย้งกันไปหมด
- การวางปุ่มเลย์เอาท์ต่าง ๆ ไม่ลงตัวทำให้ไม่ถนัดมือ แตกต่างจากเกมทั่ว ๆ ไป ต้องใช้เวลาในกาปรับตัว
- ศัตรู NPC ไม่ได้ฉลาดอย่างที่คิด
- อาวุธมีจำกัด, กระสุนปืนหายาก ยิ่งกว่าเก็บไอเท็มมาคราฟท์ระเบิด
รีวิวและเขียนบทความโดย ภัคพล บัวโทน (GuidePS4EXPErt)
ขอบคุณ โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ ฮ่องกง สาขาสิงค์โปร
สำหรับโค้ดเกมที่ให้เรามารีวีวครับ