เกมส์ : Sekiro: Shadows Die Twice
แพลตฟอร์ม : PS4, Xbox One และ PC
ราคา: 1,790 บาท
วันวางจำหน่าย: 22 มีนาคม 2019
หากพูดถึงเกมสไตล์แอ็กชั่นอาร์พีจีสุดท้าทายเพื่อวัดทักษะและความสามารถของผู้เล่น คงหนีไม่พ้นผลงานเกมจากค่าย FromSoftware ผู้พัฒนาที่ชอบนำเสนอเกมท้าทายขีดจำกัดของผู้เล่น จากผลงานเกมในอดีตอย่าง Dark Soul และ Bloodborne ทำเอาผู้เล่นหัวร้อนไปตาม ๆ กัน ด้วยความยากของเกมนี้เองมันกลายเป็นเสน่ห์และเป็นเอกลักษณ์เกมจากค่าย FromSoftware ไปแล้ว หลังจากห่างหายกันมาหลายปีล่าสุด FromSoftware กลับมาอีกครั้งกับผลงานเกมแอ็กชั่นผจญภัยสไตล์ญี่ปุ่น กับตำนานนินจาผู้โดดเดี่ยวแห่งยุคเซ็งโงกุ หนึ่งในกลียุคแห่งการนองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นกับเกม Sekiro: Shadows Die Twice แล้วจากพลังการสนับสนุนการซื้อแผ่นแท้ของชาวไทยมาโดยตลอด และด้วยศักยภาพของตลาดเกมที่เติบโตขึ้น ทำให้ทางทีมพัฒนาตัดสินใจ ทำเกมให้รองรับภาษาไทยอย่างเต็มรูปแบบ!! แต่เกมสมการรอคอยหรือไม่? แล้วตัวเกมจะยากหัวร้อนขนาดไหน? เรียนเชิญพบกับรีวิวเกม Sekiro: Shadows Die Twice – ตำนานนินจาแขนเดียวแห่งยุคเซ็งโงกุ
**บทความรีวิวนี้เป็นบทความไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่อง และตัวระบบเกมส์บางส่วน เพื่อให้แฟนๆ ได้รับประสบการณ์สูงสุดในการเล่น และตื่นเต้นที่จะได้สัมผัสเกมนี้ครับ
Sekiro: Shadows Die Twice นำเสนอเรื่องราวในปลายยุคเซ็งโงกุ ซึ่งเป็นช่วงเวลาของความไม่สงบในญี่ปุ่น ได้เกิดสงครามนองเลือดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ผู้คนล้มตาย อดยากและดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ท่ามกลางการต่อสู้ระหว่างนักดาบเทวดา อาชินะ อิชชิน กับนายพลข้าศึกทามุระ นั้นเอง ได้พบกับเด็กชายคนหนึ่งบาดเจ็บอยู่ใจกลางสมรภูมิรบอันโหดร้ายนี้ เด็กคนนี้ชื่อว่า “โอคามิ” ด้วยความเมตตาของ อาชินะ อิชชิน เขาได้เก็บโอคามิมาเลี้ยงเพื่อฝึกฝนเขาจนกลายเป็นสุดยอดนินจาผู้มือฝีมือแห่งยุค
หลังเอาชนะสงคราม อาชินะ อิชชินได้สร้างแคว้นขึ้น ซึ่งสงบสุขตลอดมา จนกระทั่ง 20 ปีผ่านไป อาชินะก็ถึงคราวต้องถอนถอย ด้วยเหตุนี้เองนินจาโอคามิจึงสูญเสียทุกอย่าง ถูกจับและถูกซ้อมปล่อยให้ตายใต้คูน้ำ ของปราสาทอาชินะ แต่ด้วยความช่วยเหลือขององค์ชาย เพื่อต้องการหนีออกจากปราสาทนั่นเอง ทั้งสองได้พยายามหนีผ่านทางลี้ภัยลับเพื่อออกจากเขตปราสาท ในระหว่างที่ทั้งสองหนีไปตามทางลี้ภัยลับนี้เอง เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อองค์ชายถูกจับตัวไปอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน โอคามิบาดเจ็บสาหัสนอนจมกองเลือด ในไม่ช้าเขาก็ได้รับการช่วยเหลือจากผู้เฒ่าคนหนึ่ง เขารักษาตัวจนสามารถออกผจญภัยเพื่อตามหาและช่วยองค์ชายกลับมา ตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับอาจารย์ว่า “สิ่งที่สำคัญรองจากบุพการีก็คือนายของเจ้า สลักคำนี้ไวในใจ”
เกมได้แรงบันดาลใจจากซีรี่ย์เกม Tenchu ดังนั้นกลิ่นอายของเกมจะเป็นชิโนบิ (นินจา) สไตล์ญี่ปุ่นยุคโยราณ แม้ว่าฉากคัทซีนของเกมจะไม่หวือหวาเท่ากับเกมอื่น ๆ แต่ต้องของชมเลยว่าเนื้อเรื่องดำเนินได้ดี เข้าใจได้ง่ายมาก ๆ เลย สิ่งที่ช่วยชูโรงประสบการณ์การเล่นให้ดีมากขึ้นคือภาษาไทยครับ เกมบรรยายเป็นภาษาญี่ปุ่น มีซับเป็นภาษาไทย บอกได้เลยว่าให้อารมณ์มาก เปรียบเสมือนดูการ์ตูนอนิเมะเลยก็ว่าได้ครับ ว่าด้วยเรื่องภาษาไทยของเกม ผู้เขียนบอกได้เลยว่าผู้พัฒนาทำการบ้านมาดีมาก การใช้คำและสำนวลของภาษา ฟังแล้วรื่นหูเข้ากับยุคสมัยได้เป็นอย่างดี ทว่าก็มีบางคำที่รู้สึกว่ายังใช้ภาษาผิดอยู่ และมีพิมพ์ตกไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
นอกจากนี้เกมยังเติมแต่งเนื้อเรื่อง และด้วยองค์ประกอบอาร์พีจี อย่างแรกคือระบบ “แอบฟัง” ผู้เล่นสามารถแอบฟังนายทหารคุยกันจากระยะไกลได้ เพื่อซึมซับเรื่องราวเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานั้น ไม่พอครับในระหว่างการเดินทางผู้เล่นอาจจะพบกับยาจกขอทาน หรือผู้ที่เคยเป็ทหารฝ่ายศัตรู ซึ่งสามารถให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อการเล่นได้ด้วย แต่รอบนี้ผู้เล่นจะต้องจ่ายตัวเพื่อแลกกับข้อมูลครับ อีกระบบหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือการโต้ตอบสนทนา ผู้เล่นสามารถกำหนดทิศทางของเรื่องราวได้ด้วยตัวเองจากการโต้ตอบสนทนากับ NPC ภายในเกม เพราะฉะนั้นเกมจะมีฉากจบหลายแบบ สามารถกลับมาเล่นได้อีกหลาย ๆ รอบ ระบบเหล่านี้จะช่วยเพิ่มอรรถรสส่งเสริมเรื่องราวในเกมให้ออกมาเพลิดเพลินสนุก และน่าติดตาม
รูปแบบเกมเพลย์ของเกม Sekiro: Shadows Die Twice เป็นแนวแอ็กชั่นผจญภัยแบบเส้นตรง (Linear) ซึ่งหลายคนมักจะมองว่าเกมประเภทนี้จะบีบขอบเขตพื้นที่ลง ส่งผลให้ผู้เล่นถูกจำกัดสไตล์การเล่นลง ผู้เขียนต้องบอกตรงนี้เลยว่า Sekiro ไม่ใช่แบบนั้นเลย เกมได้นำเสนอพื้นที่อันกว้างขวาง อิสระจนบางครั้งผู้เขียนเองก็สับสนหลงทางนิด ๆ ว่าสรุปแล้วต้องไปทางไหนกันแน่ เสริมกับสิ่งแวดล้อมรอบข้างที่สามารถพัฒนาออกมาได้อย่างลงตัว ตั้งแต่การรอดใต้ถุน, แนบตัวกับกำแพง ไปจนถึงการใช้กอหญ้าในการซุกซ่อนตัวเพื่อโจมตีแบบลอบเร้น คุณสมบัติเหล่านี้ได้แรงบันดาลใจจาก Tenchu เช่นกัน และมันเป็นทักษะขั้นพื้นฐานของชิโนบิ (นินจา) อยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้เองผู้เล่นสามารถใช้ความคิดในการออกแบบกลยุทธ์ในการเล่น สามารถมองหาเส้นทางไปยังจุดต่อไปได้โดยไม่เดินผ่านข้างหน้าศัตรูโดยตรง แค่นี้ไม่พอตัวเกมเพลย์ได้เปิดกว้างมากขึ้น เราสามารถลงน้ำว่ายน้ำผ่านทะเลสาป ได้ด้วย มันแสดงให้เห็นว่าผู้พัฒนาสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของเกม Dark Soul หรือ Bloodborne เพื่อเปิดอิสระแก่ผู้เล่น
จุดเด่นและเอกลักษณ์ของเกมนี้คือแขนกลสารพัดประโยชน์ ช่วยเติมเต็มเกมเพลย์ให้ออกมาสมบูรณ์แบบ แขนกลนี้สามารถใส่ทักษะเพิ่มเข้าไปได้ โดยผู้เล่นจะต้องหาส่วนประกอบซึ่งซ่อนอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ ภายในเกม (เล่นไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็เจอเอง) และนำกลับมาประกอบเป็นอาวุธเพื่อใช้กับแขนกลนี้ครับ ทักษะของแขนกลก็มีลักษณะแตกต่างกันออกไป สามารถใช้งานตามกลยุทธ์ของผู้เล่นหรือตามสถานการณ์ในเกมก็ได้ ยกตัวอย่าง ดาวกระจายสามารถใช้โจมตีระยะไกลหรือโจมตีด้วยขวานเพื่อสร้างความเสียหายในแบบระยะประชิต (melee) หรือยิงประทัดออกมาได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นแขนกลจะมาพร้อมกับตะขอเกี่ยว มีประโยชน์มากในการเกี่ยวไปยังพื้นที่สูง หรือใช้ในการโจมตีศัตรูในระยะไกลได้ การเล็งตะขอนั้นเรียกว่าเล็งได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็วจนหลบท่าคอมโบของศัตรูได้ในเสี้ยววินาทีเลย ด้วยเหตุนี้แขนกลจึงสร้างความแตกต่างจากเกมอื่น ๆ ของ FromSoftware
ระบบการต่อสู้อันพลิ้วไหว ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากเกม Dark Soul โดยทีมงานพัฒนาได้นำจุดด้อยมาพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นและได้ต่อยอดพัฒนาระบบการต่อสู้ใหม่ ๆ เพื่อความสมบูรณ์ของตัวระบบ มาใส่ไว้ในเกม Sekiro สิ่งที่แตกต่างอย่างแรกที่ทุกคนน่าจะรู้แล้วแหละคือ ตัวละครสามารถกระโดดได้แล้ว ผู้เล่นสามารถกระโดดสองที (Double Jump) ได้อย่างพลิ้วไหว รวดเร็วว่องไวเหมือนนินจา และแน่นอนผู้เล่นสามารถใช้การกระโดดนี้เป็นประโยชน์ในการหลบหลีกกระบวนท่าของศัตรูได้ครับ นอกจากนี้ทางทีมพัฒนาได้ตัดสินใจตัดหลอด stamina ทิ้งไป ผู้เล่นจะไม่ต้องกังวลว่าพลังจะหมดอีกต่อไป ช่วยเสริมให้เกมเพลย์ไหลลื่นขึ้นด้วย แต่เมื่อไม่มีหลอด stamina แล้วจึงทำให้การต่อสู้มีความท้าทายมากยิ่งขึ้น
ด้วยการเพิ่มระบบกลไกการต่อสู้ใหม่เข้าไปเพื่อทดแทนหลอด stamina นั่นคือระบบการ ป้องกันตัวและปัดป้อง (Parry) ระบบนี้จะทำงานเมื่อผู้เล่นหรือศัตรูตั้งท่าป้องกัน ไม่ก็ปัดป้องปะทะกัน โดยจะมีแถบการปะทะแสดงสถานะแรงต้านปรากฏอยู่สำหรับตัวผู้เล่น และตัวศัตรูเอง แถบปะทะของศัตรูจะอยู่ด้านบน ส่วนแถบปะทะของตัวเราจะอยู่ด้านล่างครับ เมื่อเกิดการปะทะกัน แถบของผู้ถูกโจมตีจะขยายขึ้น หากแถบเพิ่มขึ้นจนสุดท้ายทะลุเป็นสีแดง บ่งบอกว่าต้านไม่อยู่แล้ว ฝ่ายโจมตีสามารถจบกระบวนท่าใส่อีกฝ่ายจนตายภายในครั้งเดียวได้เลย..เป็นอันจบเกม แน่นอนว่าแถบการปะทะนี้สามารถลดลงได้โดยการหลีกเลี่ยงการปะทะลงนั่นเอง จึงสรุปได้ว่าแม้ทางทีมงานได้ตัดหลอด stamina ออกไป ผู้เล่นเองก็ต้องค่อยระมัดระวังแถบการปะทะนี้อยู่ดี มิหนําซ้ํามันเหมือนการดวลกันโดยใช้ทักษะของผู้เล่นล้วน ๆ หากเราไม่เข้าปะทะ หรือรอดู เชิงก็ไม่มีวันชนะศัตรูได้เลย ดังนั้นผู้เล่นต้องคอยแหย่ คอยปัดป้องศัตรูไปเรื่อย ๆ อาศัยความใจเย็นมาก ๆ
ด้วยระบบการต่อสู้ที่กล่าวถึงด้านบนทำให้ Sekiro จึงเป็นเกมที่ไม่ได้ง่ายกว่าเกมอื่น ๆ ของ FromSoftware เลย เกมยังคงความยากซึ่งเป็นแบบฉบับของทางค่ายไว้เช่นเคยครับ ตั้งแต่มินิบอส ไปจนถึงบอสใหญ่ล้วนแล้วยากจนกระทั่งทำให้หัวร้อนอกสั่นเลย ในครั้งนี้ทางผู้พัฒนาได้เพิ่มความท้าทายเข้าไปอีกคือ ทุก ๆ ครั้งที่ผู้เล่นตายระบบจะทำการหักค่าประสบการณ์ของตัวละครลงสูงสุด 30% การประสบการณนี้ไม่ได้นำมาใช้อัพเลเวล เพราะในเกมนี้ไม่มีระบบอัพเลเวล ค่าประสบการณ์นี้ใช้เป็นคะแนนเพื่อนำไปแลกสกิลแทน
ต่อมาระบบจะลงโทษด้วยการหักเงินในเกมที่เราสะสมจากการสังหารศัตรู ออกครึ่งนึงต่อการตายหนึ่งครั้ง ยกตัวอย่างเช่น ผู้เล่นมีเงินสะสม 55 เหรียญ เมื่อตายจะโดนหัก 27 เหรียญ (จะเหลือเงิน 28 เหรียญ) ถ้าหากตายอีกจะโดนหักอีก 14 เหรียญ (จะเหลือเงิน 14 เหรียญ) เป็นต้น เมื่อผู้เล่นเงินหมดเมื่อไหร่ ระบบจากพาผู้เล่นกลับจุดเริ่มต้น (วัด) ทันที โหดไหมล่ะครับ วิธีแก้คือผู้เล่นสามารถกลับไปฆ่าศัตรูเพื่อเอาเงินก็ได้ เพื่อที่จะไม่ต้องกลับไปจุดเริ่มต้นใหม่ ทว่าหากโดนเด้งกลับไปจุดเริ่มต้นจริง ก็ยังดีที่เราไม่ต้องมานั่งเก็บของใหม่ เพราะเงินและไอท็มของเราจะกลับมาอยู่ครบ เพียงแค่นั้นไม่พอผู้เล่นยังไม่ต้องเดินไปยังจุดล่าสุดเองเหมือน Dark Soul ด้วยครับเพราะเกมมีระบบ Fast Travel ผู้เล่นสามารถวาร์ปไป Check point ล่าสุดได้ทันที
Check point ในเกมนี้นำเสนอเป็นรูปปั้นเทวรูปมารมีเปลวไฟสีฟ้าด้านบน แน่นอนว่าเมื่อกล่าวถึง Check point หลายคนเป็นกังวลเรื่องระยะห่างระหว่างจุด Check Point หนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง เพราะในเกมอย่าง Dark Soul ผู้พัฒนาจงใจออกแบบให้จุดเซฟต่าง ๆ ห่างกัน และมีน้อยเพื่อเอาไว้ปั่นหัวผู้เล่น แต่สำหรับในเกมนี้จุด Check Point ออกแบบมาให้ระยะห่างสั้นกว่าเดิม และได้มีการเพิ่มจุด Check Point ให้มากขึ้นเพื่อลดระดับความยากลง นอกจากนี้ผู้เล่นสามารถนั่งพักที่จุด Check Point เพื่อฟื้นฟูค่า HP, เลือกซื้อไอเท็มเพื่อใช้ระหว่างการต่อสู้ หรือ Fast Travelซึ่งอนุญาตให้ผู้เล่นสามารถวาร์ปไปยัง Check Point ต่าง ๆ ที่เคยเดินทางผ่านมาแล้วก็ได้ สะดวกสบายมาก
การพัฒนาตัวละครตั้งแต่ต้นจนจบเกมนั้นชัดเจนมาก ผู้เล่นสามารถอัพเกรด Skill ทักษะของตัวละคร รวมไปถึงปลดล็อคความสามารถอย่างค่า HP จากการตามหาลูกประคำที่กระจายอยู่ทั่วเกม และพลังโจมตี ซึ่งจะปลดล็อคเมื่อกำจัดบอสสำเร็จ ในช่วงแรกผู้เล่นอาจจะรู้สึกว่าเกมยากและท้าทาย เป็นเพราะว่าทักษะตัวละครของเรายังอยู่ในขั้นพื้นฐานอยู่ จนกระทั่งเกมอนุญาตให้อัพเกรดทักษะได้ เกมเพลย์จะรู้สึกซอฟท์ลงมาหน่อย, ตัวเกม Sekiro นำเสนอระบบ Skill Tree เพื่อนำมาพัฒนาทักษะตัวละครครับ เกมจะแบ่งทักษะออกเป็น 3 ประเภทได้แก่ นินจา, ซามูไร และแขนกล สกิลเหล่านี้เมื่อผู้เล่นอัพเกรดแล้วมันส่งผลต่อการต่อสู้ของเราแทบจะทันทีเลยครับ สกิลและทักษะต่าง ๆ ของตัวละครจะค่อย ๆ พัฒนาขึ้นตามเรื่องที่ดำเนินไปครับ สำหรับอาวุธในเกมนี้มีเพียงกระบี่ (ดาบ) เล่มเดียวที่เราได้รับเมื่อต้นเกมเท่านั้น หากไม่นับแขนกลแล้ว Sekiroไม่ได้นำเสนออาวุธ และชุกเกราะใหม่ ๆ ซึ่งต่างจาก Bloodborne และ Dark Soul ครับ
ศัตรูทั่วไปในเกมมีไหวพริบที่ดี พวกมันสามารถจับความเคลื่อนไหวทุกฝีก้าวของเรา ถึงกระนั้นบางครั้งผู้เขียนก็รู้สึกว่าศัตรูรู้ตัวช้าไปหน่อย อย่างการเดินเข้าด้านหลัง หรือการโจมตีจากด้านบนเป็นต้น ศัตรูทั่วไปก็แบ่งออกเป็นหลายระดับ สามารถสร้างความเสียให้กับผู้เล่นไม่แพ้บอสใหญ่ แต่ศัตรูทั่วไปก็ยังไม่ใช่ปัญหา เพราะในการผจญภัยในครั้งนี้ผู้เล่นจะต้องเผชิญกับบอสถึง 13 ตัวด้วยกัน บอสแต่ละตัวต้องใช้สกิลและทักษะในการเล่นเพื่อปราบมัน ผู้เขียนต้องเรียนเลยว่ากว่าจะผ่านบอสแต่ละตัวไปได้หินมากเลย และมันเป็นตัวจุดชนวนหัวร้อนขึ้นมา
อย่างไรก็ตามหากใครไม่เคยสัมผัสเกมของค่าย FromSoftware มาก่อนหรือเป็นแคชชวลเกมเมอร์ต้องการสัมผัสเกมแบบนี้สักครั้ง ผู้เขียนขอบอกตรง ๆ เลยว่ายากมากจนถึงขั้นอาจจะหมดกำลังใจเล่นเลยก็ได้ครับ แต่หากใครเคยเล่นเกมจากค่าย FromSoftware นี้มาแล้ว ผู้เขียนรับประกันเลยว่าสนุกท้าทายแน่นอนครับ โดยรวมเกมเพลย์ทำออกมาได้ดีมาก เป็นผลจากการเรียนรู้ข้อเสียของเกมที่ผ่าน ๆ มา เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาเกมเพลย์ของ Sekiro ออกมาอย่างลงตัว และใส่ใจรายละเอียดในทุก ๆ ด้านระบบต่อสู้มีความพลิ้วไหว กลมกล่อมทุกองค์ประกอบ และเต็มอิ่มไปกับเกมเพลย์ความยาวกว่า 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงการเล่นอาจจะคลาดเคลื่อนขึ้นอยู่กับทักษะการเล่นแต่ละคน)
กราฟิกของเกม Sekiro: Shadows Die Twice เรียกได้ว่าเป็นเกมที่กราฟิกสวยที่สุดเท่าที่ FromSoftware พัฒนาออกมาเลยก็ได้ ทั้งลายเส้น,และรูปแบบของตัวละครล้วนออกมาเป็นสไตล์นักรบญี่ปุ่นโบราณเป็นอย่างมาก องค์ประกอบและสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ให้กลิ่นอายแบบฉบับญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
นอกจากนี้การเล่นแสงภายในเกมทำออกมาได้สวยงามทั้งในเวลากลางวันที่มีแสงอาทิตย์สอดส่องลงมา ส่วนในเวลากลางคืนก็มีดวงจันทร์ดวงใหญ่เปล่งประกายกระทบกับสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ได้อย่างสวยงามไร้ที่ติ ต้องขอชมรายละเอียดของตัวละคร รวมไปถึงบอสต่าง ๆ ซึ่งทำออกมาให้มีลักษณะเฉพาะตัวและมีคามเป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง ทางด้านดนตรีประกอบแน่นอนว่าต้องเป็นภาษาญี่ปุ่นเพื่อเสริมบรรยากาศและประสบการณ์ในการเล่นได้เป็นอย่างดี
Sekiro: Shadows Die Twice สามารถนำเสนอเรื่องราวตำนานนินจาแขนเดียวแห่งยุคเซ็งโงกุได้อย่างชัดเจน, ตรงไปตรงมาและเข้าใจง่าย ด้วยซับภาษาไทยระดับภาพยนตร์ เกมยังนำเสนอรูปแบบการโต้ตอบสนทนาสไตล์เกมอาร์พีจี ผู้เล่นจะเป็นตัวกำหนดทิศทางการดำเนินเรื่องได้ด้วยตนเองกับฉากจบเกมหลายแบบ ส่วนทางด้านเกมเพลย์ผู้พัฒนาสามารถนำข้อด้อยจากเกมก่อน ๆ มาพัฒนาปรับปรุงให้ทันสมัยยิ่งขึ้น พร้อมต่อยอดระบบกลไกด้วยแขนกลอันเป็นลักษณะโดดเด่นของเกมนี้
แขนกลอเนกประสงค์นี้สามารถเข้ากับสไตล์การเล่นได้หลายรูปแบบ อีกด้านระบบต่อสู้ออกแบบมาได้อย่างพลิ้วไหว, รวดเร็ว และสามารถลอบเร้นลอบสังหารเหมือนนินจา ส่งเสริมเกมด้วยความยากตามสไตล์ FromSoftware ที่จะทำให้ผู้เล่นต้องหัวร้อนไปอีกหลายชั่วโมง เกมเพลย์และเนื้อเรื่องถูกแต่งหน้าด้วยกราฟิกอันสวยงาม แล้วเมื่อองค์ประกอบทั้งสามรวมกันจึงออกมาเป็นผลงานเกมที่สมบูรณ์แบบ หากใครชอบความท้าทายและไม่กลัวที่จะตายซ้ำ ๆ ซาก ๆ เกม Sekiro: Shadows Die Twice เป็นอีกหนึ่งเกมที่คุณไม่ควรพลาด
9/10
จุดเด่น (Pro)
- เนิ้อเรื่องนำเสนอได้อย่างชัดเจนเข้าใจได้ง่าย มาพร้อมภาษาไทยเต็มรูปแบบ
- เกมเพลย์ผสมผสานออกมาได้อย่างลงตัว มีการเอาจุดด้อยของเกมก่อน ๆ มาปรับปรุงและพัฒนาต่อยอด
- แขนกลสารพัดประโยชน์ ช่วยสร้างความแตกต่างให้เกม
- เกมยังคงความยาก และท้าทายตามแบบฉบับของ FromSoftware
- นำเสนอกราฟิกอันสวยงามสไตล์ยุคโบราณของญี่ปุ่น
จุดสังเกต (Con)
- แม้ว่าทางค่ายต้องการออกแบบเกมให้ยาก แต่มันออฟชั่นให้ปรับระดับความยากสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่หน่อยก็ดี
รีวิวและเขียนบทความโดย ภัคพล บัวโทน (GuidePS4EXPErt)
ขอบคุณ โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ ฮ่องกง สาขาสิงค์โปร
สำหรับโค้ดเกมที่ให้เรามารีวีวครับ