เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมาทางโซนี่ได้ปล่อยรายละเอียดแรกของเครื่อง PlayStation 5 ออกมาเรียบร้อยแล้ว ข้อมูลอย่างเป็นทางการนี้ค่อนข้างตรงไปตรงมาและระบุได้อย่างชัดเจนถึงศักยภาพของเครื่อง PS5 ว่าเหนือกว่าเครื่อง PS4 มากเพียงใด ตั้งแต่รองรับความละเอียดภาพสูงสุด 8K, นำ SSD มาใช้เพื่อย่นเวลาในการโหลดเกม ไปจนถึงรองรับ Backward Compatible กับเกม PS4 ด้วยฟีเจอร์อและสเปกเบื้องต้นทำเอาชาวเพลย์สเตชั่นเกิดอาการไฮป์อย่างมาก แต่ช้าก่อนวางถุงกาวลงเพราะแท้จริงแล้วมันมีหลายประเด็นที่ต้องชี้แจงซึ่งมันอาจจะทำให้ความไฮป์ของเครื่องเพลย์รุ่นต่อไปลดลง ในบทความพิเศษนี้ผู้เขียนจะมาเผยเหตุผลว่า “ทำไมเราไม่ควรตื่นเต้นและคาดหวังกับการเปิดตัวเครื่อง PlayStation 5 จนกว่าจะออกมาจริง ๆ” หากพร้อมแล้วเรียนเชิญอ่านได้เลย
ในประวัติศาสตร์การเปิดตัวเครื่องเกมคอนโซลได้บอกบ่งชี้ประเด็นสำคัญหลายอย่างที่หลายคนลืมคำนึงถึงไป ผู้ผลิตเครื่องเกมคอนโซลมักจะโฆษณาเกินจริงโชว์ฟีเจอร์ต่าง ๆ มากมายในวันเปิดตัว แต่สุดท้ายแล้วเมื่อเครื่องเกมวางจำหน่ายจริงกลับไม่เป็นไปตามที่สัญญาเอาไว้ในตอนแรก ย้อนเวลากลับไปในปี 2005 เมื่อโซนี่เปิดตัวเครื่อง PlayStation 3 เป็นครั้งแรก พวกเขาได้เปิดตัวฟีเจอร์และศักยภาพของเครื่อง PS3 ท้ายสุดคำมั่นสัญญาต่าง ๆ กลับไม่เป็นความจริงยกตัวอย่างเช่นเรื่อง Backward compatibility กับเกม PS2 ก็รองรับแค่เครื่อง PS3 รุ่นแรกเท่านั้น ส่วนตัวอย่างเกมเอ็กซ์คลูซีฟ PS3 อย่างเกม MotorStorm และ Killzone 2 ที่โชว์ในวันเปิดตัว โซนี่บอกว่าเกมเพลย์ที่โชว์ในงานรันแบบเรียลไทม์บนเครื่องฮาร์ดแวร์จริง สามารถประมวลผลออกมาแบบ Full HD ความละเอียด 1080p แต่ความจริงกลับไม่ใช่วีดีโอเกมเพลย์ทั้งสองเกมได้ถูกปรับแต่งและพรีเรนเดอร์ให้คุณภาพความละเอียดออกมาอยู่ที่ 1080p แล้วเกม PS3 จริง ๆ ส่วนใหญ่เกมรันที่ความละเอียดสูงสุดแค่ 720p เท่านั้น (หรือมีการใช้เทคนิคเพื่ออัพสเกลความละเอียดให้แตะ 1080p)
มาถึงยุค PS4 ดูเหมือนว่าโซนี่จริงใจมากขึ้นจาการส่งมอบฟีเจอร์คุณสมบัติต่าง ๆ ที่ประกาศเมื่อตอนเปิดตัว “แทบ” ทั้งหมดตั้งแต่การแชร์สกรีนช็อตและวีดีโอเพียงปลายนิ้ว, ระบบสตรีมมิ่งพร้อมฟีเจอร์ส่งการควบคุมจอยให้กับเพื่อนผ่านระบบ PSN, Rest Mode,ฯลฯ ถึงกระนั้นก็ยังคงมีฟีเจอร์ที่ทางโซนี่ประกาศแต่ไม่ได้ถูกนำมาใช้จริงครับ ฟีเจอร์อย่างทดลองเล่นเกมต่าง ๆ ได้ฟรีก่อนตัดสินใจซื้อผ่านระบบสตรีมิ่งเทคโนโลยี Gaikai ที่โซนี่ซื้อกิจการมาจนกลายมาเป็น PS Now ในปัจจุบัน และเป็นอีกครั้งที่โซนี่พยายามผลักดันให้เกมต่าง ๆ สามารถรันด้วยความละเอียด 1080p บนเฟรมเรต 60 FPS แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จเพราะหลายเกมส่วนใหญ่ยังรันอยู่บนเฟรมเรต 30 FPS
มาถึงปี 2016 เมื่อโซนี่ประกาศเปิดตัวเครื่อง PS4 Pro พวกเขาได้สัญญาว่าจะส่งมอบเกมในความละเอียด Native 4K รันบนเฟรมเรตนิ่ง ๆ และมั่นคง ทว่าเป็นอีกครั้งที่ความเป็นจริงไม่เหมือนตอนประกาศเพราะเกมส่วนใหญ่แล้ว (ไม่นับเกมเอ็กซ์คลูซีฟอย่าง Horizon, God Of War) สามารถประมวลผลออกมาด้วยความละเอียด 4K แบบอัพสเกลบนเฟรมเรต 30 FPS (ไม่นิ่งด้วย) ผู้เขียนเชื่อว่าตอนนี้ทุกท่านพอจะเริ่มเห็นภาพในสิ่งที่ผมจะสื่อแล้ว
จากประวัติศาสตร์ทำให้เราได้ทราบว่าบางครั้งมันเกิดช่องว่างเล็ก ๆ ระหว่าง “ศักยภาพของฮาร์ดแวร์บนกระดาษ (ทางทฤษฎี) กับสิ่งที่นักพัฒนาเกมส่วนใหญ่สามารถทำได้จริง ๆ ด้วยฮาร์ดแวร์ดังกล่าว (ทางปฏิบัติ)” ประโยคนี้ชี้ให้เห็นประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการมาถึงของเครื่อง PlayStation 5 เรามาเปิดอกแจกแจงทีละฟีเจอร์กันเลยดีกว่าว่ามันเป็นจะเหมือนที่เราวาดฝันไว้หรือไม่?
หนึ่งในฟีเจอร์อันโดดเด่นของเครื่อง PS5 คือเครื่องจะรองรับความละเอียดสูงสุด 8K และเทคโนโลยี Ray Tracing ฟังดูดีเกินจริงใช่ไหม? มาเริ่มกันจากฟีเจอร์รองรับความละเอียด 8K กันก่อน ในตอนนี้สามารถพูดได้ว่าตลาดโทรทัศน์ความละเอียด 8K ยังไม่เป็นที่แพร่หลายและยังไม่ค่อยมีผู้ผลิตทีวีปล่อยผลิตภัณฑ์ทีวีความละเอียด 8K ออกมาให้ผู้บริโภคซื้อ เราอาจจะต้องรอเป็นปีก่อนที่เราจะเห็นทีวี 8K มีราคาไม่แพงหรือจนกว่าจะเป็นที่ยอมรับแพร่หลายจำนวนมาก แล้วถึงแม้ว่าในอนาคตทีวี 8K จะนิยมกันอย่างกว้างขวางและมีราคาไม่แพง ทว่าเราไม่อาจทราบได้ว่าเทคโนโลยีกราฟิกการ์ดจะก้าวไปได้ทันเทคโนโลยีโทรทัศน์หรือไม่? เพราะขนาดพีซีระดับแนวหน้าก็ยังมีปัญหาในรันเกมในความละเอียด 4K ที่ 60 FPS แบบนิ่ง ๆ เลย ดังนั้นอย่าคาดหวังให้เครื่อง PS5 สามารถประมวลผลความละเอียด 8K เลยเอาเป็นว่าให้ PS5 รันเกมที่ความละเอียด 4K ที่ 60 FPS แบบนิ่ง ๆ ให้ได้ก็พอใจแล้ว
อีกหนึ่งประเด็นคือเทคโนโลยี Ray tracing อันซับซ้อน Ray tracing คือการจำลองเลียนแบบพฤติกรรมของแสงที่ตกกระทบลงวัตถุภายในฉากมันจึงทำให้ภาพยิ่งดูสมจริง ทั้งหมดนี้ระบบได้ประมวลผลอยู่ด้านหลังแบบเรียลไทม์ ดังนั้นความแรงของฮาร์ดแวร์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากไม่ใช่นั้นจะไม่สามารถใช้งานเทคโนโลยี Ray tracing ได้เลย ทาง Nvidia ได้ผลักดันการ์ดหน้าจอใหม่ RTX 2080 Ti ออกสู่ตลาดเพื่อรองรับเทคโนโลยีนี้ การ์ดหน้าจอตัวนี้มีราคามากกว่า 3 หมื่นบาท
อีกด้านจีพียูและซีพียูของ PS5 พัฒนาโดย AMD ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับเทคโนโลยี ray tracing ตั้งแต่ต้น ถึงจะออกมาเพื่อมารองรับก็จริง แต่จุดประสงค์หลักของโซนี่จริง ๆ ต้องการส่งมอบเกมที่ภาพความละเอียดสูงระดับ Native 4K รันบนเฟรมเรตแบบนึ่ง ๆ (อย่าพูดถึง 8K เลย) เพราะฉะนั้นแล้วหากนำเทคโนโลยี ray tracing เข้ามาประมวลผลด้วยจะมีผลต่อเฟรมเรตหรือไม่? และมันจะยังทำงานได้ดีบนเครื่องคอนโซลหรือเปล่า? ถ้าทำได้จริงจีพียูและซีพียูของ PS5 มันจะเทียบเท่า RTX 2080 Ti ราคา 3 หมื่นได้หรือเปล่า? ประเด็นเหล่านี้ยังไม่มีคำตอบจนกว่าเครื่องจะวางจำหน่ายจริง
ในรายละเอียดแรกของเครื่อง PS5 ได้ระบุอีกว่าพวกเขาจะใช้ Solid State Drive หรือ SSD เพื่อย่นเวลาโหลดลง โดยพวกเขาได้ทำการทดสอบกับเกม Marvel’s Spider-Man(PS4) ปรากฏว่าใช้เวลาโหลดเข้าเกมเพียง 0.8 วินาทีบน PS5 Devkit และ 15 วินาทีบน PS4 Pro มันเห็นได้ชัดว่าเครื่อง PS5 เร็วกว่าถึง 1,500% เลยทีเดียว แต่เบรดความไฮป์ไว้ก่อนอย่างลืมนะครับว่ามันเป็นเกม PS4 ไม่ใช่เกม PS5 เกมส่วนใหญ่ที่เราจะเล่นบนเครื่องเพลย์สเตชั่นรุ่นต่อไปก็ต้องเป็นเกม PS5 ไม่ใช่เกม PS4 ดังนั้นแล้วเราไม่สามารถบอกได้ว่าเกม PS5 ที่มาพร้อมภาพระดับ Native 4K รองรับความละเอียด 8K แบบอัพสเกลจะโหลดได้เร็วเหมือนเกม PS4 ที่โซนี่ทำการทดสอบหรือไม่? ท้ายสุดแล้วเมื่อเครื่องโหลดเข้าเกม PS5 อาจจะใช้เวลา 10-15 วินาทีก็ได้ แล้วหากข้อมูลเริ่มเยอะหนักเครื่อง มันก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีสิทธิ์ทำงานช้าลงอีกดังนั้น ณ ขณะนี้เรายังวัดอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น
คุณสมบัติอันโดดเด่นอีกข้อของ PS5 คือการรองรับ backward compatibility กับเกม PS4 แม้ว่าโซนี่จะประกาศคุณสมบัติออกมาก็ตามแต่พวกเขาไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัตินี้เลย เกม PS4 ในรูปแบบแผ่นดิสก์จะใช้ได้หรือไม่? หรือระบบรองรับแค่เกมดิจิทัล? มีข้อจำกัดอะไรไหม? รายละเอียดส่วนนี้คงจะมีการแจกแจงเมื่อเครื่องเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่คำถามสำคัญคือประวัติศาสตร์การรองรับ backward compatibility สมัย PS3 จะซ้ำรอยหรือไม่? (ในตอนนั้นมีเพียงเครื่อง PS3 รุ่นอ้วนเท่านั้นที่รองรับคุณสมบัติ backward compatibility)
ต้องมาดูกันว่าสุดท้ายแล้วโซนี่จะสามารถส่งมอบคุณสมบัติต่าง ๆ ได้ตามที่ประกาศได้หรือไม่? หากประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเชื่อเลยว่าไม่ทุกเกมจะสามารถประมวลผลออกมาในความละเอียด 8K ได้ ผู้เขียนว่าหากเกม PS5 สามารถรันที่ความละเอียด Native 4K ที่ 60 FPS ได้แบบนิ่ง ๆ ก็น่าพอใจแล้วแหละ สุดท้ายนี้ก็ต้องรอทางโซนี่เปิดตัว PS5 อย่างเป็นทางการและรอดูว่าตอนเครื่องรันเกมจริง ๆ จะออกมาเป็นอย่างไร เครื่องจะสามารถตอบสนองความคาดหวังของเกมเมอร์ได้ไหม? ติดตามไปพร้อม ๆ กันครับ
บทความโดย Play4Thai
ข้อมูลจาก Polygon