เกม : Borderland 3
แพลตฟอร์ม : PS4, Xbox One และ PC
ราคา: 1,890 บาท
วันวางจำหน่าย: 13 กันยายน 2019
ซีรี่ย์เกม Borderland เป็นเกมสไตล์อาร์พีจีแอ็คชั่นชูตติ้งมุมมองบุคคลที่หนึ่งนำเสนอในรูปแบบกราฟิกที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร, เรื่องราวอันสุดน่าติดตาม และเกมเพลย์สุดบ้าคลั่งทำให้เกมประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก หลังจากเป็นเวลากว่า 7 ปีนับตั้งแต่ Borderland 2 ออกวางจำหน่าย ดูเหมือนว่าทางค่ายพัฒนาเกม GearBox พร้อมแล้วที่จะนำเหล่าเกมเมอร์เดินทางกลับสู่ดาวแพนโดร่าอันเสื่อมโทรมอีกครั้งกับเกม Borderland 3 ซึ่งจะมาพร้อมกับเหล่านักล่าหน้าใหม่ ,พยัคฆ์ร้ายตัวฉกาจใหม่ ,ตัวละครจากภาคก่อนมาร่วมสร้างสีสันความประทับใจ และการผจญภัยไปยังดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ มาติดตามกันว่าจะสมการอคอยหรือไม่ นี่คือรีวิวเกม Borderland 3 การเดินทางครั้งใหญ่กับเหล่านักล่าหน้าใหม่ และสองพี่น้องพยัคฆ์ร้ายตัวฉกาจ
**บทความรีวิวนี้เป็นบทความไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่อง และตัวระบบเกมบางส่วน เพื่อให้แฟนๆ ได้รับประสบการณ์สูงสุดในการเล่น และตื่นเต้นที่จะได้สัมผัสเกมนี้ครับ
สำหรับเรื่องราวใน Borderland 3 ทาง GearBox ผู้พัฒนาเกมได้ตัดสินใจลองเสี่ยงครั้งใหญ่หลังจาก Handsome Jack วายร้ายอันโด่งดังของซีรี่ย์ได้ตายจากไปในภาคที่ 2 ดังนั้นแล้วผู้พัฒนาเกมได้คิดเรื่องราวขึ้นมาใหม่ซึ่งก็เชื่อมโยงต่อจากภาคก่อนด้วย Borderland 3 ได้นำเสนอเหตุการณ์ 5 ปีหลังจากภาคที่ 2 ซึ่งเราจะกลับมาบนดาวแพนโดร่ากันอีกครั้ง ในครั้งนี้ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นหนึ่งในสี่เหล่านักล่าหน้าใหม่ (Vaults Hunter) ได้แก่ Zane, Amara, Moze, หรือ FL4K จากนั้นคุณได้รับการคัดเลือกเข้าสู่ Crimson Raiders ทหารอาสาสมัครที่มีภารกิจเดียวคือปกป้องขุมพลังมหาศาลที่มีอยู่บนดาวแพนโดร่าอันเสื่อมโทรมให้ได้ซึ่งนำโดย Lilith อดีต Vault Hunter เพื่อปกป้องอารยธรรมล้ำค่านี้ Crimson Raiders ได้จำเป็นต้องไปต่อกรกับสองพี่น้องฝาแฝด Tyreen Calypso พยัคฆ์ร้ายตัวฉกาจใหม่ซึ่งกำลังใช้อิทธิพลจากการเป็นสตรีมเมอร์ยอดนิยม มียอดผู้ติดตามทั่วจักวาลเพื่อที่จะโน้มน้าวลัทธิของพวกเขาเพื่อช่วยให้ค้นหาและได้รับพลังมหาศาลที่ถูกกักเก็บอยู่ในสถานที่ลึกลับที่กระจัดกระจายไปทั่วจักรวาล
เหล่า Crimson Raiders จะขึ้นยานอวกาศแซงชัวรี่ 3 (Sanctuary III) ไปกับตัวละครคุ้นตากลับมาให้แฟน ๆ หายคิดถึงไม่ว่าจะเป็น Lilith, Moxxi Zer0 และเจ้าหุ่นยนต์ตัวแสบ Claptrap เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ซีรี่ย์ที่ผู้เล่นจะได้ผจญภัยนอกระบบดาวเคราะห์แพนโดร่า ไปยังดาวเคราะห์ต่าง ๆ มากกว่า 5 ดวงยกตัวอย่างเช่น PROMETHEA (โพรมีเธีย) ดาวอันเจริญรุ่งเรืองเต็มไปด้วยตึกระฟ้าขนาดที่ประดับไฟนีออนสว่างจ้า,ยานยนต์ล้ำยุค,ย่านองค์กรธุรกิจที่เคร่งเครียดอึดอัดซึ่ดตัดกับเมืองที่เสื่อมโทรมและสภาพแวดล้อมใต้ดิน หรือดาว EDEN-6 (เอเด็น-6) ดวงดาวเต็มไปด้วยมอนสเตอร์สัตว์ดุร้าย ภายใต้สภาพแวดล้อมป่าดงดิบเขียวขจี เป็นต้น ขณะที่พวกเขาติดตามเบาะแสของพี่น้องฝาแฝด Tyreen Calypso รวมไปถึงปล้นสมบัติล้ำค่ามากมาย ก็ต้องมาลุ้นกันว่าพวกเขาจะสามารถจะกอบกู้กาแล็กซีเอาไว้ได้หรือไม่?
ในช่วงแรกเนื้อเรื่องดำเนินค่อนข้างช้า แต่หลังจากเนื้อเรื่องได้ดำเนินไปถึงการออกเดินทางออกจากดาวแพนโดร่าด้วยยานอวกาศแซงชัวรี่ 3 เนื้อเรื่องเริ่มเร็วและเข้มข้นมากขึ้น แม้ว่าใครที่สนใจเล่นเกม Borderland 3 จะไม่เคยเล่นเกมภาคก่อน ๆ เลยก็สามารถสนุกกับเนื้อเรื่องอันแน่นกว่า 23 บทและยาวนานกว่า 30 ชั่วโมง แต่สำหรับใครที่เป็นแฟนเกมอยู่แล้วผู้เขียนพูดได้เลยว่าพล็อตของภาคนี้จะทำให้ท่านอินไปกับตัวเกมเอามาก ด้วยขนาดเกมที่ใหญ่กว่าภาคที่ผ่าน ๆ มา, ตะลุยไปยังดาวเคราะห์ต่าง ๆ และรู้สึกว้าวทุกครั้งเมื่อได้เห็นตัวละครจากภาคก่อน ๆ กลับมามีบทบาทในภาคนี้ด้วยดังนั้นไม่ควรพลาดเลย
หากท่านไม่ได้มาเพื่อจะเสพเนื้อเรื่องของเกมแต่มาเพราะระบบเกมเพลย์นั้น Borderland 3 สามารถนำเสนอเกมเพลย์สุดเหวี่ยงและบ้าระห่ำได้เป็นอย่างดี แม้ว่าระบบเกมเพลย์ของภาคนี้ทั้งการบังคับและสไตล์การเล่นแทบจะเหมือนภาคที่ผ่าน ๆ มาก็ตาม ทว่าทาง GearBox ก็สามารถปรับปรุงและเพื่มฟีเจอร์เข้าไปในเกมเพื่อคงกลิ่นอายเดิมของซีรี่ย์ ในเวลาเดียวกันก็ทำให้ผู้ที่ได้สัมผัสรู้สึกถึงความสดใหม่ไปพร้อม ๆ กันด้วย
จากที่กล่าวไปเมื่อขั้นต้นผู้เล่นจะได้รับบทเป็นหนึ่งในสี่เหล่านักล่าหน้าใหม่ (Vaults Hunter) ได้แก่ Zane, Amara, Moze, หรือ FL4K โดยเราเลือกเล่นได้หนึ่งตัวละคร แล้วเมื่อเกมเป็นรูปแบบอาร์พีจีแอ็คชั่นชูตติ้งดังนั้นจะมีระบบอาร์พีจีเข้ามาในเกมด้วยได้แก่ ระบบสกิล, ระบบอัพเลเวล, ระบบปรับแต่งตัวละครหรือระบบปรับแต่งอาวุธ เป็นต้น โดยเฉพาะระบบสกิลของตัวละครมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งในหนึ่งตัวละครจะแตกสกิลออกมา 3 สายเลยทีเดียวมันจะเปลี่ยนวิธีการเล่นแล้วสร้างความแตกต่างจากภาคก่อน ๆ เพราะจะมีทางเลือกให้ผู้เล่นสามารถออกแบบสไตล์การเล่นได้หลายแบบไม่ว่าจะลุยเดี่ยว, สายช่วยเหลือหรือสายป้องกันตามใจชอบเลย ไม่เพียงแค่นั้นสกิลเซ็ททั้ง 3 สายของตัวละครและตัวก็แตกต่างกันด้วยดังนั้นผู้เล่นสามารถสร้างตัวละครที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตัวเองออกมาได้ แม้ว่าหากคุณเล่นกับเพื่อนแบบ Co-Op แล้วเลือกตัวละครเดียวกันก็ตาม แต่แน่นอนว่าสกิลย่อมแตกต่างกันแน่นอนเรียกได้ว่าเล่นกันได้ยาว ๆ
สิ่งที่น่าสนใจใน Borderland 3 ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ “ปืน” ในเกมนำเสนอปืนอยู่มากมายนับพันล้านแบบในเกม Borderlands 3 ฟังดูไม่น่าเชื่อใช่ไหม? มันคือการโฆษณามันคือปืนรูปแบบเหมือนกันแหละแต่ค่าประสิทธิภาพสเตตัสของปืนแตกต่างกันนั่นเอง ถึงกระนั้นแล้วปืนก็มีหลากหลายแบบจนน่าทึ่งอยู่เพราะพาร์ทรวมถึงปืนจะมียี่ห้อผู้ผลิตของมันเองไม่ว่าจะเป็น Dahl, Maliwan และ Jakobs จากภาคก่อนเพื่อให้ผู้เล่นเห็นความแตกต่าง และแม้ว่าในเกมจะมีปืนนับล้านแบบแต่ทว่ามีกระสุนอยู่เพียง 6 ชนิด ได้แก่: กระสุนปืนพก กระสุนปืนจู่โจม กระสุนปืนกลมือ กระสุนปืนลูกซอง กระสุนสไนเปอร์ และกระสุนหนัก ด้วยความหลากหลายของอาวุธนี้จะต้องใช้ความสามารถและใช้เวลาในการตามหาอาวุธดี ๆ ระดับสูง ๆ
หากยังไม่สะใจกับความหลากหลายของปืนเกราะก็เป็นเครื่องป้องกันที่สำคัญในเกมเหมือนกัน การเลือกใช้เกราะก็ต้องคำนึงถึงหลาย ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็น ดาเมจที่ได้รับจากศัตรู, สายสกิลที่เลือกใช้ และปืนเพื่อให้สามารถใช้เกราะประเภทนั้น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การที่เกราะป้องกันและปืนอันหลากหลายถูกนำมาใช้ในระบบดาเมจธาตุ อาวุธต่าง ๆ ล้วนแล้วจะมาพร้อมกับดาเมจธาตุที่มีอยู่ 5 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ เพลิง ,ไฟฟ้า , กัดกร่อน , ความเย็น และรังสี การเลือกอาวุธที่มีธาตุนั้นก็ขึ้นอยู่กับประเภทศัตรูที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ด้วยเพราะมันสามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างเห็นได้ชัดเจน ถ้าใช้ธาตุถูกชนิดกับศัตรูตรงหน้าก็จะสร้างความเสียหายได้มากขึ้น รวมถึงผู้เล่นจะได้รับค่าประสบการณ์มากยิ่งขึ้นด้วย
ในอีกด้านหนึ่งการต่อสู้ด้วยยานพาหนะในเกมภาคนี้มีการปรับปรุงครั้งใหญ่และมีออพชั่นหลากหลายขึ้นไม่ว่าจะรถใหม่ ๆ และการปรับแต่งที่มากขึ้น แต่ทว่าถึงจะมีออฟชั่นเพิ่มขึ้นมาก็ตามในตัวเกมไม่ได้นำเสนอภารกิจต่อสู้โดยใช้ยานพาหนะเท่าไร ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการเดินทางจากจุด A ถึงจุด B เท่านั้น ข้อเสียของการบังคับยานพาหนะในเกมคือเราต้องคอยปรับมุมกล้องตามทิศทางที่เราจะมุ่งไปด้วยผู้เขียนเข้าใจนะว่าเป็นเกมรูปแบบมุมองบุคคลที่หนึ่ง แต่การบังคับยานพาหนะแบบนี้มันทำให้ยิ่งมึนและบังคับยากกว่าเดิม
เมื่อพูดถึงการต่อสู้กับบอสใหญ่ในเกม Borderland 3 ทางทีมพัฒนาได้ใส่บอสเข้ามามากกว่าเดิม การต่อสู้กับบอสใหญ่อาจจะกินเวลาถึง 10 นาทีหากเล่นแบบโซโลลุยเดี่ยวซึ่งบอสจะคอยปล่อยท่าไม้ตายพิเศษใส่ผู้เล่น ผู้เล่นจะต้องวิ่งหลบพร้อมจับแพทเทิร์นและจุดอ่อนของบอส และสาดกระสุนเข้าใส่จนบางครั้งหากเล่นลุยเดี่ยวกระสุนหมดไปเลยอารมณ์คล้ายเกม Rage 2 อย่างใดอย่างนั้นเลย บอสต่าง ๆ นั้นแน่นอนว่ามีรูปลักษณ์และมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไปซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของดาวเคราะห์ที่เราเดินทางไป
ส่วนการปรับปรุงอื่น ๆ แม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยแต่ก็สร้างความสะดวกสบายให้กับผู้เล่นไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นระบบ Fast Travel จากสถานที่ใหญ่ ๆ ได้, การเติมกระสุนจากตู้ขายของอัตโนมัติภายใต้การคลิกแค่ปุ่มเดียว และแผนที่แบบเป็นมิติที่สามารถมองแยกเป็นชั้น ๆ ให้ง่ายแก่การค้นหาไอเทมและการทำภารกิจครับ อย่างไรก็ตามไม่รู้ว่าเกมถูกปรับแต่งไปเยอะเกินไปหรือเปล่าจนทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมตกลงโดยเฉพาะ UI ของเมนูจัดเก็บอาวุธ และเมนูอัพเกรดสกิลที่ดูอืด ๆ แล้วค้างในบางช่วง รวมถึงการเลื่อนหาสถานที่บนแผนที่เป็นไปอย่างเชื่องช้ามาก ๆ
ความสนุกของเกม Borderland 3 ไม่ได้จบลงเมื่อคุณเคลียร์โหมดแคมเปญเรียบร้อยแต่ความสนุกมันอยู่หลังจากนี้ต่างหาก เพราะในการเล่นรอบแรกเราไอเทมที่ดรอปดี ๆ ระดับ legendary มันจะดรอปยากมาก ๆ หลังจากผู้เขียนเล่นเกมจบในรอบแรกอาวุธระดับ legendary ดรอปออกมาเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่หากเล่นจบรอบแรกแล้วกำลังจะต่อด้วยโหมด New Game+ ผู้เล่นจะสามารถเปิดใช้งานโหมด Mayhem ซึ่งด้วยโหมดดังกล่าวจะเพิ่มหลอดเลือดของศัตรูและปรับแต่งประสิทธิภาพของศัตรูให้แกร่งมากยิ่งขึ้น เพื่อแลกกับคุณภาพระดับของไอเทมที่ศัตรูจะดรอปลงมานั่นเอง
นอกจากนี้คุณสามารถปลดล็อคระบบ Rank เมื่อคุณได้เคลียร์โหมดแคมเปญในรอบแรกแล้ว ระบบ Rank จะเสนอสถิติโบนัสต่าง ๆ เพื่อไว้ปรับแต่งสำหรับแต่ละคลาสของคุณ แล้วถ้าทีมของคุณพร้อมแล้วก็ของเชิญประลองในโหมด Proving Grounds ซึ่งนำเสนอศัตรูและบอสออกมาเป็นรอบ ๆ ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดว่าไอเทมอาวุธของคุณและทีมคุณมีประสิทธิภาพเพียงพอหรือไม่ เรียกได้ว่าเกม Borderland 3 ได้นำเสนอโหมดการเล่นอันหลากหลายแม้ว่าผู้เล่นเคลียร์โหมดแคมเปญหลักไปแล้วก็ตามดังนั้นไม่ต้องถามเลยว่าคุ้มกับเงินที่จ่ายไปไหม? ผู้เขียนนอนยันเลยว่าคุ้มทุกบาททุกสตางค์แน่นอน
หากใครติดตามซีรี่ย์ Borderland มาตั้งแต่แรกก็จะรู้ว่ากราฟฟิกของเกมนี้มีลักษณะเฉพาะตัวอันโดดเด่นจริง ๆ กับภาพการ์ตูนสีสันสดใสที่เน้นไปยังลายเส้นและสีที่ให้ความรู้สึกเหมือนสีน้ำมาระบายอย่างไรอย่างนั้นเลยในเกม Borderland 3 นี้ภาพของเกมถูกต่อยอดด้วยการเล่นแสงและเงา เสริมด้วยการยกระดับสภาพแวดล้อมอันงดงามของดาวเคราะห์ต่าง ๆ ,รายละเอียดของศัตรูตอนพุ่งชน หรือฉากฉายรังสีซึ่งทำให้เกิดควันพิษล้วนแล้วแต่ทำออกมาได้ดีมาก ๆ นอกจากนี้เกมยังมี Photo Mode สำหรับไว้ถ่ายรูปตัวละครที่เราปรับแต่งเองกับมือด้วย แต่ทว่าโหมดนี้ยังไม่สามารถใช้งานบนเครื่องคอนโซลได้ แฟน ๆ จึงต้องรอแพทช์อัพเดทในเดือนตุลาคมครับ
ในภาคนี้ผู้เล่นมีออพชั่นให้เลือกระหว่างความละเอียด (Resolution) ซึ่งถ้าหากเล่นบน PS4 Pro จะแสดงผลที่ความละเอียด 4K ในเฟรมเรตที่ 60 FPS หรือเลือกเป็นประสิทธิภาพ (Performance) ที่จะลดความละเอียดลงเหลือแค่ 1080p แต่จะไม่มุ่งเน้นประสิทธิภาพทำให้เฟรมเรตที่รันอยู่ในโหมดนี้อยู่ที่ 60 FPS ครับ เอาจริง ๆ ผู้เขียนยังไม่เห็นความแตกต่างกันมากหนักเพราะการใช้งานเมนูในขณะนี้ค่อนข้างหน่วง จนกว่าจะมีอัพเดทออกมาแก้ไขเราถึงจะเห็นความแตกต่างครับ
สำหรับดนตรีประกอบในเกม Borderland 3 ก็เป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มอรรถรสให้เกมดูสนุกยิ่งขึ้น อย่างที่เราทราบกันดีแล้วว่า เรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ๆ ใน Borderlands 3 เกิดขึ้นบนดาวเคราะห์และดาวเคราะห์น้อยต่าง ๆ ซึ่งมีความงาม, สภาพแวดล้อมและศัตรูที่แตกต่างกันออกไป ปัจจัยสำคัญอีกข้อหนึ่งที่สร้างความโดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ให้ดาวเคราะห์แต่ละดวงคือดนตรีประกอบรอบตัวที่ผสมผสานกันซึ่งช่วยเพิ่มความสมจริงให้สภาพแวดล้อมโดยรอบ ดนตรีประกอบทั้งหมดในเกมได้รับการแต่งโดยคุณ Raison Varner (เรสัน วาร์เนอร์) หัวหน้าฝ่ายดนตรีและเสียงประกอบกับทีมงานที่ Gearbox ทำออกมาได้น่าประทับใจมากจริง ๆ สร้างความเพลิดเพลินในะหว่างสาดกระสุนใส่ศัตรูได้เป็นอย่างดี
เป็นเวลากว่า 7 ปีนับตั้งแต่ Borderland 2 ออกวางจำหน่าย Borderland 3 สามารถกลับมาได้อย่างสมเกียรติจากการเล่าเรื่องราวสดใหม่เต็มอิ่มกว่า 30 ชั่วโมงตั้งแต่กลุ่มนักล่าหน้าใหม่ (Vaults Hunter) ไปจนถึงวายร้ายตัวฉกาจใหม่ที่มาช่วยสร้างความปั่นป่วนให้กับผู้เล่น แต่ถึงกระนั้นแล้วทางทีมงานก็ได้นำตัวละครเก่า ๆ กลับมาสร้างสีสันให้แฟน ๆ หายคิดถึงด้วย เนื้อเรื่องอันเข้มข้นนี้ได้ผสมผสานกับการปรับปรุงและยกระดับเกมเพลย์ให้มีความมันส์และออพชั่นที่หลากหลายมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปยังดาวเคราะห์หลายระบบ, ปืนนับพันล้านแบบ, ความหลากหลายของสกิลให้ผู้เล่นได้เลือกใช้, บอสหน้าใหม่ รวมไปถึงเนื้อหาและโหมดต่าง ๆ หลังเคลียร์โหมดแคมเปญก็ทำให้ผู้เล่นไม่สามารถวางคอนโทรลเลอร์ได้แล้ว ทั้งหมดทั้งมวลนี้จะออกมาดีไม่ได้หากขาดกราฟฟิกอันสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ของเกมประกอบกับดนตรีอันไพเราะของเกมดังนั้นแล้วหากใครชอบเกมสไตล์อาร์พีจีแอ็คชั่นชูตติ้งแบบนี้แล้วไม่ควรพลาดจริง ๆ
8.5/10
จุดเด่น (Pro)
- สามารถเดินทางไปสำรวจดาวเคราะห์ดวงอื่นได้มากกว่า 5 ดวง
- ปืนโคตรเยอะเป็นล้านแบบ
- เนื้อหาหลังจากเคลียร์เกมแล้วมีมากยิ่งกว่าคุ้ม
- ระบบสกิลอันหลากหลาย
- กราฟฟิกอันโดดเด่นและดนตรีประกอบแสนเพราะ
จุดสังเกต (Con)
- การบังคับยานพาหนะยากและมึนหัว
รีวิวและเขียนบทความโดย Play4Thai
ขอบคุณ 2K Interactive
สำหรับโค้ดเกมที่ให้เรามารีวีวครับ