เกม : FIFA 2021
แพลตฟอร์ม : PS4, Xbox One และ PC
ราคา: 1,890 บาท
วันวางจำหน่าย: 09 ตุลาคม 2019
หนึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเรามาถึงช่วงเวลานี้ของปีกันอีกแล้ว กับช่วงเวลาที่ EA จะปล่อยเกมฟุตบอลระดับตำนานออกมาอย่างซีรี่ย์ FIFA ออกมาให้เราได้สัมผัสกันซึ่งในแต่ละปีก็จะมีการปรับแต่งต่อยอดพัฒนาเกมให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น แม้ว่าในปีนี้เกมวางจำหน่ายดีเลย์กว่าปีอื่น ๆ เล็กน้อยกับเกม FIFA 21 แม้ว่าในปีนี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ๆ ก็ตามแต่ได้มีการต่อยอดพัฒนาโหมดที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้นและน่าสนใจขึ้น ส่วนตัวเกมเพลย์ก็มีการพัฒนาระบบน่าสนใจอีกเพียบเลย แล้วซื้อ FIFA 21 จะคุ้มค่าไหม หรือจะเป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้หรือไม่? เรียนเชิญอ่านรีวิวเกม FIFA 21 กับการพัฒนาระบบต่าง ๆ ต่อยอดความสำเร็จของความสำเร็จซีรี่ย์
เกมเพลย์
ดูเหมือนว่าในปีนี้ EA ได้มุ่งเน้นไปทางด้านการปรับปรุงเกมเพลย์เป็นหลัก ทางผู้เขียนบอกได้เลยถูกใจแฟน ๆ อย่างแน่นอน เมื่อเริ่มเล่นอย่างแรกจะรู้สึกได้ทันทีว่าความเร็วของเกมมันเร็วขึ้น ถัดมาปฏิกิริยาของนักฟุตบอลที่มันรู้สึกว่าลื่นไหลมากขึ้น การวิ่งจังหวะต่าง ๆ เช่นกันจ่ายบอล และการบุกล้วนดูเป็นธรรมชาติและสมจริงกว่าปีก่อน ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ทางทีมพัฒนาได้ต่อยอดความสมจริงขึ้นไปอีกด้วยระบบ Natural Collision System ระบบแอนิเมชันใหม่เพื่อสร้างความลื่นไหล และลดการวิ่งปะทะกันเองของ AI
กลเม็ดเด็ดอีกอย่างคือระบบเลี้ยงลูกบอลเรียกว่า Agile Dribbling มันเป็นการคลึงลูกบอลและพลิกบอลไปยังทิศทางต่าง ๆ อย่างรวดเร็วซึ่งบอกได้เลยว่าสร้างความปั่นป่วนให้แก่แดนรับเป็นเอามาก ๆ มันจะสร้างมิติในการคลึงบอลหักหลบแนวรับในพื้นที่แคบได้อย่างรวดเร็ว งานนี้ผู้เขียนบอกเลยถ้าเล่นกับ AI ระดับยาก ๆ มันท้าทายและเอาชนะได้ยากกว่าภาคก่อน นี่ผสมผสานกับระบบใหม่ Positioning Personality ที่ทีมพัฒนาตั้งใจพัฒนาให้ AI ฉลาดและคอยระมัดระวังคู่ต่อสู้อย่างเราอยู่ตลอดเวลาทั้งแนวเกมรุก เกมรับเรียกว่าฉลาดขึ้นกว่าภาคค่อนมาก แต่ความฉลาดนี้ก็ขึ้นอยู่กับค่าต่าง ๆ ของนักเตะด้วยนะ
เรื่องของ AI ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ยังมีระบบ Creative Runs ซึ่งผู้เขียนชอบระบบนี้มาก โดย AI จะพยายามวิ่งหาช่องในเกมแนวรุกเพื่อต่อบอลส่งไปยังแนวรับของศัตรูข้างหน้า ระบบนี้เองมันทำให้ช่วยเราในการบุกขึ้นหน้าได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและด้วยระบบนี้เองเราจึงรู้สึกว่าเกมมันเร็ว ๆ ขึ้น อีกอย่างคือ AI มันจะไม่ยืนแข็งเป็นหินอีกต่อไป นอกจากนี้เรายังสามารถบังคับให้ผู้เล่นอีกคนวิ่งได้ด้วยนะ แต่แรก ๆ อาจจะไม่ชินต้องอาศัยการฝึกฝนทักษะเล็กน้อย
อีกหนึ่งข้อที่ได้รับการปรับปรุงคือผู้เล่นระดับสตาร์ (ค่าเฉลี่ย 70 – 85) มีความคล่องตัวมากขึ้นเหมาะสมกับค่าเฉลี่ยของนักฟุตบอลการพลิกบอล เลี้ยงบอลดูดีเลยทีเดียว (หลังจากภาคก่อนโดนเสียงตอบรับแง่ลบเมื่อภาคก่อน) แต่นอกเหนือจากการปรับปรุงระบบเกมเพลย์เล็กน้อยแล้ว ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงอะไร
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในเกม FIFA 21 คือ Career Mode หลังจากไม่ได้มีการพัฒนาต่อยอดโหมดนี้มานานหลายปี ในที่สุดทางทีมพัฒนาก็หันมาให้ความสำคัญเป็นพิเศษในภาคนี้เรียกได้ว่าพัฒนาแบบก้าวกระโดดเลยก็ว่าได้กับกาาควบคุมและติดตามผลลัพธ์ของทุกๆ เกมด้วย Interactive Match Sim นอกจากนี้ยังแก้เกมได้แบบเรียลไทม์ หรือถ้าไม่ถูกใจในการเล่นจริง ๆ เราสามารถเข้าไปในแมตช์บังคับเล่นเองเสียเลยก็ได้นะ ยังไม่หมดภายในโหมดยังมีระบบพัฒนาผู้เล่น (Player Development ) ซึ่งอนุญาตให้เราเองเลือกนักฟุตบอลในทีมมาฝึกฝนพัฒนาทักษะเฉพาะด้านเล่น ทักษะการป้องกัน ทักษะการเลี้ยงบอล เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้นระบบสามารถติดตามพัฒนาเกมของผู้เล่นออกมาเป็นกราฟเป็นรายคนได้เลย (เหมือน Football Manager)
VOLTA FOOTBALL โหมดใหม่จากปีที่แล้วก็ได้รับการปรับปรุงเช่นกันกับ AI ฉลาดมากขึ้นและเรื่องราวใหม่กับ THE DEBUT เรื่องราวที่จะนำพาเราเข้าสู่วงการฟุตบอลข้างถนนไปกับนักฟุตบอลในตำนานอย่างกาก้าหรือ ลิซา ซิมูช นักฟุตบอลฟรีสไตล์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก และยังมีโหมด VOLTA SQUADS ซึ่งจะมาแทนที่ VOLTA HUB เป็นโหมดออนไลน์ร่วมเล่นกับเพื่อนได้สูงสุด 3 คน หรือไปท้าแข่งกับผู้เล่นคนอื่น ๆ ในแบบ 5v5 เพื่อรับรางวัลพิเศษประจำอาทิตย์ และไต่ระดับ rank ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าเกมเพลย์ในโหมดนี้ไม่ได้แตกต่างอะไรจากปีก่อนแม้ AI จะมีความฉลาดขึ้นก็ตาม
ส่วนโหมด The Ultimate Team ไม่ได้มีการปรับปรุงอะไรที่หวือหวา แต่สิ่งที่มาต่อยอดโหมดนี้คือระบบการเล่น Co-Op บอกเลยว่าสร้างความท้าทายมากขึ้นและเพลิดเพลินมากว่าเดิมครับ แม้ว่าปีนี้จะไม่มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหญ่ ๆ แต่การปรับปรุงและเพิ่มฟีเจอร์เล็ก ๆ เพื่อปรับปรุงเกมเพลย์ในโหมดที่มีอยู่แล้วก็ไม่เหลวนะ มันทำให้เกมเพลย์ในหลาย ๆ โหมดมีความสมบูรณ์มากขึ้น
กราฟิก
หากพูดกันตามตรงกราฟิกของเกม FIFA 21 แทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่างจทกปีที่แล้วเลยแม้แต่น้อย ทั้งโมเดลและสนามล้วนเหมือนภาคก่อนเป๊ะ ๆ สิ่งที่เป็นความแตกต่างคือท่าทางนักเตะที่ได้รับการปรับปรุงให้สมจริงขึ้น (สอดคล้องกับระบบเกมเพลย์ที่ได้รับการปรับปรุงนั่นเอง) น่าเสียดายเพราะกราฟิกของเกมทางฝั่งคู่แข่งกลับเห็นความแตกต่างแม้จะไม่ใช่เป็นเกมเต็มก็ตาม แต่โดยรวมแล้ว บรรยากาศภายในสนามของเกม นอกเหนือจากที่เกมได้ลิขสิทธิ์ทีมทุกสโมสรทั่วโลกแล้วนั้นเสียงกองเชียร์, NPC ผู้ชมในสนามล้วนแล้วออกแบบออกมาได้ตอบสนองกับสถานการณ์ในเกมในขณะนั้นด้วย ตัวละครหน้าตาของนักเตะระดับซุปเปอร์สตาร์ทำออกมาได้สมจริงเช่นเดิม
Verdict
แม้ว่า FIFA 21 จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มฟีเจอร์อะไรเข้ามาใหม่มากหนัก แต่ก็ได้ปรับปรุงยกระดับเกมเพลย์ให้ดียิ่งขึ้นไปอีกกับการนำเสนอเกมเพลย์ลื่นไหลมากขึ้น การปรับปรุง AI ให้มีความเฉลียวฉลาดมีไหวพริบมีการตอบสนองมากขึ้น และด้วยระบบ Creative Runs ยังทำ AI สามารถช่วยผู้เล่นอย่างเราในการบุกศัตรูได้ด้วย นอกจากนี้การปรับปรุงครั้งใหญ่ใน Career Mode ทำให้โหมดอาชีพนี้มีความสมบูรณ์แบบและเพลิดเพลินขึ้น ขณะเดียวกันกราฟิกและเกมเพลย์โหมดอื่น ๆ ไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ ซึ่งก็ไม่แน่ว่าเมื่ออัพเกรดไปเป็นเวอร์ชั่น PS5 แล้วกราฟิกอาจจะดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดก็เป็นได้ แต่สำหรับใครที่อยากสัมผัสเกมเพลย์ที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น FIFA 21 เป็นอีกหนึ่งภาคของซีรี่ย์ที่ไม่ควรมองข้าม
8.0/10
จุดเด่น (Pro)
- การปรับปรุงเกมเพลย์ที่ดีขึ้น ลื่นไหลมากขึ้น AI ฉลาดขึ้น
- การปรับปรุง Career Mode ครั้งใหญ่ทำให้สนุกมากขึ้น และใกล้เคียงเกมคู่แข่ง (Football Manager) มากขึ้น
จุดสังเกต (Con)
- ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของกราฟิก
- The Debug เนื้อเรื่องของโหมด VOLTA ไม่น่าสนใจอย่างที่โฆษณาไว้
รีวิวและเขียนบทความโดย Play4Thai
ขอบคุณบริษัท NGIN
สำหรับเกมที่ให้เรามารีวีวครับ