เกมส์ : Assassin’s Creed Valhalla
แพลตฟอร์ม : PS5, PS4, Xbox One, Xbox Series X, PC และ Stadia
ราคา: 1,890 บาท
วันวางจำหน่าย: 10 พฤศจิกายน 2020
Assassin’s Creed เป็นซีรี่ย์เกมเรื่องราวของนักฆ่าในตำนานที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายยุคมากกว่า 13 ปี กับการตีแผ่เรื่องราวอิงประวัติศาสตร์และนวนิยายให้ดูน่าสนใจผ่านรูปแบบวีดีโอเกม หลังห่างหายกันไปนานกว่า 2 ปีทาง Ubisoft กลับมาพร้อมเกมภาคใหม่กับเรื่องราวตำนานไวกิ้งใน Assassin’s Creed Valhalla เกมภาคนี้ยังเป็นการเชื่อมโยงเกมภาคแรก ๆ (Assassin’s Creed: Brotherhood) ของซีรี่ย์และ 3 ภาคล่าสุดเข้าด้วยกัน มาพร้อมระบบการต่อสู้น่าสนใจ แต่มันจะสามารถมัดใจแฟนซีรี่ย์นี้ได้หรือไม่ เรียนเชิญอ่านรีวิวเกม Assassin’s Creed Valhalla ตำนานไวกิ้งแห่งดินแดนวัลฮัลลา
**บทความรีวิวนี้เป็นบทความไม่มีการสปอย์เนื้อเรื่อง และตัวระบบเกมส์บางส่วน เพื่อให้แฟนๆ ได้รับประสบการณ์สูงสุดในการเล่น และตื่นเต้นที่จะได้สัมผัสเกมนี้ครับ
เนื้อเรื่อง
เรื่องราวใน Assassin’s Creed Valhalla เริ่มต้นขึ้นทางใต้ของนอร์เวย์ในช่วงศตวรรษที่เก้า ในคืนเฉลิมฉลองชัยชนะของเผ่าไวกิ้งชื่อ Raven หนุ่มน้อย Eivor (พระเอกที่ผู้เล่นรับบท) พร้อมชนเผ่าและพระราชากำลังดื่มด่ำกันยกใหญ่ แต่ทว่าระหว่างนั้นเองเผ่า Kjotve ได้บุกมาโจมตี Raven อย่างไม่ทันตั้งตัว ในเหตุการณ์นี้ Eivor ได้รับการช่วยเหลือจาก Siguard พี่ชายต่างสายเลือดพาม้าหนีออกมาในที่สุด….
18 ปีต่อมาดินแดนแห่งนี้ยังคงเต็มไปด้วยศึกสงครามไม่จบสิ้นและทรัพยากรที่ร่อยหรอเข้าทุกที Eivor ไม่หยุดความทะเยอทะยานของเขาเพื่อล้างแค้นฝันร้ายของเขาที่ฝังใจมาตลอด 18 ปี จนแก้แค้นได้สำเร็จ ทว่าเรื่องราวกลับตาลปัตรอีกครั้งเมื่อ Eivor และพี่ชายต่างสายเลือดอย่าง Siguard ตัดสินใจออกจากนอร์เวย์และนำชนเผ่าชาว Norse ข้ามน้ำข้ามทะเลผ่าน North Sea อันเย็นยะเยือกมาสู่อาณาจักรอังกฤษที่ผุพังเพื่อสร้างอนาคตใหม่ ขณะเดียวกัน Eivor จะต้องเผชิญกับความท้าทายทุกแบบที่รอเขาอยู่ด้านหน้า และท้ายสุดแล้วชะตากรรมเขาจะเป็นอย่างไรก็อยู่ที่ผู้เล่นนี่แหละจะเป็นคนตัดสิน!
เนื้อเรื่องของเกมภาคนี้ตรงไปตรงมาเข้มข้นตั้งแต่ฉากแรกจนเรียกความไฮป์ออกมาได้เลย นอกจากนี้เนื้อเรื่องหลักเข้าใจง่ายไม่มีพาออกทะเล ผู้เขียนยกให้เป็นภาคที่มีเนื้อเรื่องยอดเยี่ยมสุดนับตั้งแต่ Assassin’s Creed Black Flag ระหว่างทางผู้เล่นจะเรียนรู้วิถีแห่งไวกิ้ง, ความรัก และพันธมิตรมากมาย ไม่เพียงเรื่องราวจะสามารถเชื่อมโยงเกมภาคแรก ๆ ของซีรี่ย์ได้อย่างไร้รอยต่อ เกมยังนำเสนอระบบการตัดสินใจซึ่งส่งผลกระทบต่อเนื้อเรื่องรวมไปถึงผลลัพธ์ตอนท้ายเกมด้วย หากใครเคยเล่น Odyssey ก็คงจะคุ้นเคยกับระบบนี้ครับ ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าเนื้อเรื่องภาคนี้ไร้ที่ติมันน่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบแบบไม่อยากวางจอย
เกเมพลย์
ระบบเกมเพลย์ของ Assassin’s Creed Valhalla ยังคงนำเสนอเกมในรูปแบบกึ่งแอ็คชั่น RPG เหมือนกับภาคก่อน (Odyssey) ภายในโลกอันกว้างใหญ่ ภาคนี้แผนที่มีขนาดเล็กกว่าภาคก่อนพอสมควร ถึงจะเล็กแล้วพื้นที่ส่วนใหญ่ในเกมกลับปกคลุมไปด้วยป่าไม้และเทือกเขาอันขาวโพลน หากเปรียบเทียบกับภาคที่ผ่าน ๆ มาภาคนี้ไม่ค่อยมีพื้นที่เป็นชุมชนเท่าไหร่ จนดูโล่งหูโล่งตาเหงา ๆ ไปเลย ส่วนจุด synchronization เพื่อปลดล็อค Fast Travel อยู่ตามเทือกเขาสูงชัน บางจุดเป็นพื้นที่ห่างไกลผู้คนทำให้ยากลำบากต่อการเดินทางเอามาก ๆ แต่นั่นก็เป็นจุดสังเกตเล็กน้อยเท่านั้น
ในภาคนี้เกมจะยังคงอนุญาตให้ผู้เล่นเลือกเพศตัวละครได้จะเล่นเป็น Eivor เวอร์ชั่นหญิงหรือเวอร์ชั่นชายก็ได้ตามความชอบเลย หรือจะให้ระบบเป็นผู้สุ่มให้ก็ได้เหมือนกัน นอกจากนี้สิ่งที่น่าสนใจคือเกมสามารถปรรับระดับความยากได้หลายแบบ มันจะแบ่งออกเป็นประเภทอย่างชัดเจนได้แก่ Exploration Difficulty (ระดับความยากของการสำรวจ), Combat Difficulty (ระดับความยากการต่อสู้) และ Stealth Difficulty ( ระบบความยากการลอบเล้น) ถ้าหากเลือกระดับง่ายความท้าทายของประเภทต่าง ๆ จะน้อยลง หรือถ้าเลือกยากสุดมันก็จะเพิ่มความท้าทายให้กับเราเป็นอย่างมาก
กลับมาพูดถึงระบบการต่อสู้กันดีกว่า Assassin’s Creed Valhalla เรียกว่าได้ยกเครื่องระบบการต่อสู้ใหม่เกือบทั้งหมด กับความสามารถในการใช้อาวุธแบบคู่เพื่อปะทะกับศัตรู ทั้งการใช้ขวานคู่ หรือจะสลับปรับเปลี่ยน Combination ตามใจชอบได้เลยอาทิ การถือขวานด้วยมือขวา และโล่ป้องกันมือซ้าย เป็นต้น มันเปิดโอกาสเพิ่มสไตล์การเล่นมากขึ้น ความมันส์อยู่ตรงท่าการฟัน การเข้าบวกของตัวละครที่ให้อารมณ์เอาสุด ๆ นอกจากนี้เกมได้นำระบบการต่อสู้แบบ RPG ของภาคที่แล้วมาต่อยอดมีเกจ Stamina ให้เราต้องเฝ้าระวังเมื่อผู้เล่นเข้าโจมตีหนักใส่ศัตรู หรือการปัดป้องเพื่อทำลายแนวรับของศัตรู หาก Stamina หมดเราจะทำอะไรไม่ได้ต้องรอมัน Cool Down กลับมา
นอกจากนี้สิ่งที่ต้องระวังอีกอย่างคือค่า HP ตัวเอง ในภาคนี้ระหว่างการปะทะค่าพลังชีวิตไม่ได้ Cool Down ให้เหมือนภาคก่อนอีกแล้ว เราจำเป็นจะต้องเก็บสมุนไพรในยามบาดเจ็บเพื่อฟื้นค่าพลังชีวิตให้กลับมา ผนวกกับศัตรูมีชั้นเชิงมากขึ้น และฉลาดขึ้น ผู้เล่นจะต้องใช้เวลาคิดสักหน่อยก่อนเข้าบวกกับศัตรูมิเช่นนั้นอาจจบลงด้วยความตายได้
Hidden Blade กลับมาแล้ว!! หลังจากสองภาพที่ผ่านมาเกิดกระแสแง่ลบเกี่ยวกับภาพจำของซีรี่ย์เกม Assassin’s Creed ที่ขาดหายไปกับการลอบสังหารตายภายในพริบตา ในทางปฏิบัติแล้วอันที่จริงมันใช่ทุกครั้งที่เราลอบเร้นเข้าไปปาดคอศัตรูแล้วเขาตายทันที มันขึ้นอยู่กับเลเวลของเราและศัตรูว่าใกล้เคียงกันมาแค่ไหน หากห่างกันเมื่อเราลอบเข้าไปสังหารศัตรูไม่ได้ตายในครั้งเดียว แต่อาจจะสร้างความเสียหายได้พอสมควรเลย ระบบนี้กลับมาก็ชวนให้นึกถึงเกมในซีรี่ย์ภาคก่อน ๆ ไม่ใช่น้อย
ถัดมาคือเรื่องเลเวลของภาคนี้ไม่ได้เป็นปัจจัยที่สำคัญมากนัก แม้ว่าหากเลเวลเราต่ำกว่าศัตรูอาจทำให้เราสู้ลำบากมากขึ้น ถึงกระนั้นไม่ได้หมายความว่าเราจะเราชนะศัตรูเหล่านี้ไม่ได้ เนื่องจากภาคนี้มีระบบใหม่เข้ามาคือ Power level มันเป็นค่าเฉลี่ยของอาวุธ, ชุดเกราะ และทักษะตัวละคร (อันที่จริงการอัปเกรดชุดเกราะ และอาวุธไม่ได้เพิ่ม Power Level โดยตรง) อย่างไรก็ตามทุก ๆ ครั้งที่มีการอัปเลเวล Power Level จะไม่เพิ่มขึ้นเองอัตโนมัตินะ แต่เราจะได้แต้มสกิลพ้อยมา 2 แต้มเพื่อให้ผู้เล่นได้อัปเกรดสกิลทรีตามสายที่ตัวเองต้องการเล่น สกิลทรีนี้เองเป็นตัวกำหนดทำให้ค่า Power Level เพิ่มขึ้น, และผู้เล่นสามารถถอดเข้าถอดออกสกิลเพื่อลดค่า Power Level ได้ตลอดเวลา ชอบตรงนี้แหละ อารมณ์เหมือนไม่เหมาะกับสายนี้สลับไปเล่นอีกสาย เกมนำเสนอทั้งหมด 20 สกิลและสามารถใส่ได้สูงสุด 8 สกิลพร้อม ๆ กันครับ
แต้มสกิลพ้อยจะได้รับจากการทำภารกิจหลัก รวมไปถึง Side Quest (จุดสีฟ้า) และเหตุการณ์ภายในโลกของเกมเรียกว่า World Event บางภารกิจ Side Quest มีความยากท้าทายหากเอาชนะได้ก็จะได้แต้มสกิลพ้อย 1-2 แต้มขึ้นอยู่กับความยาก ส่วน World Event นี้มุ่งเน้นให้ผู้เล่นสำรวจมากขึ้น ตัวเกมจะไม่ชี้จุดบังคับให้เราไปไหนมาไหนอีกแล้ว แต่ภารกิจจะบอกเราไปทำอะไรหรือต้องการอะไรจึงต้องอาศัยการสำรวจล้วน ๆ หรือ Raid การบุกปล้นฐานศัตรูเพื่อแย่งชิงทรัพยากร ดังนั้นภาคนี้มุ่งเน้นให้เราฟาร์มเก็บสกิลพ้อยมาอัปเดตสกิลให้ค่า Power Level สูงขึ้นมากกว่าการฟาร์มเพื่ออัปเกรดเลเวลให้สูงขึ้น ผู้เขียนชอบระบบ Power Level มากกว่านะมันดูมีจุดหมายและยิ่งค่าสูงเราก็จะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ความสนุกไม่หมดเพียงแค่ภารกิจหลักและย่อยเท่านั้น เพราะในเกมแฝงด้วยมินิเกมให้ผู้เล่นได้คลายความเครียดพักจากภารกิจหลักกันด้วยตั้งแต่เกม “บอร์ดเกม” , การโต้วาทีกับตัวละครในเกม หรือการแข่งดื่มเบียร์ ซึ่งเกมสองในสามจำเป็นต้องมีความรู้ภาษาอังกฤษพอสมควรไม่งั้นจะสับสนมาก ส่วนเกมแข่งกินเบียร์เพลินดีนะ พอแข่งขันเสร็จเดินไม่เป็นเลย 55555 อารมณ์คล้ายกับดื่นเหล้าในเกม Watch Dog แล้วเกิดอาการเมา
ระบบเกมเพลย์ยังไม่หมดแค่นี้เมื่อเนื้อเรื่องของเกมให้เรานำชนเผ่าชาว Norse มาตั้งรกรากในอังกฤษดังนั้น เราจำเป็นต้องหาทรัพยากรจากการทำ Raid เพื่อนำทรัพยากรที่จำเป็นนี้มาสร้างชุมชนและมันจะนำไปสู่การปลดล็อคเควสย่อยต่าง ๆ เช่นการสร้างค่ายทหาร, การสร้างท่าเรือ, การสร้างกระท่อม จนไปถึงการสร้างร้านค้าต่าง ๆ เป็นชมชนของเราเอง ทำให้เกมดูเป็น RPG และมีเป้าหมายชัดเจนขึ้นด้วย ผู้เขียนชอบนะคือเกมเล่นได้ยาว ๆ เลยไม่เบื่อเพราะมีอะไรให้ทำเพียบ
กราฟิกและประสิทธิภาพ
Assassin’s Creed Valhalla เป็นอีกหนึ่งภาคของซีรี่ย์ที่พัฒนากราฟิกออกมาได้สวยมาก บรรยากาศในเกมดูดียิ่งมองจากยอดเขาลงมาเห็นวิวด้านล่างต้องบอกว่าสวยงดงามมาก ระบบแสงและมหาสมุทรทำได้สวยงามเช่นเคย ผู้เขียนบอกได้เลยว่ารอแทบไม่ไหวที่จะได้สัมผัสเกมบนเครื่องเน็กซ์เจนเพื่อสัมผัส Ray Tracing เชื่อว่ามันต้องสมจริงกว่านี้แน่นอน
นอกจากกราฟิกแล้วการนำเสนอวิถีชีวิตของชาวไวกิ้งทางผู้พัฒนาก็ได้ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีตั้งแต่ทรงผม เครื่องแต่งกายหนังสัตว์ และบ้านเรือนต่าง ๆ ให้กลิ่นอายความเป็นไวกิ้งครบถ้วน นอกจากนี้เวลาการล่องเรืองก็จะเป็นสไตล์ไวกิ้งเราเป็นคนสั่งการให้ลูกน้องพายเรือตามทิศทางที่เรากำหนดแบบพร้อมเพียงและสมจริง นอกจากนี้การเล่นเฉดสีในเกมก็ดูเหมาะสมเข้ากับยุคสมัย
เรามาพูดถึงประเด็นเรื่องเซ็นเซอร์กันบ้างดีกว่าทางเว็บไซต์เราได้โค้ดรีวิวเป็นโซนเอเชียหมายความว่าเวลาฟันเราจะไม่เห็นเลือดพุ่ง หรือขาขาด/แขนขนาด ก็ต้องยอมรับตามตรงว่าไม่ได้อรรถรสเท่าไหร่ แต่ถ้าเราไม่เคยรู้มาก่อนว่าทางค่ายเซ็นเซอร์อาจจะไม่ได้คิดมากขนาดนี้ก็ได้ อย่างไรก็ตามทางค่ายรับทราบแล้วและจะดำเนินการแก้ไขต่อไป
ทางด้านประสิทธิภาพของเกมต้องเรียนตามตรงว่าเกมค่อนข้างมีบั๊กอยู่พอสมควรเลย มีฉากโหลดคั่นกลางค่อนข้างมากราวกับว่าทำเพื่อมารองรับเครื่องเน็กซ์เจนเสียมากกว่า แต่อย่างไรก็ดีเฟรมเรตของเกมค่อนข้างนิ่งและไม่มีภาพกระตุก รวมไปถึงไม่ทำให้ PS4 Pro ทำงานหนักจุดนี้ต้องของชื่นชม สำหรับโหมดถ่าพภาพก็มีออพชั่นให้ปรับแต่งมากมายเหมือนเดิมตั้งแต่การปรับฟิวเตอร์ต่าง ๆ จนไปถึงการปรับค่าแสงและมุมกล้องได้ตามใจชอบ ผู้เขียนบอกเลยว่าสายถ่ายภาพถูกใจแน่นอนเพราะเกมกว้างมากเดินถ่ายรูปชิว ๆ ได้ตามใจชอบ
Verdict
คาดไม่ถึงจริง ๆ กับการกลับมาของซีรี่ย์ Assassin’s Creed สุดยิ่งใหญ่ในภาค Valhalla มาพร้อมเนื้อเรื่องน่าสนใจและสามารถเชื่อมเกมภาคแรก ๆ เข้ากับภาคหลังได้สมบูรณ์แบบ เสริมด้วยระบบเกมเพลย์ที่ได้รับการต่อยอดและใส่เข้ามาใหม่ ไม่ว่าจะระบบต่อสู้กับการใส่อาวุธคู่ลุยกำจัดศัตรู ไปจนถึงระบบ Power Level ใหม่กับการเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้เลือกสไตล์การเล่นหลากหลายมากขึ้น ทั้งหมดนี้ถูกซ่อนอยู่ภายใต้กราฟิกอันสวยงามของเกม หากใครเป็นแฟนซีรี่ย์เกมนี้ผู้เขียนบอกเลยไม่ควรพลาดภาคนี้!!
9.0/10
จุดเด่น (Pro)
- เนื้อเรื่องเข้มข้นและน่าติดตามมาก
- ระบบต่อสู้กับการใช้อาวุธคู่ และระบบ Power Level เปิดโอกาสรับสไตล์การเล่นใหม่ ๆ มากขึ้น
- มีภารกิจให้ทำเพียบเล่นกันได้ยาว ๆ
- กราฟิกสวยงามตามฉบับของซีรี่ย์
จุดสังเกต (Con)
- แม้ Hidden Blade จะกลับมาแต่ดูเหมือนเกมไม่ได้โฟกัสที่ลอบเร้น
รีวิวและเขียนบทความโดย Play4Thai
ขอบคุณ Ubisoft Entertainment Asia
สำหรับแผ่นเกมส์ที่ให้เรามารีวีวครับ