EA Sport ได้ครองส่วนแบ่งตลาดเกมฟุตบอลในฐานะผู้ถือลิขสิทธิ์เกมฟุตบอล “FIFA” มานานนับทศวรรษ แตล่าสุดหลังจากมีข่าวลือว่าทาง FIFA กำลังปรับขึ้นราคาค่าลิขสิทธิ์ไปเป็น 1 พันล้านเหรียญต่อปี จนทำให้ทาง EA พิจารณาเปลี่ยนชื่อเกมฟุตบอลของพวกเขาไปเป็น “EA Sport FC” (คลิกเพื่ออ่านข่าว) แต่ล่าสุดสถารการณ์เริ่มบานปลายโดย สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือ FIFA ได้ออกแถลงผ่านเว็บไซต์ Eurogamer เผยว่า การแข่งขันฟุตบอลและ esports ไม่ควรถูกควบคุมโดยฝ่ายเดียว ดังนั้นมีความป็นไปได้ว่าองค์กรกำลังจะเปิดประตูและมอบใบอนุญาต FIFA ให้กับหลายบริษัทพัฒนาเกมที่สนใจได้ เห็นได้ชัดว่า FIFA กำลังมองหา “กลุ่มบุคคลที่เหมาะสมและมีความสามารถเฉพาะทางเพื่อสร้างประสบการณ์และข้อเสนอที่ดีที่สุด” ในคำแถลงกล่าวว่า
บริษัทเทคโนโลยีและผู้พัฒนาโทรศัพท์มือถือกำลังแข่งขันกันอย่างแข็งขันเพื่อเชื่อมโยงกับ FIFA แพลตฟอร์มและการแข่งขันระดับโลก ด้วยเหตุนี้ FIFA จึงมีส่วนร่วมกับผู้เล่นในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงนักพัฒนา นักลงทุน และนักวิเคราะห์ เพื่อสร้างมุมมองระยะยาวของเกม esports และภาคอินเตอร์แอคทีฟคอนเทนต์
เกมมิ่งและอีสปอร์ตเป็นสื่อแนวโน้มที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ด้วยการเปิดตัวเกมประเภทใหม่และหลากหลายอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งสำหรับ FIFA และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการเพิ่มโอกาสในอนาคตทั้งหมดสำหรับแฟนฟุตบอลและเกม… FIFA ยังมีหน้าที่ในการสนับสนุนสมาชิกในสมาคมมากกว่า 211 แห่งเพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสที่มีอยู่เดิมที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอย่างเต็มที่ ในฐานะส่วนหนึ่งของกลยุทธ์นี้ FIFA ยังมุ่งมั่นที่จะจัดการแข่งขัน esports ภายใต้โครงสร้างการแข่งขัน FIFAe ที่เพิ่งเปิดตัวแบรนด์ไปไม่นาน
ก็เป็นเรื่องดีแก่เหล่าเกมเมอร์อย่างเราถ้า FIFA เปิดกว้างเรื่องลิขสิทธิ์มากขึ้นในอนาคตเราอาจจะได้เห็นเกมฟุตบอลจากค่ายอื่น ๆ เช่น 2K ก็เป็นได้ ส่วนทางด้าน EA Sports ได้กล่าวในแถลงการณ์ที่ผ่านมาว่าแม้ว่าจะสูญเสียลิขสิทธิ์ FIFA ก็ตาม ใบอนุญาตอื่นๆ ทั้งหมดสำหรับชื่อ ตราสัญลักษณ์ และรวมถึงลิขสิทธิ์ผู้เล่น ทีม และลีกจะยังคงอยู่ ซึ่งหมายความว่าจะส่งผลกระทบต่อซีรี่ย์เกมเพียงชื่อและแบรนด์เท่านั้น
ข้อมูล และแหล่งข่าวจาก GamingBolt