เกมส์: Horizon Forbidden West (ผจญภัยสุดเขตแดนต้องห้าม)
แพลตฟอร์ม : PS4 และ PS5
ภาษา : รองรับภาษาไทย
ราคา: 1,990(PS4) และ 2,290.00 (PS5)
วันวางจำหน่าย: 18 กุมภาพันธ์ 2022
นับจากปี 2066 โลกยุคเก่าล่มสลายลงก่อให้เกิดการสูญพันธุ์ของสรรพสิ่ง เหลือไว้แต่เพียงจักรกลคอยสูบทรัพยากรจนหมดสิ้นไป ต่อมามนุษย์ยุคใหม่ถือบังเกิดขึ้นจากโปรเจกต์ “ซีโร่ดอนล์” ทว่าคลังความรู้ของชาวโลกยุคก่อนกลับสูญหายไป ทำให้เป็นเวลากว่า 900 ปี มนุษย์ยุคใหม่เจริญขึ้น มีการดำรงชีวิตแบบยุคหินอีกครั้งพร้อมอารยธรรมและวัฒนธรรมใหม่กับการอยู่ควบคู่กับจักรกลอันดุร้าย วันหนึ่งแสงสว่างส่องลงมาเมื่อเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อ “เอลอย” ถือกำเนิดขึ้นมาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่านอร่า หญิงสาวผู้แข็งแกร่งนี้ได้แบกคความหวังมนุษยชาติเอาไว้ เพื่อฟื้นคืนระเบียบและสมดุลของโลกให้กลับคืนมา…..
Horizon Forbidden West เป็นเรื่องราวต่อจาก Horizon Zero Dawn โดยเกมยังคงนำเสนอสไตล์แอ็คชั่นอาร์พีจีแบบ Open-World ความน่าสนใจคือทางทีมงาน Guerrilla Games ได้มีการปรับปรุงจากภาคแรกเยอะมากตั้งแต่ เนื้อเรื่องเข้มข้นขึ้น จักรกลชนิดใหม่ ศัตรูใหม่ อาวุธใหม่ และแผนที่ใหญ่ขึ้น อีกทั้งเกมถูกได้พัฒนาสำหรับ PS5 ตั้งแต่เริ่มแรก ดังนั้นเกมได้ดึงศักยภาพเครื่องออกมาได้เต็มที่ ท้ายสุดแล้วเกมจะออกมาดีสมการรอคอยหรือไม่? เรียนเชิญอ่านรีวิวเกม Horizon Forbidden West – เอลอยกับผจญภัยสุดเขตแดนต้องห้าม
**บทความรีวิวนี้เป็นบทความไม่มีการสปอย์เนื้อเรื่อง และตัวระบบเกมบางส่วน เพื่อให้แฟนๆ ได้รับประสบการณ์สูงสุดในการเล่น และตื่นเต้นที่จะได้สัมผัสเกมนี้ครับ
เนื้อเรื่อง
ครึ่งปีให้หลังจากเหตุการณ์ศึกแห่งเมอริเดียนสิ้นสุดลง ฮาเดสถูกขจัด คืนความสงบสุขให้แก่ดินแดน “เอลอย” นักล่าสาวของชนเผ่านอร์ร่าได้ออกผจญภัยอีกครั้ง เพื่อค้นหาแหล่งที่มาของโรคระบาดลึกลับ มันจะฆ่าทุกสรรพสิ่งไม่ว่าจะธรรมชาติ มนุษย์หรือจักรกลที่ติดเชื้อจะเริ่มล้มตายลงก่อให้เกิดมลพิษ การระบาดในครั้งนี้เริ่มลามเป็นวงกว้าง ระบบนิเวศน์เริ่มแปรปรวน พายุรุนแรงและความเสื่อมโทรมอันยากจะหยุดยั้งรุกเข้าทำลายเศษเสี้ยวของมนุษยชาติที่เหลือรอดอยู่ หากหาสาเหตุไม่ได้ทุกอย่างก็จะสูญพันธุ์ และเกิดการทำลายล้างอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้เองเอลอยจำเป็นเดินทางไปเขต “ฟอร์บิดเดนเวสต์” ดินแดนตะวันตกติดชายฝั่งทะเล ดินแดนเต็มไปด้วยชนเผ่าไร้กฎเกณฑ์ จักรกลดุร้ายมากมาย และภูมิประเทศสุดโต่ง ตั้งแต่หุบเขาอันเขียวชอุ่ม ทะเลทรายที่แห้งแล้ง ภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ชายหาดเขตร้อน ไปเอาใจช่วยกันว่าเอลอยจะทำสำเร็จหรือไม่
ไม่เพียงเอลอยจะต้องฟื้นคืนระเบียบและสมดุลของโลกให้คืนกลับมา แต่เนื้อเรื่องมีความซับซ้อนและจากการสำรวจมันจะนำพาไปสู่การปลดล็อคปริศนาคาใจจากเกมภาคแรก รวมถึงเบื้องหลังการล่มสลายของโลก หลังจากเล่นจบมุมมองของเราในฐานะผู้เล่น และตัวเอลอยเองไปตลอดกาล
การนำเดินเรื่องราว และลำดับเหตุการณ์ถูกวางไว้อย่างลงตัว มีการรียูเนี่ยนกับตัวละครเดิมจากภาคแรกไม่ว่าจะเป็น วาร์ลและ เอเรนต์ หรือไซเลนซ์ ซึ่งยังมีตัวละครอื่น ๆ กลับมาให้หายคิดถึงด้วยนะ นอกจากนี้ก็มีตัวละครใหม่เข้ามาร่วมผจญภัยกับเอลอยเช่นเดียวกัน สิ่งที่ได้รับการปรับปรุงคือการเอาใส่ใจของตัวละครรอบข้างมากขึ้น มีการใส่ภารกิจเพื่อให้ผู้เล่นมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครเหล่านี้เพิ่ม ทำให้รู้สึกว่าเอลอยลุยเดี่ยวเหมือนภาคแรก จนรู้สึกถึงความผูกพันกับตัวละครอื่น ๆ มากกว่าเดิม จากความผูกพันที่เพิ่มขึ้นของตัวละครรอบด้าน มันจึงนำไปสู่การพัฒนาตัวละครตั้งแต่ต้นจนจบ แสดงให้เห็นพัฒนาการอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้แล้วผู้คนตามเผ่าก็ยังทำให้เรารับรู้ถึงความคืบหน้านี้ด้วย
บรรยากาศรอบข้างโดยรวมทำได้ดีมาก ชาวเผ่าล้วนรับรู้ถึงเหตุการณ์ศึกแห่งเมอริเดียน จนไม่ว่าเอลอยจะไปที่ไหนก็มักจะถูกเรียกฉายา “ผู้พิทักษ์แห่งเมอริเดียน” หรือบางครั้งใครที่ไม่รู้จักเธอก็จะเรียกว่า “เจ้านอกคอก” พูดได้ว่าเอลอยกลายเป็นฮีโร่ที่ไปไหนมาไหนหลายคนรู้จัก ทางกลับกันก็มีเผ่าใหม่ ๆ และกบฏที่ต่างดินแดนที่ไม่รู้จักเอลอยเลยก็มี นอกจากภารกิจหลักแล้ว ในภาคนี้ยังให้ความสำคัญกับภารกิจรองซึ่งมีความเชื่อมโยงกับเรื่องราวหลักอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ถือเป็นการปรับปรุงใหญ่ที่ผู้พัฒนาทำออกมาได้ดีมาก
อย่าลืมไปว่า Horizon Forbidden West มีการรองรับซับไตเติ้ลภาษาไทยด้วย เรื่องการแปลภาษาถือว่าเกมในเครือโซนี่เองยังแปลออกมาได้ดีกว่าค่ายอื่น ๆ มีความเข้าใจ การใช้สำนวนภาษาเหมาะสมกับช่วงเวลาและไม่ผิดเพี้ยนจนเกินไป แม้บางคำอาจจะดูแปลกเล็กน้อย แต่มันไม่ได้แปลกจนเปลี่ยนความหมายของสิ่งที่ตัวเกมจะนำเสนอ อย่างไรก็ตามเช่นเดียวกับเกมอื่น ๆ ที่ผ่านมาตัวอักษรเล็กมาก และเป็นสีขาวบางครั้งมองแทบไม่เห็นแม้จะปรับขาดใหญ่สุดแล้วก็ตาม จนผู้เขียนต้องเปิดออฟชั่นใส่พื้นหลังซับเพิ่มเพื่อให้มองเห็นตัวอักษร ถึงกระนั้นผู้เขียนดีใจมากที่โซนี่ตัดสินใจรองรับภาษาไทยเกมนี้ เพราะเกมมีเรื่องราวซับซ้อน หากได้รับการแปลภาษามันจะทำให้คนที่ไม่เข้าใจเรื่องราวในเกมอย่างลึกซึ้งสนุกไปกับเกมมากขึ้น
ส่วนความยาวเนื้อเรื่องในเกมพอ ๆ กับภาคแรก ทว่าเรื่องราวรอง และเรื่องย่อยอื่น ๆ อาจจะกินเวลาผู้เล่นไปมากกว่า 62 ชั่วโมง และผู้เขียนแนะนำว่าหากใครยังไม่เข้าใจเรื่องราวในภาคแรก หรือไม่เคยเล่น ให้ไปหาอ่านเสียก่อน เพราะภาค 2 นี้เป็นเรื่องราวเชื่อมต่อกันโดยตรง ไม่เช่นนั้นจะงงได้ แม้เกมจะมีวีดีโอสรุปให้ดูสั้น ๆ ในช่วงเริ่มเกมแต่ส่วนตัวแล้วไม่เพียงพอที่จะรื้อฟื้นคววามจำเรื่องราวทั้งหมดในภาคแรกได้
ส่วนข้อสังเกตเล็กน้อยถือว่าเสริมก็แล้วกัน ในฉากคัตซีนถือว่าอลังการขึ้นมากกว่าภาคแรก แต่ผู้เล่นสามารถรับชมได้เพียงอย่างเดียว ถ้าหากเสริมให้ผู้เล่นได้มีส่วนร่วมกดปุ่มลุ้นตามเหมือนฉากคัตซีนของเกม Uncharted หรือ Spider-Man จะช่วยเติมเต็มความรู้สึกอินให้ฉากมากกว่านี้
เกมเพลย์
ในส่วนเกมเพลย์ของ Horizon Forbidden West เกมยังคงนำเสนอสไตล์แอ็คชั่นอาร์พีจีแบบ Open-World เหมือนภาคแรก แต่ได้ นำข้อสังเกตจากเกมภาคหนึ่งที่ได้รับจากแฟน ๆ นำมาปรับปรุงและเพิ่มระบบน่าสนใจมากมายเข้าไป เมื่อสัมผัสเกมเพลย์จะรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าผู้พัฒนาตั้งใจวาง UI หน้าจอเกมเพลย์เหมือนกับภาคแรกเป๊ะ ๆ ไม่ว่าจะเป็น หลอดเลือด หลอดเลเวล การเปลี่ยนอาวุธ เรียกได้ว่าถอดแบบมาจากภาคแรก เพื่อให้ผู้เล่นรับรู้ว่านี่คือเกมภาคต่อโดยตรงของ Zero Dawn และให้ผู้เล่นที่เคยเล่นภาคแรกมาก่อนแล้ว สามารถคุ้นเคยเกมเพลย์ได้อย่างรวดเร็ว
สิ่งที่ได้รับการปรับปรุงอย่างเห็นได้ชัดเจนเลยคือภารกิจรอง หรือพวก Side Mission ต่าง ๆ เพราะในภาคแรกนั้นภารกิจรองพวกนี้ไม่ค่อยมีบทบาทสำคัญอะไรมากนัก มิหนำซ้ำแล้วผลตอบแทน Reward ที่ได้รับหลังทำภารกิจสำเร็จไม่ได้ค่อยให้แรงจูงใจที่จะทำภารกิจรองอื่น ๆ ต่อ เพราะเหตุนี้ทีมงานเล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว ในภาคนี้ภารกิจรองมีการผูดเรื่องราวเข้ากับเนื้อเรื่องหลัก ทำให้ชวนติดตาม และยังให้ผลตอบแทนดีเกือบเทียบเท่าภารกิจหลัก นอกจากค่าประสบการณ์ที่จะได้รับแล้ว ยังมีคะแนนทักษะ และบางครั้งจะได้รับอาวุธหายาก ไปจนถึงระดับตำนาน หรือคอร์หายากเพื่อนำมาติดตั้งเสริมกับอาวุธได้ด้วย ไม่เพียงเท่านี้ด้วยการทำภารกิจรองผู้เล่นจะพบกับจักรกลชนิดใหม่ซึ่งอาจจะไม่พบหากทำภารกิจหลักเพียงอย่างเดียว
แต่หากใครเคยสัมผัสภาคแรกมาจะทราบดีว่าถึงจุดหนึ่งเราจะต้องทำภารกิจรองก่อนจะไปต่อในภารกิจหลักได้เพราะเลเวลไม่ถึง จึงต้องมีการฟาร์มเก็บค่าทักษะและประสบการณ์ หาซื้ออาวุธที่มีความทนทานและสร้างความเสียหายได้เทพมากขึ้น ถึงจะไปทำภารกิจหลักต่อได้ มันก็เป็นเกมสไตล์อาร์พีจีแหละ มันจะไม่เหมาะกับใครที่ชอบเล่นแต่เนื้อเรื่องหลักอย่างเดียว
พูดถึงอาวุธและอุปกรณ์ภายในภาคนี้มีอุปกรณ์ใหม่เพิ่มเข้ามา 2 ชิ้นได้แก่ “พูลแคสเตอร์” – เครื่องยิงเชือกอเนกประสงค์ ใช้ยิงเชือกออกไปจับวัตถุเพื่อดึงเข้าหาตัวเอง หรือการยิงเพื่อกระโดดเกาะ อุปกรณ์อย่างที่สองคือ “ชิวด์วิง” – ใช้ในการร่อนลงจากที่สูง ตัวพูลแคสเตอร์เองไม่ใช่อุปกรณ์ใช้ในการต่อสู้ แต่มีบทบาทสำคัญในการทำภารกิจต่าง ๆ เล่นดึงเพื่อทำลายกำแพง หรือดึงกล่องเข้าหาตัว ชิวด์วิงก็เหมือนกันแต่ตัวร่มนี้อาจจะประกอบใช้ในการต่อสู้ได้ ในกรณีที่ร่อนลงจากที่สูงเหมือนในตัวอย่างเกม ทว่าเมื่อมาเล่นจริง ๆ ตอนต่อสู้ไม่ได้นึกถึงนักและส่วนตัวไม่ได้ใช้สักเท่าไหร่ เหมือนกับเป็นส่วนเติมเต็มในกรณีตกจากที่สูงมากกว่า และแน่นอนยังมีหน้ากากดำน้ำเพื่อใช้ในการสำรวจโลกใต้ทะเล
ทางด้านอาวุธก็ไม่น้อยหน้านะ มีอาวุธใหม่เข้าให้ผู้เล่นได้เลือกใช้เพียบเลย อย่างแรกคือ หนังสติ๊กยิงระเบิด มันจะอนุญาตให้ผู้เล่นยิงระเบิดออกไปใส่ศัตรูได้ โดยกดเล็งจุดที่ต้องการและยิงออกไป ระเบิดนี้สามารถเลือกคราฟท์ชนิดได้ด้วยนะ อาวุธนี้มีความแรงดีแต่ข้อจำกัดมันคือระยะยิงอาจจะไม่ไกลมากนัก นอกจากสลิงก็มีถุงมือไว้เขวี้ยงระเบิดเหมือนกัน อย่างที่สองผู้เขียนชอบมากคือ “สกายคิลเลอร์” เป็นหอกที่สามารถขว้างได้ มันคืออาวุธระยะไกลและทรงพลังมาก ๆ เหมาะกับศัตรูตัวใหญ่ ที่ผู้เขียนชอบสุดคือหอกระเบิด เมื่อปาปักไปใส่ศัตรูจะสร้างความเสียหายได้เยอะมาก
มาดูอาวุธใหม่คราฟ์ติดมือกันบ้าง มันคือกับระเบิดหลากชนิดเพื่อวางไว้ให้พวกจักรกลเดินมาเหยียบเข้าจะสร้างพลังทำลายล้างหนักเหมือนกัน ยิ่งกับระเบิดขั้นสูงอาจทำศัตรูที่เดินมาเหยียบตายคาที่ ผู้เขียนใช้บ่อยมากแต่มันก็มีจำกัดจำนวนที่สามารถวางได้เพราะให้เกมเพลย์มีความสมดุล และท้ายสุดระเบิดควันสร้างความสับส้นให้แก่จักรกลและศัตรูมนุษย์ได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่ากับระเบิดเหล่านี้จะต้องอาศัยการคราฟท์จากส่วนประกอบที่หาได้มาสร้าง มันจึงไม่ได้มีติดมือตลอดซึ่งเป็นเรื่องดี มันช่วยสมดุลเกมเพลย์และองค์ประกอบโดยรวมไม่ให้ศัตรู หรือผู้เล่นเสียเปรียบซึ่งกันและกัน
สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยทักษะสกิลในภาคนี้เรียกได้ว่าทีมงานยกเครื่อง Skill Tree ใหม่ทั้งหมดก็ว่าได้ จากทักษะซึ่งถูกแบ่งออกเพียง 3 ประเภทในภาคแรก ถูกเปลี่ยนใหม่ในภาคนี้มีทักษะให้อัปเกรดและเรียนรู้ทั้งหมด 6 ประเภทได้แก่ นักรบ นักทำกับดัก พราน ผู้รอดชีวิต เจาะเกราะ และแมชชีนมาสเตอร์ แล้วทักษะแต่ละประเภทยังมีทักษะให้อัปเกรดอีกเพียบ มากจนถึงขั้นคุณเล่นภารกิจหลัก ภารกิจรองครบแล้ว หรืออัปเดตถึงเลเวลสูงสุด 50 ในภาคนี้ก็แล้ว มันก็ยังไม่เพียงพอให้คุณสามารถอัปเกรดทักษะให้สุดทุกประเภท เรียกได้ว่าจำเป็นต้องไปทำภารกิจย่อยแทบทั้งหมดให้สำเร็จ ถึงจะอัปทักษะเหล่านี้จนสุดได้ เอาเป็นว่าเต็มอิ่มหรือตายกันไปข้างหนึ่งเลย จะบ่นไม่ได้แล้วนะว่าสกิลน้อย!! ส่วนตัวผู้เขียนเล่นมาทั้งหมด 65 ชั่วโมงยังเก็บทักษะไม่ครบเลย
เมื่อพูดถึงภารกิจแล้ว นอกจากภารกิจหลัก และภารกิจรองแล้ว มันยังมีอะไรให้ทำอีกมากมายในโลกของ Horizon Forbidden West ตั้งแต่สำรวจโบราณสถานของคนยุคก่อน ธุระปะปังช่วยเหลือผู้คนต่าง ๆ การทำลายค่ายกบฏ มินิบอร์ดเกม การล่าจักรกล หรือแม้แต่การประลองความเร็วในการขี่จักรกล และการสำรวจถ้ำเป็นต้น บอกได้คำเดียวคือภารกิจและกิจกรรมให้ทำเยอะมาก ๆ นี่แค่ส่วนเดียวนะ ยังมีอีกเพียบ ผู้เขียนไม่เคยเห็นเกมไหนใช้แผนที่ได้คุ้มค่า ทุกซอกทุกมุมแบบนี้ ง่าย ๆ เลยโคตรคุ้มค่าเกมเดียวเล่นกันยาว ๆ แม้จะเป็นช่วง Endgame หลังเคลียร์เนื้อเรื่องหลักแล้ว
แต่หนึ่งในกิจกรรมที่คาดว่าจะกลายเป็นสิ่งที่ชาวเกมเมอร์จะพูดถึงเมื่อเกมออกคือ “การประลอง” มันคือกิจกรรมให้ผู้เล่นประลองความสามารถทักษะในการสังหารจักกลในเวลาที่กำหนด ซึ่งมันจะถูกแบ่งออกเป็นระดับตั้งแต่ง่าย ไปจนถึงระดับตำนาน (โคตรยาก) โดยต้องค่อย ๆ ปลดล็อคไป แล้วยังมี score Board ออนไลน์ทั่วโลกด้วยนะว่าใครทำเวลาเร็วสุด เมื่อชนะในแต่ละครั้งก็จะได้รับรางวัลเป็นเหรียญ ซึ่งเหรียญนี้เองสามารถสะสมนำมาแลกรางวัลเป็นอาวุธ ชุดเกราะ หรือคอร์ระดับตำนานได้ บอกได้คำเดียวว่าโคตรมันส์และท้าทายสุด ๆ ยิ่งระดับเริ่มยากบอกได้คำเดียวว่าหัวร้อนเลย
พูดถึงจักรกลกันแล้ว ก็ขอต่อเลยแล้วกันในภาคนี้แฟน ๆ เติมอิ่มแน่นอนเพราะมีจักรกลพร้อมให้เราเผชิญหน้ากว่า 40 ชนิด แน่นอนมีจักรกลหน้าใหม่มากมายที่มีต้นแบบมาจากสัตว์ไม่ว่าจะเป็น ช้างแมมมอธ หมีป่า ลิงป่า ไปจนถึงพลีซิโอซอร์ ไดโนเสาร์ทะเลลึก บอกได้คำเดียวว่าการจะต่อกรกับจักกรกลพวกนี้ได้ ต้องใช้ทักษะในการเล่นอย่างมาก เพื่อเอาชนะและกำจัดมัน ทั้งนี้ยังมีจักรกลที่โหดกว่านี้รออยู่อีกนะอย่างเช่น จักรกลที่หายตัวได้ บอกแค่นี้ไว้เป็นน้ำจิ้มไปติดตามกันเอง
แน่นอนที่ขาดไม่ได้เลยคือการโอเวอร์ไรด์จักรกลต่าง ๆ ให้พวกจักรกลเหล่านั้นถูกปลดปล่อย และบางชนิดสามารถขี่ได้ ในภาคนี้ก็ได้มีการขยายประเภทจักรกลที่สามารถขี่ได้ และแล้วจักรกลประเภทมีปีกก็อนุญาตให้ผู้เล่นสามารถโอเวอร์โรด์ขี่ขึ้นไปในอากาศ พร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศอันสวยงาม
กลับมาที่ระบบเกมกันอีกครั้ง ผมลืมเกริ่นไปแต่หลายคนคงทราบแล้วว่า Horizon Forbidden West จะมีพื้นที่ใต้น้ำและใต้ทะเลด้วย นั่นหมายความว่าในภาคนี้เอลอยเราดำน้ำได้แล้วนะ ด้วยการปลดล็อคข้อจำกัดนี้ มันเปิดโอกาสให้มีพื้นที่สำรวจและน่าค้นหามากมาย มันยังมาพร้อมกับภารกิจใต้น้ำที่โคตรตื่นตาตื่นใจด้วย และแน่นอนจักรกลใต้ทะเลใหม่ที่เราไม่เคยเจอในภาคแรก จากที่ได้สัมผัสภารกิจใต้น้ำมันต่างจากบนพื้นดินมาก ด้วยแรงดันและกระแสน้ำทำให้เคลื่อนตัวได้ช้า การเก็บของยากกว่าเดิม ส่วนตัวก็ชอบนะแปลกใหม่ดี แต่ก็มีข้อสังเกตที่น่าเสียดายอยู่นิดหน่อยว่า การอยู่ในน้ำจะไม่สามารถใช้อาวุธหรืออุปกรณ์ใด ๆ ได้เลย ดังนั้นผู้เล่นไม่อาจโจมตีศัตรูที่ว่ายอยู่ใต้น้ำได้ ได้แต่หลบอยู่ภายใต้พุ่มสาหร่ายเท่านั้น ทำให้แอ็คชั่นส่วนนี้ขาดหายไป
ระบบอื่น ๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้เล่นใน Horizon Forbidden West ถือว่าผู้พัฒนาคำนึงถึงจุดนี้ได้ดีมาก โดยเฉพาะการปีนไต่ ในการนี้สามารถปืนไต่ กระโดด โหน ได้อย่างอิสระ พร้อมทั้งสามารถใช้โฟกัสสแกนหน้าผา หรือภูเขาเพื่อแสดงจุดพื้นที่สามารถปืนได้ ให้ผู้เล่นรับรู้และสะดวกกว่าเดิม ไม่เพียงเท่านี้ยังมี “โต๊ะช่าง” (workbench) ตามค่าย หรือเมืองต่าง ๆ อำนวยความสะดวกในการอัปเกรดอาวุธ ชุดเกราะหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ยังมีออพชั่นทางเลือกการเข้าถึงมากมาย สำหรับผู้พิการหรือบุคคลที่มีความบกพร่องทางร้างกายให้สามารถเล่นเกมได้อย่างราบรื่นด้วย จุดนี้ขอชื่นชมเลยครับ
โดยรวมในส่วนเกมเพลย์ของ Horizon Forbidden West พัฒนาออกมาได้สุดยอดมาก มีการปรับรางวัลภารกิจรองให้คุ้มค่าแก่การเล่นมากขึ้น มีอุปกรณ์และอาวุธใหม่ ๆ ให้แก่ผู้เล่นนำไปปรับให้เข้ากับสไตล์การเล่นของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี ถึงแม้อาวุธหรือกับระเบิดใหม่นี้จะแรงมากเพียงใดแต่ผู้พัฒนาก็ได้ออกแบบให้แน่ใจว่ามันมีความสมดุลระหว่างผู้เล่นและศัตรูอยู่ จุดนี้ทำได้ดีไร้ที่ติ ส่วนอื่นแม้จะมีข้อสังเกตเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งไม่ได้กระทบต่อเกมเพลย์ทั้งหมดที่ผู้พัฒนาตั้งใจนำเสนอออกมา
กราฟิกและ ประสิทธิภาพ
หากใครเคยสัมผัสเกม Horizon Zero Dawn จะทราบดีว่ามันเป็นหนึ่งในเกม showcase แสดงศักยภาพกราฟิกของเครื่อง PS4 Pro และมันเป็นเกมแรกเลยที่รองรับ HDR ทำให้ภาพในเกมนั้นสีสันสดใสกว่าเกมอื่น และแสงเงาในเกมสมจริงเอามาก ๆ ถัดมาในเกม Horizon Forbidden West ออกแบบมาลง PS5 ตั้งแต่ต้น ผลคือกราฟิกที่ออกมาคือสีสันสดใสยิ่งกว่าเดิม มีความคมชัด องค์ประกอบโดยรวมรอบ ๆ มีชีวิตชีวามากขึ้น นอกจากนี้รายละเอียดของอนิเมชั่นทั้งหมดดูสมจริงขึ้น ทั้งเส้นผมที่พลิ้วไหว สะบัดไปพร้อมกับลมที่พัดผ่านใบไม้ กอหญ้า มันแสงถึงพัฒนาการของกราฟิกในยุคนี้
สิ่งที่แสดงให้เห็นได้ชัดคือไม่มีการใช้ Motion Blur ลายเส้นทุกอย่างบนตัวละครและองค์ประกอบคมชัด ระบบแสงและเงาดูกระจายส่องสว่างเป็นธรรมชาติ ส่วน Ray Tracing ในเกมก็มีแม้นำมาใช้เพียงเป็นบางพื้นที่เช่น บนพื้นโลหะสะท้อนกับแสง เป็นต้น แต่ส่วนที่น่าผิดหวังในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนคือโลกใต้น้ำ ซึ่งไม่ได้อลังการเหมือนตัวอย่างที่เคยนำเสนอ ในตัวอย่างมีปลามากมาย มีปะการังสีสันสดใสเต็มไปหมด ทว่าในเกมจริง ๆ พื้นที่ใต้น้ำนี้มีเพียงแค่บางพื้นที่ ที่มีปะการังและไม่ได้สีสันสดใสแบบในตัวอย่างเสียเท่าไร ปลาแหวกว่ายไม่ได้เยอะขนาดนั้น บางพื้นที่ใต้น้ำในแถบฝั่งชายหาดโล่ง มีแต่สาหร่ายและปลาเพียงน้อยนิดเท่านั้น
สิ่งที่ขาดไม่ได้คือโหมดถ่ายภาพของเกม ซึ่งก็เป็นมาตราฐานเหมือนเกมอื่น ๆ ในยุคปัจจุบัน มีการอนุญาตให้ใส่ฟิลเตอร์ ปรับรูรับแสงของภาพ ปรับสีหน้าตัวละคร ปรับช่วงเวลาของวันในภาพ ใส่โลโก้และกรอบเป็นต้น ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่ต้องมีในเกมยุคนี้ แต่ด้วยความที่โลกในเกมออกมาสวยมาก เชื่อว่าใครหลาย ๆ คนจะต้องหยุดเพื่อถ่ายภาพไม่หยุดแน่ ๆ
เรื่องประสิทธิภาพของเกม Horizon Forbidden West ตอนแรกยอมรับว่าผู้เขียนก็เป็นกังวลเล็กน้อย เรื่องการโหลดเกมว่าจะเป็นอย่างไร เพราะเป็นเกม Open-World สเกลใหญ่ และด้วยความที่ว่าผู้เขียนติดตั้งเกมบน M2 SSD ด้วย แต่ผลคือเกมมีหน้าโหลดนะ แต่โหลดไม่ถึง 3 วินาทีจากการเข้าเกมครั้งแรก ก็ได้เล่นเลย ระหว่างเล่นหากไม่ตายก็จะไม่มีหน้าโหลดคั่นกลางระหว่างพื้นที่ และระหว่างฉากคัตซีนใด ๆ เลย โดยหน้าโหลดจะปรากฏขึ้นตอนใช้ Fast Travel หรือตอนตายเท่านั้น แต่ก็โหลดไม่ถึง 3-5 วินาที หรือบางครั้งไม่ถึงเสี้ยววินาที สมกับเป็นเกมของ PS5 จริง ๆ ทว่ามีข้อสังเกตคาดว่าน่าจะเป็นบั๊ก บางครั้งเวลาเปลี่ยนพื้นที่เร็ว ๆ ภาพมีการกระพิบเล็กน้อย ราวกับว่ามันพยายามโหลดพื้นที่ถัดไปแบบเรียลไทม์
ส่วนเรื่องความร้อนนั้น ตั้งแต่เล่นมาผู้เขียนยังไม่เคยได้ยินเสียงพัดลมแม้แต่ครั้งเดียว เครื่องไม่ร้อน และไม่เคยเจอกรณีเฟรมเรตตกเลย สำหรับโหมดการแสดงผล เกมได้ใส่โหมดกราฟิกมา 2 โหมดคือโหมดเน้นความละเอียดสูงจะล็อคเฟรมเรตอยู่ที่ 30 FPS และโหมดเน้นประสิทธิภาพจะแสดงผลความละเอียดเป็น upscale 4K และเฟรมเรตมที่ 60 FPS เจ้าโหมดประสิทธิภาพนี้เองทำให้ภาพลื่นไหลได้ดีกว่าเดิม
แน่นอนฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น DualSense ทำได้ดีมากมีการใส่เสียง Effect ตอนยิง หรือตอนถืออาวุธชนิดต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่นการถือธนูไฟฟ้า ก็จะได้ยินเสียงไฟฟ้าออกมาจากลำโพงของจอย DualSense รวมถึง Adaptive Trigger นำมาใช้ในสถานการณ์ที่เหมาะสม อย่างการเพิ่มแรงต้นขณะยิงธนูเป็นต้น การสั่นแบบ Haptic feeback ผสานกับ 3D Audio ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นการดึงฟีเจอร์ PS5 ออกมาได้อย่างคุ้มค่า
Verdict
Horizon Forbidden West พิสูจน์ตัวเองแล้วจากสูตรสำเร็จที่ถูกต่อยอดมาจาก Zero Dawn ด้วยการนำเสนอเรื่องราวเข้มข้น และลึกล้ำมากขึ้น ภายใต้รูปแบบเกมเพลย์ที่มีการใส่รายละเอียด รวมไปถึงการวางองค์ประกอบไว้อย่างดิบดี ภารกิจรองมีความสำคัญและมีผลตอบแทนไม่แพ้ภารกิจหลัก มาพร้อมอุปกรณ์และอาวุธใหม่ให้ผู้เล่นได้เลือกสรร บวกกับระบบอำนวยความสะดวกและอิสระเปิดกว้างให้แก่ผู้เล่น ทั้งหมดนี้ถูกใส่ลงบนแผนที่ขนาดมโหฬาร ที่ผู้พัฒนาใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วได้อย่างคุ้มค่า ทั้งหมดนี้จะไม่ประสบความสำเร็จหากขาดกราฟิกที่รังสรรค์ออกมาได้สวยงามบนทั้ง PS4 และ PS5 แม้องค์ประกอบเหล่านี้จะมีข้อสังเกตเล็กน้อย แต่มันไม่ได้กระทบต่อประสบการณ์ที่ผู้พัฒนาพยายามจะสื่อสารออกมาแม้แต่น้อย สุดท้ายนี้ใครเป็นชาวเพลย์สเตชั่นผู้เขียนพูดได้คำเดียวว่า “ไม่ควรพลาดเกมนี้ และอย่าลืมออกผจญภัยกับเอลอยไปด้วยกันครับ”
9.5/10
จุดเด่น (Pro)
- เรื่องราวสุดเข้มข้น ลึกซึ้ง ครบทุกรสชาติ
- ภารกิจรองมีความสำคัญและในที่สุดมันให้ผลตอบแทนที่ดี
- จักรกลใหม่ ๆ เพิ่มความท้าทาย ต่อสู้ด้วยอาวุธใหม่ ๆ
- ระบบช่วยเข้าถึงมีให้เลือกมากมาย
- กราฟิกสวยงาม อลังการพร้อมประสิทธิภาพเต็มเปี่ยม
จุดสังเกต (Con)
- เสียดายฉากคัดซีนไม่มีตัวเลือกให้ “อินเตอร์แอคทีฟ” กับผู้เล่น
- โลกใต้น้ำถูกลดรายละเอียดลง รวมถึงไม่สามารถใช้อาวุธในน้ำได้
- บั๊กตอนระหว่างข้ามพื้นที่ในเกม เกิดทำให้จอกระพริบ
รีวิวและเขียนบทความโดย ภัคพล บัวโทน (GuidePS4EXPErt)
ขอบคุณบริษัท PlayStation Asia
สำหรับแผ่นเกมส์ที่ให้เรามารีวีวครับ