ด้วยสถานการณ์โลกและเศรษฐกิจกับเงินเฟ้อสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ทำให้ประชากรในหลายประเทศใช้จ่ายฟุ่มเฟือยน้อยลงเช่นเดียวกับอุสาหกรรมเกม จากการรายงานล่าสุดของ NPD พบว่า เนื่องจากค่าครองชีพเพิ่มขึ้นปัจจัยจากสงครามรัสเซียยูเครนและโควิค 19 ทำให้ประชากรในสหรัฐลดค่าใช้จ่ายในการเล่นเกมลง
NPD ได้รายงานการใช้จ่ายของผู้บริโภคไปกับการเล่นเกมยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องในทุกเดือนของปี 2565 จนถึงขณะนี้ และไม่เห็นแนวโน้มนี้จะดีขึ้นในเร็ว ๆ นี้ เมื่อเทียบกับการใช้จ่ายในปี 2564 ที่ 60.8 พันล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกันในปี 2565 คาดการณ์ว่ากำลังใช้จ่ายจะลดลงกว่า 55.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าลดลงอย่างมาก
แน่นอนว่าปัญหาสต็อกฮาร์ดแวร์ขาดตลาดอย่างต่อเนื่องก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ ความต้องการ PS5 ยังคงสูงมาก และโซนี่เองยังไม่สามารถผลิตคอนโซลได้มากพอตามความต้องการของตลาด แม้ว่าเราจะเข้าใกล้ครอบรอบ 2 ปีของการเปิดวางจำหน่ายก็ตาม เมื่อเรารวบรวมปัจจัยทุกอย่างเข้าด้วยกันจะเห็นว่าทำไมผู้คนถึงไม่ใช้จ่ายเงินจำนวนมากไปกับวิดีโอเกม แต่ก็ยังเป็นเทรนด์ที่อุตสาหกรรมต้องการเห็นการกลับตัวไม่ช้าก็เร็ว
ที่น่าสนใจคือรายงานของ NPD ระบุว่าการใช้จ่ายในการเล่นเกมเพียงด้านเดียวที่คาดว่าจะเติบโตคือระบบสมาชิก อีกครั้งมันสมเหตุสมผลสำหรับคนจำนวนมาก อย่างระบบสมาชิก PS Plus ใหม่และการเข้าถึงแคตตาล็อกเกมจำนวนมากดูเหมือนจะเป็นข้อเสนอที่ดีกว่าการทุ่มเงิน 2,390 บาทให้กับเกมเอ็กซ์คลูซีฟใหม่ล่าสุดของ PS5 แล้วคุณล่ะเห็นด้วยกับรายงานนี้หรือไม่? ปัจจุบันประเทศไทยเราเงินเฟ้อสูงกว่า 8% ไปแล้วหรือมากที่สุดในรอบ 13 ปี
แหล่งข่าวจาก Pushsquare