เกม: God of War Ragnarök
แพลตฟอร์ม : PS5
ภาษา: รองรับภาษาไทย
ราคา: 2,290 บาท (PS5), 1,990 (PS4)
วันวางจำหน่าย: 9 พฤศจิกายน 2022
จากความสำเร็จของ God of War (2018) ทั้งด้านยอดขายและในแง่คำวิจารณ์จนคว้ารางวัล Game of the Year จาก The Game Award ปี 2018 ทาง Santa Monica ไม่ปล่อยเวลาทิ้งเสียเปล่าเดินหน้าสร้างภาคต่อเกม God of War (2018) ชื่อ “God of War Ragnarök” บทสรุปเรื่องราวของเครโทสและอเทรอัสกับการเดินทางของพ่อลูกที่จะต้องมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรทั้งเก้าเพื่อค้นหาคำตอบต่าง ๆ อีกทั้งการคืบคลานของสงคราม Ragnarök ก็กำลังใกล้เข้ามาทุกที
วันนี้หลังจากทาง Play4Thai ได้มีโอกาสสัมผัส God of War Ragnarök จนถึงตอนนี้ราว 5 -6 ชั่วโมง ทางผู้เขียนจะมาเรียกน้ำย่อยทุกท่านถึงความรู้สึกแรกหลังสัมผัส God of War Ragnarök ก่อนที่เราจะเผยแพร่รีวิวฉบับเต็มในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้เวลา 23:00 น. เป็นต้นไป โดยทางเว็บไซต์เน้นย้ำว่าพรีวิวนี้จะไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่อง และเกมเพลย์สำคัญเพื่อให้ผู้เล่นได้รับประสบการณ์สูงสุด หากพร้อมแล้วเรียนเชิญอ่านพรีวิวความรู้สึกแรกหลังสัมผัส God of War Ragnarök กันเลย
เข้มข้นตั้งแต่เริ่ม!
เริ่มเกมฉากแรกตัวเกมไม่เกริ่นเรื่องราวให้เสียเวลาจับผู้เล่นเข้าสู่แอ็คชั่นจนผู้เขียนเองไม่ทันตั้งตัวเหมือนกัน ตัวเกมได้ดำเนินเรื่อง 3 ปีหลังจากเหตุการณ์ภาคแรก ถ้าใครไม่เคยสัมผัสภาคแรกมาผู้เขียนแนะนำให้ไปเล่นหรือไปทำความเข้าใจเนื้อเรื่องก่อนเลยไม่เช่นนั้นอาจจะสับสนได้ แต่ทางผู้พัฒนาก็คิดเรื่องนี้มาแล้ว โดยก่อนจะเริ่มเกมจะมีเมนูให้ผู้เล่นกดเข้าไปรับชมบทสรุปเรื่องราวของภาคแรก ตรงนี้ทำได้ดีเลยไม่ใช่แค่เป็นภาพบรรยาย แต่เป็นฉากคัตซีนจริงจัง ข้อดีอีกข้อคือมีบรรยายซับไตเติลภาษาไทยให้เรายิ่งเข้าใจเรื่องราวได้มากขึ้นเป็นการ Recap ความจำก่อนเล่นเกม
การพัฒนาตัวละครก็แสดงออกมาได้ชัดเจนตั้งแต่ช่วงแรกของเกม ที่สังเกตได้ชัดสุดเลยคืออเทรอัสเสียงแตกหนุ่ม และเข้าสู่วัยรุ่นมีความคิดของตนเอง มีความดื้อไม่ฟังอยู่ในตัวที่สำคัญคือมีความกล้ามากกว่าภาคแรกเยอะ ขณะเดียวกันเครโทสเองมีความรู้สึกอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อยในแง่ความรู้สึกที่แสดงออก และมีความเป็นห่วงอเทรอัสอย่างมาก แต่ก็ยังมีจิตใจนักสู้ไม่ว่าจะความโกรธ ความบ้าในตัวเขาเอง นอกจากนี้ยังมีตัวละครอื่น ๆ จากภาคแรกกลับมาให้เห็นและมีส่วนร่วมสำคัญ โดยรวมผู้เขียนชอบที่ทางผู้พัฒนาสามารถถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครต่าง ๆ หลังเหตุการณ์ในภาคแรกที่ทำออกมาได้ดีมากและทำให้ผู้เล่นเข้าใจรู้สึกมุมมองของตัวละครแต่ละคนได้อย่างแท้จริง ก็ต้องติดตามว่าการพัฒนาของตัวละครหลังจากช่วงแรกนี้จะทำออกมาได้ดีมากน้อยเพียงใด
การดำเนินเรื่องในช่วงแรกพัฒนาออกมาได้ดีไม่รีบ ค่อยๆ ไปพร้อมแทรกเกมเพลย์มันส์ ๆ แบบที่ผู้เล่นนึกไม่ถึงเลย นอกจากนี้ฉากคัตซีนในช่วงแรกมีให้เสพเยอะมาก ๆ และเข้มข้นกว่าภาคเดิมหลายเท่า มีการสร้างปมและปริศนามากมายที่ชวนให้ผู้เล่นได้ติดตามแบบไม่อยากวางจอยลงเลย อย่าลืมว่าเกมภาคนี้รองรับซับไตเติลภาษาไทยช่วยทำให้ผู้เล่นชาวไทยเข้าใจเรื่องราวได้มากขึ้น การแปลในภาคนี้จากที่สัมผัสช่วงแรกแปลได้ดีขึ้น ใช้คำเหมาะกับเนื้อหา รวมถึงมีการเน้นคำบางคำโดยการใช้ตัวเอียงด้วยนะถือว่าเป็นวิธีที่ฉลาดมาก แต่ภาพรวมการแปลหลังเล่นจบเกมต้องมาสรุปผลกันอีกทีในรีวิวฉบับเต็ม
ระบบเกมเพลย์เดิมที่ใหม่กว่าเดิม
หากใครได้เล่นเกมภาคแรกมาจะคุ้นชินกับระบบเกมเพลย์ของ God of War Ragnarök ปุ่มบังคับ รวมถึงเทคนิคต่าง ๆ จากเกมภาคก่อนกลับมาในภาคนี้ทั้งหมด ทว่าในความดั้งเดิมนี้ก็ยังมีระบบกลไกสอดแทรกเข้ามาให้ผู้เล่นรู้สึกถึงความสดใหม่ในภาคนี้ด้วย เช่นระบบ Grappling Hook ที่อาศัยใช้เบลด ออฟ เคออส (Blade of Chaos) หรือดาบติดโซ่ในการขว้างออกไปเกี่ยวกับวัตถุเพื่อโหนตัวไปอีกฝั่ง หรือจะเป็นลูกเล่นของขวานน้ำแข็งที่ถูกนำมาต่อยอดจากภาคก่อนในการแช่แข็งบ่อน้ำพุร้อน หรือจะเป็นธานุของอเทรอัสที่ทางผู้พัฒนาเพิ่มเข้ามาในการช่วยและร่วมมือกับเครโทสเพื่อไขปริศนา Puzzle แต่ก็ต้องมารอดูกันว่าในช่วงกลาง ๆ เกมหรือท้ายเกมจะมีกลไลอะไรเพิ่มเติมอีกบ้าง
ระบบการต่อสู้ดูมีสมดุลมากขึ้นไม่ได้เอียงเอนไปทางเครโทสหรืออเทรอัสมากไป ความที่ว่าอเทรอัสโตขึ้นและมีประสบการณ์ในการต่อสู้มากขึ้นดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกว่าเขาช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่กลับรู้สึกว่าเขาช่วยเราต่อสู้และซัพพอร์ตผู้เล่นได้ดีเลย ในช่วงแรกอาจจะไม่ได้มีทักษะพิเศษอะไร คงต้องติดตามในช่วงกลางเกมไปยันท้ายเกม แต่ในช่วงแรกของเกมก็ได้เห็นเซอร์ไพรส์ที่คาดไม่ถึงเหมือนกันอันนี้ไปติดตามเอาเอง
ในช่วงแรกยังได้เจอกับศัตรูที่หลากหลายกว่าเดิมแล้ว ได้เจอบอสย่อย ๆ แม้จะผ่านไปไม่ถึง 5 ภารกิจเท่านั้น สมกับที่ทางผู้พัฒนาออกมาบอกว่ารอบนี้จัดศัตรูให้เพียบ และที่สำคัญบอสย่อยพวกนี้ไม่ได้ขี้หมูขี้หมานะ ทำเอาผู้เขียนหัวร้อนได้เหมือนกัน ไม่อยากจะคิดเลยว่าในช่วงกลาง ๆ เกมหรือช่วงท้ายเกมที่เรามีทักษะและอาวุธครบมือแล้วจะเจอบอสโหดมากเพียงใด
ด้วยความสามารถ SSD ของ PS5 ทำให้ฉากเกมเพลย์และคัตซีน “ไร้รอยต่อ” ไม่มีหน้าโหลดขัดจังหวะอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ผู้พัฒนาจึงนำมาใช้ประโยชน์ในการใส่ลูกเล่นให้ผู้เล่นได้ตอบสนองบางแอ็คชั่นช่วงคัตซีนมากขึ้นกว่าภาคแรกมาก ๆ นอกจากนี้เมื่อตายแล้วก็ไม่ต้องรอโหลดให้เสียเวลา กด X แล้วลุยต่อเลย
ความรู้สึกช่วงแรกที่ได้สัมผัสเกมเพลย์คือประทับใจมาก มันเหมือนคุ้นชินกับภาคก่อนทำให้เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว มีการสอดแทรกกลไกใหม่ให้สนุกกลมกล่อมมากกว่าเดิม แต่ในเชิงรายละเอียดพวกทักษะ การคราฟท์ หรือการอัปเกรดอาวุธ จะยังไม่มีบทบาทมากในช่วงแรกของเกมดังนั้นส่วนนี้ไว้ติดตามอ่านกันในรีวิวเต็มครับ
อาณาจักรกว้างใหญ่และยิ่งใหญ่กว่าเดิม
ความรู้สึกแรกที่ได้สัมผัสกับโลกและอาณาจักรในเกม God of War Ragnarök เรียกได้ว่าอลังการและกว้างใหญ่กว่าภาคก่อนมาก ในภาคก่อนเราต้องรอเกือบครึ่งเกมกว่าจะได้สัมผัสพื้นที่กึ่งโอเพ่นเวิลด์ ทว่าในภาคนี้ในช่วงแรกผ่านตอนต้นเกมไปนิดเดียวเราก็จะเข้าสู่พื้นที่เปิดเลย มีภารกิจย่อยให้สามารถทำได้ตั้งแต่ช่วงแรก รู้เลยว่าทางผู้พัฒนาได้อัดคอนเทนต์มาแน่นขนาดไหน
นอกจากภารกิจย่อยที่พบได้ตั้งแต่ต้นเกมแล้ว เกมยังมีพื้นที่ให้สำรวจมากกว่าภาคก่อนมาก ๆ แม้บางฉากจะไม่ใช่พื้นที่เปิดเสียทีเดียว แต่ก็มีซอกและทางที่ให้ผู้เล่นเดินไปสำรวจเก็บของ หรือหีบสมบัติได้ ผู้เขียนใช้เวลานี้สำรวจไปช้า ๆ เพื่อดื่มด่ำบรรยากาศตรงนี้และรู้สึกว่าเกมมันกว้างขึ้น ไม่ได้รู้สึกว่ามันบังคับให้ไปเป็นเส้นตรงตลอด
แน่นอนว่ากับอาณาจักรกว้างใหญ่และองค์ประกอบอันมากมายนี้กราฟิกก็สวยงามมากเช่นกัน ทั้งการใช้แสงและเงาที่กระทบวัตถุต่าง ๆ สมจริงมาก ตัวละครมีรายละเอียดชัดเจนขึ้น มีการใส่องค์ประกอบในฉากมากกว่าเดิมทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้น และนี่ขนาดผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงนะ คาดว่าเราจะได้ไปสำรวจดินแดนหรืออาณาจักรอื่น ๆ อีก ส่วนนี้ไว้อ่านในรีวิวฉบับเต็ม
สรุป First Impression
โดยรวมแล้วจากความรู้สึกแรกที่ได้สัมผัสมันว้าวกว่าที่คาดหวังไว้ในตอนแรกมาก ๆ เพราะเกมไม่ค่อยมีข่าวมากนัก เปิดตัวไม่ยิ่งใหญ่เท่าเกมภาคแรกเพราะอาจจะด้วยสถานการณ์หลาย ๆ อย่าง ด้วยการที่เล่นมาไม่กี่ชั่วโมงก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า God of War Ragnarök เป็นอีกหนึ่งเกมมาสเตอร์พีซของโซนี่ อย่างไรก็ตามเมื่อผู้เขียนเล่นจบแล้วจะมีข้อสังเกตที่อาจไม่พบในช่วงแรกของเกมก็เป็นได้ แล้วคะแนนรีวิวจะออกมาเป็นเช่นไร ติดตามรีวิวฉบับเต็มได้ในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้เวลา 23:00 น. เป็นต้นไป สำหรับวันนี้สวัสดีครับ
พรีวิวและเขียนบทความโดย ภัคพล บัวโทน (GuidePS4EXPErt)
ขอบคุณบริษัท PlayStation Asia
สำหรับแผ่นเกมส์ที่ให้เรามารีวีวครับ