สวัสดีครับทุกท่านสิ้นสุดการรอคอยแล้วกับแว่น virtual reality รุ่นใหม่จากทาง PlayStation กับ “PlayStation VR 2” นับเป็นเวลาเกือบ 6 ปีหลังจาก PSVR รุ่นแรกวางจำหน่าย สำหรับ PSVR2 มีการปรับปรุงแบบก้าวกระโดดจากรุ่นแรกตั้งแต่ดีไซน์ คอนโทรลเลอร์ใหม่ ไปจนถึงการใส่เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาด้วย ตรงรายละเอียดเหล่านี้เราจะมาเจาะลึกกันอีกทีตอนรีวิว สำหรับวันนี้เรามาแกะกล่องไปพร้อม ๆ กันดีกว่ากับเจ้า PlayStation VR 2 ชุด Horizon Call of the Mountain หากพร้อมแล้วเรียนเชิญอ่านต่อกันเลย
เริ่มจากตัวกล่องภายนอกกันก่อนเลย สำหรับ PlayStation VR 2 ชุด Horizon Call of the Mountain จะมาพร้อมกล่องลวดลายของเกม Horizon Call of the Mountain ทว่าหากเป็นชุดปกติกล่องจะเป็นสีขาวล้อดีไซน์เดียวกับกล่องเครื่อง PS5 มา ทางด้านความกว้างของกล่องเกือบเทียบเท่า PSVR รุ่นแรกเพียงแต่อาจจะลึกกว่าเล็กน้อย ทางด้านหลังตัวกล่องมีรายละเอียดฟีเจอร์อันโดดเด่นของ PSVR2
เมื่อนำกล่องชั้นนอกออกมาก็จะพบกับกล่องด้านในซ้อนอีกชั้น ซึ่งมันคือกล่อง PSVR ชุดปกตินี่แหละ ด้านหน้าโชว์รูปแว่น PSVR และตัวจอย Sense ด้านหลังก็เหมือนกันระบุรายละเอียดฟีเจอร์อันโดดเด่นของ PSVR2
จากนั้นจะมีกล่องซ้อนอีกชั้นที่บรรจุตัวแว่นและอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้ ตัวกล่องดีไซน์เรียบง่าย เป็นกล่องสีขาวด้านบนมีโลโก้ PlayStation ส่วนรอบ ๆ กล่องประดับประดาด้วยสัญลักษณ์สามเหลี่ยม วงกลม เอ็กซ์ และสี่หลี่ยม
เปิดกล่องขึ้นมาจะพบว่าด้านในจัดแพ็คเกจมาแบบ Minimal มาก ๆ อย่างแรกที่เราจะพบคือกล่องเล็ก ๆ ด้านในมีอุปกรณ์ที่จำเป็นต่าง ๆ ในการใช้งาน PSVR2 อย่างแรกคือ ตัวเกม Horizon Call of the Mountain รูปแบบดิจิทัลดาวน์โหลด (แอบคิดถึงสัมยได้แผ่นเหมือนกัน) ถัดมาคือใบโฆษรา Sony Member ถัดมาเป็ฯ USB Type-C สำหรับชาร์จจอย Sense และอย่างที่สองชุดหูฟังออกแบบมาสำหรับใช้งานกับ PSVR2 ตัวชุดหูฟังนี้โดยเฉพาะ มาพร้อมกับจุกหูฟังซิลิโคน 3 ขนาดให้สลับเปลี่ยนได้ ท้ายสุดคือคู่มือภาษาไทยและการรับประกันครับ
ถัดมาด้านในกล่องเราจะพบกับแว่น PSVR2 และจอย Sense ทั้งด้านซ้ายและขวา แค่นี้เลยกล่องไม่ได้ใส่ตัวอุปกรณ์หรืออะไรอื่น ๆ แถมมาครับ ตัวกล่องได้ออกแบบมาให้สำหรับเก็บตัวแว่น PSVR2 ในกรณีที่ไม่ได้ใช้งาน แต่เชื่อว่าเราคงไปหาซื้อกระเป๋าหรือตัว Stand มาวางน่าจะ work กว่า
สำหรับดีไซน์ของตัวแว่น PSVR2 จะสังเกตได้ชัดเจนว่าคล้ายกับ PSVR รุ่นแรกมาก แต่อัดเน้นไปด้วยเทคโนโลยีใหม่เพียบ บริเวณด้านหน้าตัวแว่นเป็นสีขาววัสดุพลาสติก ที่เห็นเป็นรูกลม ๆ 4 รูคือตัวกล้องเพื่อเป็นเซ็นเซอร์ในการตรวจจับพื้นที่ และใช้เป็นกล้องสำหรับ AR นั่นเป็นเหตุให้เราไม่จำเป็นต้องซื้อกล้อง PS Camera เหมือนสมัยรุ่นแรก ส่วนเรื่องน้ำหนักเรียกว่าเบากว่ารุ่นแรกเล็กน้อย
เมื่อกลับหัวแว่นมาดูด้านใต้จะประกอบไปด้วย (เรียงจากซ้ายมาขวา) อย่างแรกลำโพง + ไมโครโฟนสำหรับซาวด์เอฟเฟคต่าง ๆ เหมือนบนจอย DualSense ถัดมาปุ่มกลางคือปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง และสุดท้ายคือปุ่ม “Function” สามารถกดสลับระหว่างภาพในเกมและ AR ซึ่งเราจะสามารถมองเห็นสิ่งรอบ ๆ ตัวเราเป็นภาพขาวดำ (จะได้ไม่หลงทิศหลงทาง)
ถัดมาด้านบนตัวแว่นจะมีปุ่มปรับขนาดตัวแว่นให้พอดีกับใบหน้าเรา และอีกปุ่มคือลูกกลิ้งปรับตำแหน่งของเลนส์ให้ตรงกับดวงตาของเรา
ส่วนด้านในจะมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 mm. สามารถเสียบหูฟังที่แถมมาหรือเหล่า Headset ได้ โดยตัวหูฟังที่แถมมาออกแบบมาเพื่อใช้งานกับ PSVR2 โดยเฉพาะ แถมเวลาที่เราไม่ใช้งานตรงบริเวณด้านข้างของแว่นตายังมีช่องให้ผู้ใช้งานเสียบหูฟังเข้าไปเก็บได้โดยง่าย และเมื่อถึงเวลาจะใช้งานก็ดึงออกมาใช้ได้ทันทีตรงนี้ออกแบบมาดีมาก ๆ เหมือนคิดมาตั้งแต่ต้นเลย
ด้านหลังก็จะมีสายสำหรับเชื่อมต่อเข้ากับ PS5 ข้อดีของ PSVR2 คือเป็นสายเดี่ยวแล้วไม่เทอะทะเหมือนรุ่นแรก มาพร้อมความยาว 4.5 เมตรเพียงพอต่อการใช้งานแน่นอน
ในแง่ความสะดวกสบายในการสวมใส่ ตัววัสดุเป็นยางนิ่ม ๆ ออกแบบมารับกับสรีระของหน้าได้ดีกว่าตัวก่อนและเกาะหน้าแน่นกว่าด้วย
มาดูทางด้านจอย Sense กันบ้าง ซึ่งเป็นการยกเครื่องออกแบบจอยใหม่เพื่อมาใช้กับ PSVR2 โดยเฉพาะเ พราะในรุ่นแรกทางโซนี่นำเอาจอย Move มา reuse ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าดีไซน์ออกมาได้ดีมาก ๆ มีที่คล้องสายสำหรับสอดมือเข้าไปกันหลุดมือ
สำหรับตัวปุ่มต่าง ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนจอย DualSense มีการแบ่งปุ่มสัญลักษณ์สามเหลี่ยม วงกลม เอ็กซ์ และสี่หลี่ยม ออกเป็นข้างละ 2 ปุ่ม นอกจากนี้ในแต่ละข้างก็จะมีปุ่มบังคับทิศทางของตนเอง รวมถึงปุ่ม L1/L2 และ R1/R2 สำหรับปุ่ม L1 และ R2 ถูกวางในตำแหน่งที่กดได้ง่าย นอกจากนี้ตัวจอยยังมีเทคโนโลยี “ตรวจจับนิ้วมือ” ซึ่งตัวจอยจะรู้ว่านิ้วไหนขยับอยู่เจ๋งมาก ๆ แน่นอนว่าตัวจอยยังมาพร้อมกับ Adaptive Trigger และ Haptic Feedback เหมือนจอย DualSense ทุกประการ
ข้อเสียของจอย Sense คือกินแบตเตอรี่ และจากสายชาร์ทที่แถมมาให้เส้นเดียวนั่นหมายความว่าเราจะชาร์จจอยได้แค่ทีละข้างเท่านั้น ทำให้เราอาจจะต้องซื้อแท่นชาร์ทแยกต่างหากอีก 1,699 บาท
โดยรวมแล้วค่อนข้างประทับใจทั้งในแง่การออกแบบและคุณภาพของตัวอุปกรณ์ ทีนี้ก็ต้องมาวัดกันที่ประสิทธิภาพการใช้งานแล้วว่าจะดีแบบก้าวกระโดดสมกับราคาที่ก้าวกระโดดหรือไม่ รอติดตามรีวิวกันได้เลย สำหรับ PlayStation VR2 วางจำหน่ายแล้ววันนี้ในราคาเริ่มต้นที่ 22,190 บาท (แพงกว่า PS5 อีกนะฮะ) หรือจะเป็นชุด PlayStation VR 2 ชุด Horizon Call of the Mountain ในราคา 23,890 บาท สามารถหาซื้อได้ทางตัวแทนจำหน่าย PlayStation ทั่วประเทศ
แกะกล่องโดย Play4Thai