เกม: The Crew Motorfest
แพลตฟอร์ม : PS5, Xbox Series X|S และ PC
ภาษา:อังกฤษ
ราคา: 2,290 บาท
วันวางจำหน่าย: 14 กันยายน 2023
Ubisoft ขอแก้มือเกมแข่งรถของพวกเขาอีกครั้งกับภาคต่อในซีรี่ส์เกม The Crew ซึ่งห่างหายไปกว่า 5 ปี ครั้งนี้พวกเขากลับมาพร้อมกับภาคใหม่ที่มีชื่อว่า “The Crew Motorfest” ผลงานพัฒนาจาก Ubisoft Ivory Tower ภาคนี้เรียกว่าทาง Ubisoft ได้ล้างกระดานใหม่โดยการเปลี่ยนแผนที่ใหม่จากสหรัฐอเมริกาขนาดใหญ่ ย่อขนาดลงเหลือเพียงเทศกาลแข่งรถบนเกาะโออาฮูในฮาวาย มาพร้อมโหมดเกมเพลย์สไตล์ใหม่ ยานพาหนะใหม่เพียบ รอบนี้ Ubisoft จะมัดใจชาวนักซิ่งทั้งหลายได้หรือไม่ เชิญอ่านรีวิว The Crew Motorfest – เกมภาคที่ดีที่สุดของซีรี่ย์กันเลย
โลเคชั่นเหมาะเจาะ
ก่อนอื่นเลยไม่พูดไม่ได้คือตัวแผนที่ของเกมภาคนี้ เนื่องจากภาคก่อนมีการใช้แผนที่ทั้งสหรัฐฯมาไว้ในเกม ผลคือแผนที่ใหญ่จริงนะ แต่บางพื้นที่โล่งขาดคอนเทนต์ ขาดรายละเอียด ดังนั้นภาคนี้ทีมพัฒนาตัดสินใจโฟกัสไปที่โลเคชั่นเดียวไปเลยคือเกาะโออาฮูในฮาวาย นำเสนอในรูปแบบงานเฟสติวัลในการรวบรวมนักแข่งรถและผู้หลงใหลในยาพาหนะต่าง ๆ รวมกันอยู่ที่เดียว
ด้วยโลเคชั่นบนเกาะสวรรค์เต็มไปด้วยภูเขา ป่าเขียวขจี และชายหาดน้ำใส โลเคชั่นเหล่านี้มีการใส่ใจลงรายละเอียด เน้นการสร้างประสบการณ์เสมือนได้ไปเที่ยวเกาะฮาวาย แค่ขับแบบ Free Drive ยังเพลิดเพลินไปกับโลก Open-World อันสวยงาม ผู้เขียนว่าทาง Ubisoft สามารถจับแนวทางของซีรี่ย์ได้สำเร็จหลังจากหลงทางมาแล้ว 2 ภาค
Playlist
ระบบ Playlist ถือเป็นตัวพลิกเกมในภาคนี้ สร้างความแตกต่างจากภาคก่อนอย่างก้าวกระโดด ในภาคก่อนนั้นเกมโฟกัสไปที่เนื้อเรื่องผ่าน Campaign ข้อเสียคือบางครั้งจะเจอการแข่งขันที่เดิม ๆ จำเจและสุดท้ายแล้วผู้เล่นเบื่อเอาเสียก่อน ดังนั้นในภาคนี้ Ubisoft นำเสนอระบบ Playlist จะเป็นลิสต์กิจกรรมการแข่งขันต่าง ๆ ที่จะมีธีมหรือเรื่องราวแตกต่างกัน เช่น Made In Japan เป็นลิสต์มุ่งเน้นไปที่รถญี่ปุ่น และสนามการแข่งขันทั้งหมดตกแต่งในสไลต์ญี่ปุ่นทั้งสิ้น หรือจะเป็น Classic Car มุ่งเน้นรถคลาสสิก เป็นต้น
สิ่งที่ทำให้สนุกคือแต่ละ Playlist ก็จะมีเรื่องราวแตกต่างกัน มีผู้จัดแตกต่างกัน รวมถึงบรรยากาศการพูดคุยก็จะได้กลิ่นอายต่างกันออกไปในแต่ละ Playlist ตัวผู้จัดเองก็คอยพูดคุยและเล่าประวัติความเป็นมาของสถานที่สำคัญ ๆ หรือคัลเจอร์ใน Playlist ดังกล่าว ข้อดีของการนำระบบ Playlist มาใช้แทนการเล่าเรื่องแบบเดิมทำให้ผู้เล่นไม่เบื่อเลย แต่ละ Playlist มีการกิจกรรมการแข่งขันที่หลากหลาย ไม่ว่าจะแข่งขันปกติ การแข่งขันแบบ Drag Racing การแข่งขันจับเวลา เป็นต้น สลับกันบนสถานที่การแข่งขันที่แตกต่างกัน ผู้เขียนบอกก่อนเลยว่าผู้เขียนไม่ใช่แฟนเกม The Crew 2 แต่พอมาภาคนี้คือติดและไม่รู้สึกจำเจแต่อย่างใด
การเล่นแบบ Playlist มีข้อเสียอย่างเดียวเลยคือ การแข่งขันส่วนมากนั้นตัวระบบจะบังคับให้เราสามารถใช้งานยานพาหนะที่กำหนดไว้เท่านั้น ส่งผลให้พวกยานพาหนะที่เราซื้ิอเอาไว้ แต่งไว้อย่างแรงเลยเนี่ยแทบไม่ได้ใช้ นอกเสียจากจะย้อนกลับไปแข่งขันรายการเก่า ๆ ที่เคยผ่านมาแล้วอันนั้นอะสามารถใช้รถตัวเองได้
อีกข้อสังเกตคือ Playlist ที่เป็นยานพาหนะนอกเหนือจากรถยนต์ไม่ว่าจะเป็น เรือ เครื่องบิน บางครั้งมอเตอร์ไซค์ ค่อนข้างน่าเบื่อ และสำหรับเครื่องบินนั้นบังคับยากไปเลย การควบคุมไม่ดีและบางครั้งน่าหงุดงิดเหมือนกัน ราวกับว่าใส่มาเพื่อให้มียานพาหนะครบทุกประเภทเท่านั้น
เกมเพลย์
หากใครเคยสัมผัส The Crew 2 จะทราบกันดีว่าทั้งระบบฟิสิกส์และการควบคุมยาพาหนะนั้นไม่ได้เลย การตอบสนองไวเกินเหตุ หรือตอนรถลอยกระแทกลงพื้นดูไร้น้ำหนัก ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมามันควรจะเป็นหัวใจหลักของเกมแข่งรถทั้งสิ้น
ดังนั้นมาในภาคนี้ทีมงานได้มีการยกเครื่องใหม่ทั้งหมดผลคือการควบคุมที่สมจริงมากขึ้น ตัวยานพาหนะมีน้ำหนักไม่รู้สึกลอยแบบภาคก่อนละ นอกจากนี้ต้องเข้าใจและรู้จักรถยนต์ที่แตกต่างกันในแต่ละรุ่นเพราะไม่ว่าการบังคับ การรักษาความเร็ว จังหวะการเบรคมันต่างกันออกไปนั่นเอง ถึงจะมีการปรับปรุงจากเดิมอย่างมากแต่ยังมีติดปัญหาเดิมคือ จังหวะรถกระแทกลงพื้นยังไม่สมจริงแม้รถจะรู้สึกมีน้ำหนักก็ตาม บางครั้งรู้สึกรถยังคงตอบสนองการเลี้ยวเร็วไปหน่อย แต่โดยรวมขับสนุกกว่าเดิมขึ้นมากจริง ๆ
ภาคนี้ยังมีระบบ Rewinding ระบบที่ไม่ได้ใหม่อะไรมันคือระบบที่สามารถย้อนกลับได้ในกรณีที่เราพลาด สามารถกดปุ่มค้างเพื่อค่อย ๆ ย้อนกลับไปได้สูงสุด 10 วินาทีครับ บางคนชอบบางคนก็อาจจะบอกว่ามันทำให้ประสบการณ์แข่งขันเสียไป
สำหรับโหมดออนไลน์ของเกมนี้จะมีชื่อว่า “Main Stage” ซึ่งจะมีกิจกรรมการแข่งขันให้ร่วมเล่นมากมาย ความน่าสนใจคือรายการแข่งขันจะเปลี่ยนแปลงทุกอาทิต์ และจะมีการเปลี่ยนธีมโหมดออนไลน์ทุก ๆ เดือน อย่างไรก็ตามโหมดนี้มีจุดทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่ของซีรี่ส์นี้เสียเปรียบสุด ๆ
รายการแข่งขันของ Main Stage ก็เหมือนการแข่งขันใน Playlist โดยผู้เล่นจะต้องใช้ยานพาหนะ หรือรถรุ่นและยี่ห้อที่กำหนดไว้เท่านั้น จุดสำคัญอยู่ตรงนี้แหละคือ “ตัวเกมไม่มีรถให้ยืม เราจำเป็นต้องใช้รถยนต์ที่เราซื้อมาเท่านั้น” แล้วที่ผู้เล่นหน้าใหม่เสียเปรียบก็เพราะภาคนี้อนุญาตให้ผู้เล่นสามารถ import ยานพาหนะจาก The Crew 2 มาได้ เพราะฉะนั้นผู้เล่นหน้าเก่าที่มีรถสะสมมาอยู่แล้ว ก็สามารถลงแข่งได้ไม่ยาก กลับกันผู้เล่นหน้าใหม่จะต้องฟาร์มหาเงินมาซื้อยานพาหนะเพื่อจะมาแข่งขันออนไลน์
ยาพาหนะในภาคนี้มีให้เลือกมากกว่า 800 รายการกันเลย มีรถยนต์รุ่นนใหม่ ๆ มากมายรวมถึงรถไฟฟ้าด้วยนะ ปัญหาคือราคารถแต่ละคันสูงมากเลย แล้วถ้าเราจะต้องเก็บตังเพื่อซื้อยานพาหนะเพื่อมาเล่นออนไลน์นั้นบางทีก็ท้อได้ มันทำให้รู้สึกเหมือนเกมพวก Streetflighter ที่ไม่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเล่นได้เลย
กราฟิกและประสิทธิภาพ
The Crew Motorfest สามารถนำเสนอภาพกราฟิกก้าวกระโดดจากภาค 2 เป็นอย่างมาก ทีมพัฒนาสามารถแสดงเกาะโออาฮูออกมาได้อย่างอย่างสวยงามมีความใส่ใจรายละเอียดในทุกจุด ทุกสนามแข่งขัน การเล่นแสงทำได้ดีในเวลากลางวัน ส่วนกลางคืนในบางจุดที่มืดมาก ๆ มันดูขัดนิดหน่อย
อีกข้อที่ไม่พูดไม่ได้เลยคือสิ่งปลูกสร้างที่สมควรพังทลายได้ สามารถพังทลายได้ในภาคนี้ เช่นพวกป้ายต่าง ๆ พวกต้นไม้บางต้นเมื่อโดนชนสามารถพังได้ แตกต่างจากภาคก่อนที่มันทลายไม่ได้
สำหรับเรื่องประสิทธิภาพบนเครื่อง PS5 ก็จะมีให้เลือกระหว่าง Resolution กับ Performance ตัว Performance รันบนความละเอียด 1080p บนเฟรมเรต 60 FPS ซึ่งจากที่ทดสอบเฟรมเรตนิ่งและคงไว้ได้ตามที่เคลมไว้ แต่แน่นอนบางจังหวะอาจจะมีดรอปลงบ้าง กระตุกบ้างบางจังหวะ หรือหากเฟรมเรตไม่ตก ตัวรายละเอียดภาพก็จะลดลง
แต่ถ้าหากเน้นความละเอียดก็เลือกเป็น Resolution เกมจะรันบนความละเอียด 4K บนเฟรมเรต 30 FPS ผลคือภาพคมชัดสวยงาม แต่แน่นอนด้วยความที่มันเป็นเกมแข่งรถมันอาจจะไม่เหมาะเสียเท่าไหร่
สิ่งสุดท้ายที่ไม่พูดไม่ได้คือเพลงประกอบภาคนี้คือดีมาก แต่ละ Playlist ก็จะมีเพลงประกอบแตกต่างกันให้เข้ากันในแต่ละธีม เพลงประกอบมีทั้งเพลงที่คุ้นหูในยุคปัจจุบัน กับเพลงประกอบที่เข้ากับการแข่งขัน ณ เวลานั้น นอกจากเพลงประกอบแล้วยังมีเสียง effect ของตัวยานพาหนะที่สมจริง และดีกว่าเดิม
Verdict
ถ้าจะให้พูดโดยรวมแล้วผู้เขียนยกให้ The Crew Motorfest เป็นภาคที่ดีที่สุดของซีรี่ย์ เกมเซ็ทโทนให้ผู้เล่นมาร่วมงานเฟสติวัลบนเกาะฮาวายอันสวยงาม การนำเสนอการเล่นแบบ Playlist ให้ผู้เล่นรู้สึกแปลกใหม่ตลอดเวลา พร้อมยกเครื่องการปรับปรุงการควบคุม และฟิสิกส์ให้สมกับเป็นเกมแข่งรถ แม้จะมีข้อติเล็ก ๆ น้อย ๆ หรืออาจจะไม่ต้อนรับผู้เล่นหน้าใหม่ในโหมดออนไลน์ ทว่าถ้าหากคุณลองสัมผัสสักครั้งอาจจะทำให้วางจอยไม่ได้เลยแหละ
7.5/10
จุดเด่น (Pro)
- ภาพสีสันสดใส สามารถนำเสนอเกาะฮาวายออกมาได้ดีมาก
- ระบบ Playlist ทำให้เล่นได้ไม่เบื่อ พร้อมคอนเทนต์มากมาย
- การควบคุมยานพาหนะได้รับการปรับปรุงแบบก้าวกระโดด
- งานเสียงและเพลงประกอบดีมาก
จุดสังเกต (Con)
- การแข่งขันเรือ และเครื่องบินไม่ค่อยดี ราวกับใส่มาเพื่อให้ครบทุกประเภท
- การแข่งขันส่วนมากถูกจำกัดให้ใช้เฉพาะยานพาหนะที่กำหนดเท่านั้น
- โหมดออนไลน์ไม่ต้อนรับผู้เล่นหน้าใหม่ จำเป็นต้องใช้ความพยายามหาเงินเพื่อนำมาซื้อยานพาหนะสำหรับแข่งขัน
รีวิวและเขียนบทความโดย ภัคพล บัวโทน (GuidePS4EXPErt)
ขอบคุณบริษัท Ubisoft Asia
สำหรับแผ่นเกมส์ที่ให้เรามารีวีวครับ