สวัสดีครับทุกท่าน ผู้เขียนเชื่อว่าหนึ่งในเกมที่ท่านรอคอยกันมากที่สุดในช่วงปีหน้าคงหนีไม่พ้น Final Fantasy VII: Rebirth เกมภาคต่อของ Final Fantasy VII: Remake ที่จะมีกำหนดวางจำหน่ายเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับ PlayStation 5 ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2024 ทั้งนี้ในช่วงงาน Thailand Game Show 2023 ทาง Play4Thai ได้มีโอกาสพิเศษเข้าร่วมสัมภาษณ์คุณ Naoki Hamaguchi ผู้กำกับเกม Final Fantasy VII: Rebirth เขาได้มาเยือนเมืองไทยในช่วงเทศกาลเกมยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย ดังนั้นทางเราได้รวบรวมคำถามต่าง ๆ เกี่ยวกับ Final Fantasy VII: Rebirth มาถามคุณ Hamaguchi-san กัน จะเป็นคำถามอะไรบ้างนั้นเรียนเชิฯอ่านได้เลย
Q1: จากตัวอย่างล่าสุด ดูเหมือนว่าระบบการต่อสู้ และเกมเพลย์ต่าง ๆ คล้ายกับภาคแรกมาก ดังนั้นภาค Rebirth จะสร้างประสบการณ์เกมเพลย์แตกต่างจากภาคแรกได้อย่างไรบ้าง?
ตอบ: จริง ๆ แล้วระบบการต่อสู้ของ Rebirth นั้น เราอ้างอิงจากระบบการต่อสู้ของ Remake ดังนั้นอาจจะทำให้ดูคล้ายคลึงกัน ทว่าสิ่งที่แตกต่างคือมีการเพิ่มองค์ประกอบเรื่องของ synergies เข้ามา มันคือการที่ “ตัวละครจะจับคู่กับใครก็ได้โดยไม่มีล็อค” เช่นหากตัวละครต้องการจะ synergies กัน ยกตัวอย่าง Cloud กับ Aerith จำเป็นจะต้องมีสิ่งที่เรียกว่า “Synergies Gate” ถึงแม้ว่า Cloud จะพัฒนาทักษะขึ้นไปไกลแล้วก็ตาม แต่ถ้าไม่มี Link หรือ Synergies Gate นี้ ตัว Aerith ก็จะไม่พัฒนาตามไปด้วย
แล้วถ้าพูดถึงเรื่องของ link Ability หรือความสามารถที่มีความเชื่อมโยงกันก็จะแตกต่างจากภาคก่อน ไม่เพียงแค่การสร้างความเสียหายได้มากขึ้นเท่านั้น ทว่าถ้าเกิดเรามี link Ability และการพัฒนาตัวละครที่ดี จะใช้ความสามารถเวย์มนต์มากยิ่งขึ้น หรือแม้แต่ช่วงเวลา Birth ก็สูงขึ้นเช่นกัน
Q2: เกมดั้งเดิมที่ออกมาในปี 1997 ผู้เล่นเห็นโลกจากมุมบนเพียงมุมเดียวที่มันไม่ได้มีรายละเอียดอะไรเยอะ เนื่องจากข้อจำกัดของเทคโนโลยีในตอนนั้น ในขณะที่ Rebirth เองจะเป็นครั้งแรกที่เราจะได้เห็นโลกต่าง ๆ ในรายละเอียดมากขึ้น อยากจะถามทางผู้พัฒนาว่าทางทีมผู้พัฒนารู้สึกอย่างไร ที่ได้มีโอกาสกลับไปเนรมิตโลกที่เขาเคยจินตนาการใว้ในรายละเอียดมากขึ้นกว่าเดิมไร้ข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์
ตอบ: ผมขอพูดในมุมจากภาค Remake มาสู่ Rebirth ดีกว่า เราได้มีการศึกษาเรียนรู้พฤติกรรมผู้เล่นว่า ผู้เล่นต้องการเล่นในรูปแบบใดความยากคือ จะทำอย่างไรเพื่อที่จะสร้างพื้นที่ ที่ผู้เล่นต้องการเข้าไปสำรวจอะไรต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น หลัก ๆ เลยทางทีมพัฒนามุ่งเน้นไปที่ World Map (แผนที่หลักของเกม) เพื่อจะตอบคำถามว่า จะทำอย่างไรให้ผู้เล่นเข้าสำรวจได้อย่างเป็นอิสระมากยิ่งขึ้น จุดนี้คือจุดหลักที่ทางทีมพัฒนาให้ความสำคัญ
Q3: เกม Final Fantasy VII เป็นเกมที่ได้รับความคาดหวังไว้สูง อยากทราบว่าจุดไหนเป็นจุดที่คิดว่าพัฒนายากที่สุด เนื่องจากเอาเกมที่มันดีอยู่แล้วในอดีต กลับมาทำให้มันดีกว่าเดิม?
ตอบ: ถ้าถามว่าอะไรคือความท้าทายสุดในด้านของการพัฒนา Final Fantasy VII: Rebirth นั้นก็น่าจะเป็นในเรื่องของการจำกัดความของ World Map (แผนที่หลัก) ซึ่งจริง ๆ ผู้เล่นหลายคนคงได้สัมผัสเกมภาคแรกมาแล้ว จะมีความเข้าใจ และมีความคาดหวังมากยิ่งขึ้น ในส่วนของ World Map (แผนที่หลัก) ถ้าทำให้กว้างขึ้น แต่ไม่มีคอนเทนต์อะไรให้เล่น มันก็ไม่ได้ ดังนั้นเราจะต้องทำให้ World Map (แผนที่หลัก) มีขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีคอนเทนต์ต่าง ๆ มากมาย ให้ผู้เล่นได้สนุกสนานเพลิดเพลิน การจำกัดความตรงนี้แหละเป็นสิ่งที่ยาก
Q4: แฟนหลายคนคิดดว่า ระบบการต่อสู้ใน Final Fantasy VII Remake เป็นจุดสมดุลระหว่างความเป็น Action และ Turn Base ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นทางทีมพัฒนาคิดว่า อะรไรคือหัวใจสำคัญที่ทำให้ระบบารต่อสู้ของ Remake และ Rebirth มัดใจแฟนเกมเอาไว้ได้?
ตอบ: ก่อนอื่นถ้าจะพูดให้มันง่ายยิ่งขึ้น เราจะแบ่งระบบต่อสู้ออกเป็น Command กับ Action โดยที่ Command (Turn base) แบ่งเป็น 7 ส่วน และ Action 3 ส่วนของระบบต่อสู้ อย่างเช่นในการที่ออกแบบรูปแบบเกมที่บอกว่าแบ่งออกเป็น 7 ส่วน 3 ส่วนนั้น หมายความว่าถึงจะไม่ Action ก็จะสามารถเคลียร์ด่านต่าง ๆ หรือเกมได้เหมือนกันผ่านการเล่นแบบ Command (Turn base) และมี Classic Mode ด้วย เรามองว่าไม่อยากเน้นไปทาง Action อย่างเดียว อยากให้ทางผู้เล่นได้เข้าถึงเกมได้ง่าย ๆ โดยใช้เป็น Command Base (Turn base) โดยมี Action แฝงเข้าไปด้วย เพื่อให้เกิด Balance ขึ้น
Q5: ได้ยินมาว่า REBIRTH มีแผนที่และพื้นที่ให้สำรวจกว้างกว้างมากขึ้น แต่ในแง่การสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ นั้นมีความแตกต่างจาก Final Fantasy VII Remake อย่างไรบ้าง ในขณะเดียวกันเกมภาคก่อนได้มีการใส่สถานที่เก่าเข้าไป ผสมกับพื้นที่ใหม่ที่สร้างขยายขึ้นมา แล้วในภาค REBIRTH นี้จะเป็นในลักษณะเดิมไหม?
ตอบ: ในแง่ของพื้นที่ทางเราได้มีการดีไซน์ภาพรวมใหม่ อย่างภาคก่อนก่อนจะเน้นไปทางเรื่องราว ข้อจำกัดคือมันจะย้อนกลับที่เดิมไม่ได้ ถ้าถามในเรื่องของการดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ นั้น สิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนจากภาคที่แล้วคือ ในภาคนี้เราจะใช้ World Map (แผนที่หลัก) เป็นหลัก แล้วแผนที่นี้เป็นแบบไร้รอยต่อ เช่น Cloud และผองเพื่อนก็จะใช้ World Map (แผนที่หลัก) ผจญภัยไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ขณะเดียวกันก็สามารถย้อนกลับไปสถานที่ต่าง ๆ ได้แบบไร้รอยต่อ
Q6: ความสำเร็จของ Final Fantasy 16 มันมีอิทธิพลต่อการพัฒนาเกม Final Fantasy VII: Rebirth หรือไม่?
ตอบ: เรียกว่ามันเป็นสายสัมพันธ์ที่ดี ในช่วงพัฒนา Final Fantasy 16 ก็จะเป็นช่วงที่ใกล้เคียงกัน และทางทีมพัฒนา [Rebirth ] ก็ได้รู้จักกับสมาชิกในทีมพัฒนา Final Fantasy 16 ก็จะเห็นเบื้องลึงเบื้องหลังของการพัฒนา เราก็อยากจะอ้างอิงจากตรงนั้นเพื่อให้มันเกิดการพัฒนาที่ต่อเนื่องต่อ ๆ ไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี
Q7: ถ้าผู้เล่นคนใดเคยเล่นเกมภาคที่แล้วมาก่อนมีพวกเซฟเกม ไอเทม หรือความคืบหน้าจากภาคแรก จะโอนมายังภาคใหม่นี้ได้หรือไม่?
ตอบ: จริง ๆ แล้วในหมู่เหล่าเกมเมอร์ก็มีพูดถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ถ้ามีเซฟเกมอยู่แล้วจะเอามาทำไรต่อได้หรือไม่ ทางทีมพัฒนามองว่ามีเซฟเกมอยู่แล้ว และนำมาใช้กับเกมภาคใหม่นี้จะทำให้ความสมดุลของเกมไม่ค่อยดี ก็เลยทำให้ไม่ได้ให้เอามาใช้ แต่ก็จะมีจุดนึงสำหรับผู้ที่เคยเล่นภาค Remake มาแล้ว จะสามารถเชื่อมโยงหากันได้
Q8: ในช่วงกลางของเกม Final Fantasy VII ดั้งเดิม มันมีฉากสำคัญและมีฉากที่อยู่ในความทรงจำแฟน ๆ เยอะมาก ทีมพัฒนาใช้หลักการอะไรในการเลือกว่าเอาเนื้อหาอะไรมาลงในภาค Rebirth บ้าง?
ตอบ: ถ้าเกี่ยวกับเรื่องราวก็ได้เริ่มจากจุดที่ Nojima-san อยากทำให้เกิดขึ้น แล้วก็อ้างอิงจากตรงนั้นมา ถ้าถามว่า Rebirth เป็นแบบไหน จะทำให้ใกล้เคียงกับต้นฉบับเลยไหม ก็มีการเอามานั่งดูกัน ถ้าเกิดในภาคนี้เราสร้างอะไรขึ้นมา แล้วเกิดความทับซ้อน หรือเกิดคาวมขัดแย้งจากภาคก่อน ก็จะตัดทิ้งไป และจะเพิ่มเนื้อเรื่องอื่น ๆ เข้ามาแล้วแต่สถานการณ์
Q9: จากตัวอย่างล่าสุดที่เราเห็น เราจะเห็นได้ว่ามีโชโคโบะทั้งหมด 4 แบบในการที่จะเดินทางจากพื้นที่นึง ไปยังอีกพื้นที่นึง เลยอยากจะถามว่าตัวเกมมียานพาหนะอื่น ๆ ที่สามารถใช้ในการเดินทางไหม?
ตอบ: ถ้าถามถึงยาพาหนะที่ใช้เดินทาง หลัก ๆ ก็จะเป็นโชโคโบะที่จะพาไปสถานที่ต่าง ๆ แต่ถ้าในมุม Action ตามเรื่องราว จะมีการเดินทางทั้งแบบปืน การว่ายน้ำ การใช้เชือก และการใช้รถบักกี้ แต่หลัก ๆ การเดินทางจะใช้โชโคโบะ
Q10: จากตัวอย่างต่าง ๆ ที่ปล่อยออกมา เราก็จะเห็นว่ามีส่วนเกมเพลย์ที่ถูกพัฒนา และเปลี่ยนไป ทางผู้พัฒนารู้สึกว่ามีองค์ประกอบไหน หรือเกมเพลย์ส่วนไหนที่จะเซอร์ไพร์สผู้เล่นเป็นพิเศษ?
ตอบ: คือถ้าถามว่าจะมีส่วนใดที่ทำให้ผู้เล่นว้าวหรือเซอร์ไพร์ส อย่างภาคที่แล้วถ้าพูดในมุมของตัวละครที่ทำให้ทุกคนตื่นเต้นคือ “ทีฟา”
ในส่วนของภาค Rebirth นี้เราไม่สามารถพูดอะไรได้ เนื่องจากส่วนดังกล่าวเรายังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ถ้าในแง่ตัวละครในภาคนี้ก็จะมี “แซ็ค” ที่จะทำให้ทุกคนตื่นเต้น ได้เรียนรู้ไปด้วยกัน เขามีส่วนสำคัญอย่างไร และอะไรจะเกิดขึ้น คงต้องไปติดตามกัน
Q11: Final Fantasy VII: Rebirth จะมี Side Quest เป็นไปในรูปแบบใด?
ตอบ: ในเรื่องของ Side Quest ก็จะมีความหลากหลาย หลัก ๆ ก็จะมีในแต่ละพื้นที่ ที่จะมีผู้คนมาขอความช่วยเหลือจาก Cloud แต่จะไม่ใช่ Cloud คนเดียวที่ไปช่วย เพราะในแต่ละพื้นที่ก็จะมีตัวละครหลักอีกคนนึงที่คอยช่วย Cloud ทำภารกิจ จะมีการกำหนดไว้ว่าภารกิจไหนจะคู่กับตัวละครอะไร
Q12: สำหรับผู้เล่นบางคนที่ไม่เคยเล่นทั้ง Final Fantasy VII ต้นฉบับ และ Remake แล้วสนใจเล่นภาค Rebirth เลย ทีมพัฒนาสามารถแนะนำตรงจุดนี้ได้อย่างไรบ้าง?
ตอบ: สำหรับคนที่ไม่เคยเล่น Final Fantasy เลย อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ทีมพัฒนาคิดมาโดยตลอด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ย อย่างน้อยคนที่จะมาเล่นก็น่าจะเคยได้ยินคีย์เวิร์ด หรือชื่อตัวละครมาบ้าง เช่น Cloud หรือ Sephiroth อาจจะรู้สึกตื่นเต้น และอยากลองเข้ามาเล่นดู
จากการสัมภาษณ์ดูเหมือนว่า Final Fantasy VII: Rebirth มีความแตกต่างกับ Final Fantasy VII: Remake พอสมควร โดยเฉพาะโลกอันกว้างใหญ่ ที่จะเต็มไปด้วยสถานที่ให้สำรวจ รวมถึงเควสและมินิเกมมากมายให้ผู้เล่นได้ไปสำรวจ ต่อยอดจากเนื้อเรื่องงอันเข้มข้นของเกม แน่นอนเราและรวมถึงคุณคงรอไม่ไหวที่จะได้สัมผัสกันแล้ว ย้ำอีกครั้งเกม Final Fantasy VII: Remake ที่จะมีกำหนดวางจำหน่ายเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับ PlayStation 5 ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2024
ขอบคุณ Bandai Namco Entertaiment และ Square Enix
สำหรับการสัมภาษณ์สุดพิเศษนี้ด้วยครับ