Rise of the Rōnin เป็นอีกหนึ่งเกมที่หลายคนรอคอย มันคือผลงานการพัฒนาของ Team Ninja ผู้ที่เคยฝากผลงานเกมดังมากมายอาทิ Wo Long: Fallen Dynasty, Nioh และอีกมากมาย วันนี้ทางเว็บไซต์ Play4Thai ได้มีโอกาสลองเล่น Rise of the Rōnin มาพอหอมปากหอมคอแล้ว จึงจะมาพรีวิวความประทับใจแรกหลังจากได้เล่นมาเล่าให้ฟังก่อนที่จะลงรีวิวเต็มในวันที่ 21 มีนาคมเวลา 18:00 น. บอกก่อนเลยว่าเหนือความคาดหวังไปมากเลยล่ะ ที่สำคัญรองรับภาษาไทยด้วย
เนื้อเรื่อง
เรื่องราวในเกมเกิดขึ้นช่วงปีค.ศ. 1863 ณ ประเทศญี่ปุ่น หลังจากสามศตวรรษแห่งการปกครองอันกดขี่ของรัฐบาลโชกุนโทกูงาวะ ก็ได้มีกองทัพเรือสีดำจากตะวันตกมาเทียบท่าที่เขตชายฝั่งและประเทศก็ตกอยู่ในความโกลาหล ทว่าท่ามกลางความวุ่นวายของสงคราม โรคระบาด และความไม่สงบทางการเมือง เราจะได้รับบทเป็น “โรนิน” ซามุูไรไร้อาจารย์ ผู้สร้างเส้นทางเดินของตนเอง และผู้กุมชะตาของญี่ปุ่นไว้ในมือของเขา
ความประทับใจแรกในส่วนของเนื้อเรื่องเกมนี้คือ มันมีความแตกต่างจากผลงานเกมในอดีตของ Team Ninja อย่างชัดเจน โดยปกติพวกเขาถนัดในการสร้างเกมสไตล์แอ็คชั่นประวัติศาสตร์ ผสมแฟนตาซีเข้าไป (เหมือน Nioh และ Wo Long) ทว่าคราวนี้พวกเขาฉีกกรอบตนเอง มีการหลีกเลี่ยงการใช้องค์ประกอบแฟนตาซีใน Rise of the Rōnin แต่จะมุ่งเน้นเล่นประวัติศาสตร์จริง เรื่องราวเหตุการณ์จริง รวมถึงบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์จริง ผสมเข้ากับเรื่องราวที่จินตนาการขึ้นมาได้อย่างลงตัว ไม่เพียงเท่านี้ เรื่องราวทั้งหมดผู้เล่นสามารถกำหนดเองได้จากการกระทำและการตัดสินใจ
เกมเพลย์
Rise of the Rōnin เป็นเกมแอ็คชั่นอาร์พีจีรูปแบบ Open-World มีระบบเกมเพลย์ลึกซึ้งพอสมควรเลยแหละ เริ่มตั้งแต่การสร้างตัวละครที่ต้องบอกเลยว่าผู้เขียนใช้เวลาในการสร้างตัวละครราว 1 ชั่วโมง ระบบมีตัวเลือกให้ปรับแต่งเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง ใบหน้า ทรงผม และการแต่งหน้า เพลินสุด
จากการสัมผัสระบบเกมเพลย์เบื้องต้นนั้น พอจะทราบคร่าว ๆ ว่าผู้พัฒนาตั้งใจใส่ระบบ “decision” (การตัดสินใจ) เป็นส่วนหนึ่งของหัวใจหลักของระบบเกม บทสนทนาแบบโต้ตอบในแต่ละครั้งค่อนข้างมีความสำคัญ หรือให้ผู้เล่นจำเป็นต้องตัดสินใจช่วงเวลาสำคัญ เช่น การเลือกว่าจะไว้ชีวิตหรือฆ่าเป้าหมายหรือไม่ เป็นต้น ด้วยระบบนี้ทำให้ผู้เล่นมีความอิสระเพิ่มขึ้น และมันทำให้อยากทราบด้วยว่าสิ่งที่เราตัดสินใจไปแล้วนั้นมีผลพวงอะไรต่อไป
ระบบการตัดสินใจนี้มันก็จะไปเชื่อมกับระบบหลักอีกอย่างคือระบบ “ความสัมพันธ์” ระหว่างผู้เล่นและตัวละครอื่น ๆ ที่จะปรากฏตัวในระหว่างเส้นเรื่องของเกม ผู้เขียนชอบตรงที่บางทีเราเล่นภารกิจเสริมบางภารกิจเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับตัวละครอื่นให้เขา “ไว้ใจ” แล้วสามารถช่วยเหลือแล้วโยงกลับมาเนื้อเรื่องหลักได้ นี่เป็นเพียงช่วงแรกของเกมนะ เมื่อเกมดำเนินต่อคิดว่าซับซ้อนไปอีก ผู้เขียนชอบการเอาเกมเพลย์มาทับซ้อนกับเรื่องราวให้มีมิติขึ้น
ในส่วนระบบการต่อสู้ จากการสัมผัสในช่วงต้นเกมก็รู้สึกเลยว่าผู้พัฒนาทำออกมาได้มีความหลากหลายดี ไม่ใช่ว่าเป็นโรนินแล้วใช้แต่ดาบซามูไร แต่ระบบมีอาวุธให้เลือกใช้เพียบเลย แค่ดาบยังมีหลายประเภทรวมไปถึงอาวุธอื่นด้วยนะ แต่อาวุธหลักจริง ๆ ก็หนีไม่พ้นดาบแหละ ในการต่อสู้ก็จะมีการ “ปัดป้อง” (Parry) เพื่อทำลายเกราะศัตรู ต้องขอบคุณผู้พัฒนาที่เกมนี้ไม่ได้ยากจนเกินไป และมีระดับความยากให้เลือกโดยไม่ทำให้หัวร้อนมากนัก
สรุปเรียกน้ำย่อย
ความประทับใจช่วงแรกค่อนข้างเกินความคาดหวังไปเยอะพอสมควรเลย อันที่จริงเป็นกังวลว่ามันจะไปกินเส้นกันกับเกม Ghost of Tsushima แต่หลังได้เริ่มเล่นไประยะหนึ่งแล้วรู้เลยว่า “ไม่ใช่เลย” เกมมีลักษณะเด่นของตนเองและระบบมีความซับซ้อนกว่า มันจึงทำให้แค่ช่วงแรกของเกมยังสนุกมากขนาดนี้ รอดูกันต่อว่าจะมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด อย่าลืมติดตามรีวิวเต็มของเกมได้ในวันที่ 21 มีนาคมนี้เวลา 18:00 น.
รีวิวและเขียนบทความโดย ภัคพล บัวโทน (GuidePS4EXPErt)
ขอบคุณบริษัท PlayStation Asia
สำหรับแผ่นเกมส์ที่ให้เรามารีวีวครับ