เกม : Catherine: Full Body
แพลตฟอร์ม : PS4, Xbox One
ราคา: 1,600 บาท (สั่งซื้อได้โดยการ คลิกที่นี่เลย)
วันวางจำหน่าย: 03 กันยายน 2019
หลายคนอาจจะคุ้น ๆ หูกับเกม Catherine ที่วางจำหน่ายในปี 2011 บนเครื่อง PS3 และ Xbox 360 โดยเกมเป็นแนวพัซเซิลบล็อกแหวกแนวที่มีการผสมเรื่องราวความรักเข้ามาด้วยเพื่อเพิ่มความตื่นเต้นที่ทำให้เกมนี้แตกต่างจากเกมพัซเซิลเกมอื่น ๆ 8 ปีต่อมาทางผู้พัฒนา Altus และ Sega ตัดสินใจนำความตื่นเต้น, ความเซ็กซี่ และความเพลิดเพลินของเกมเพลย์กลับมาบนเครื่องเกมคอนโซลอีกครั้งกับเกม Catherine: Full Body เกมนี้เป็นที่รีเมคจากเกมต้นฉบับแต่ได้มีการใส่ฟีเจอร์ลูกเล่นใหม่เข้ามาในเกมไม่ว่าจะเป็นฉากจบใหม่, โหมดใหม่ที่เรียกว่า Remix และมาพร้อมกับตัวละครใหม่ชื่อ Rin ซึ่งจะมาสร้างสีสันในเนื้อเรื่องและเกมเพลย์ส่วนใหม่ของเกมอีกด้วย นี่คือรีวิวเกม Catherine: Full Body การกลับมาของความลงตัวระหว่างเกมพัซเซิลและความรักที่สมบูรณ์แบบ
**บทความรีวิวนี้เป็นบทความไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่อง และตัวระบบเกมบางส่วน เพื่อให้แฟนๆ ได้รับประสบการณ์สูงสุดในการเล่น และตื่นเต้นที่จะได้สัมผัสเกมนี้ครับ
เนื้อเรื่อง
Catherine: Full Body นำเสนอเรื่องราวความรักของตัวละครเอกที่เราบังคับชื่อ Vincent Brooks คนที่มีท่าทางอ่อนโยนเป็นสุภาพบุรุษ และมีความสัมพันธ์กับหญิงสาวน่ารักชื่อ Katherine McBride ผู้หญิงที่เขารู้จักมาตั้งแต่สมัยมัธยม แต่เพิ่งจะมารียูเนี่ยนและเป็นแฟนกันเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ด้วยความที่คบและรู้จักกันมานานแคเธอรีนเริ่มคิดเรื่องแต่งงาน แต่ทางวินเซนต์ยังไม่อยากใช้ชีวิตที่ผูกมัดโดยยังต้องการอิสระ วินเซนต์ก็ชอบไปนั่งกินเหล้ากับเพื่อน ๆ บาร์แถวหนึ่งชื่อว่า Stray Sheep เรื่องความรักเป็นประจำจนเมามาก ในคืนนั้นเองวินเซนต์เกิดเมาจนเขาได้รู้จักกับ Catherine สาวน้อยน่ารักกันที่บาร์นั่นเอง วินเซนต์เมาหนักมากจนไม่รู้ว่ากลับห้องและหลับไปตอนไหน ในระหว่างฟุกหลับไปนั่นเอง เขาพบว่าตัวเองอยู่ในฝันร้าย เขาฝันต้องปีนขึ้นบนหอคอยอันน่ากลัวเพื่อหนีการไล่ล่าของปีศาจที่เกิดจากความกลัวในการใช้ชีวิตคู่ ซึ่งเขาต้องปืนหอเอาชีวิตรอดไปเรื่อย ๆ และหากเขาตายในฝันเขาก็จะตายในชีวิตจริงด้วย
ในระหว่างการผจญภัยเอาชีวิตรอดจะมีเสียงคอยถามเขาเกี่ยวกับปรัชญาต่าง ๆ เกี่ยวกับชีวิตรักของวินเซนต์ หลังจากคืนที่ฝันร้ายวินเซนต์ตื่นขึ้นแล้วพบว่าเมื่อตื่นขึ้นมาเขาได้เห็น Catherine นอนอยู่ด้านข้างของเขาพร้อมแก้ผ้าอยู่ ทำให้ชีวิตรักของวินเซนต์กำลังจะซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ ก็ต้องมารอดูกันว่าสุดท้ายแล้วเขาจะเอาตัวรอดจากความฝันอันโหดร้ายนี้ได้หรือไม่ และชีวิตรักของเขาจะเป็นเช่นไร สิ่งที่แปลกใหม่เข้ามาจากเกมต้นฉบับคือในครั้งนี้ทางทีมงานได้เพิ่มตัวละครใหม่เข้ามาชื่อ Qatherine หรือ Rin เนื้อหาของ Rin จะถูกแซมๆเข้ามาในบทเนื้อเรื่องเดิมให้เนื้อเรื่องมีความซับซ้อนกว่าเดิม รวมถึงเขาจะต้องเอาชีวิตรอดจากฝันร้ายในแต่ละวันให้ได้และต้องหาต้นต่อของฝันร้ายทั้งหมดนี้ให้จงได้
ผู้เขียนกล้าพูดได้เลยว่าผู้เขียนไม่เคยเล่นเกมแนวรัก ๆ มาก่อนแต่บอกได้เลยว่าเนื้อเรื่องน่าติดตามมากและเข้มข้นมากเรียกได้ว่าวางจอยไม่ได้เลย นอกจากนี้เกมยังมีระบบตัดสินใจและมิเตอร์การวัดความสัมพันธ์ หากผู้เล่นตัดสินใจหรือตอบไปตามความรู้สึกผู้เล่นเรื่องราวในเกมก็จะเปลี่ยนไป รวมถึงมีผลต่อสถานะมิเตอร์การวัดความสัมพันธ์ รวบรวมสองอย่างเข้าด้วยกันทำให้เกมมีฉากจบถึง 8 รูปแบบครับ แม้ว่าบางช่วงเกมจะดำเนินเรื่องราวผ่านไดอะล็อกบ๊อกซ์บ้าง แต่ถือว่าเพลิดเพลินเอามาก ๆ เลยครับการันตีว่าสนุกเกินความคาดหมายจริง ๆ
เกมเพลย์
Catherine: Full Body นำเสนอเกมเพลย์รูปแบบพัซเซิลบล็อกรูปแบบการปีนหอคอยให้เร็วที่สุด การเล่นคือผู้เล่นจะต้องเคลื่อนบล็อกแต่ละบล็อกมาต่อกันเพื่อหาปีนตัวเองขึ้นมาถึงประตูเส้นชัยที่อยู่ด้านบนสุดของด่าน ด้วยความที่เป็นเกมพัซเซิลผู้เล่นจะต้องใช้ความคิดกับทักษะเพื่อหาทางเชื่อมต่อบล็อกเหล่านี้เข้าด้วยกันครับ เกมได้นำเสนอโหมดการเล่นแบบ Classic ซึ่งเป็นโหมดเกมเหมือนเกมต้นฉบับเมื่อ 8 ปีก่อน และอีกโหมดหหึ่งคือโหมดใหม่เรียกว่า “Remix Mode” ซึ่งเป็นบล็อกเซ็ทคล้ายกับ Tetris บล็อกเหล่านี้จะเป็นบล็อกชุดสี ๆ ซึ่งเมื่อเวลาเคลื่อนย้ายตำแหน่งมันจะเคลื่อนไปพร้อมกันเป็นชุดเลย นี่แหละครับมันคือเหตุผลสำหรับใครที่เคยเล่นเกมต้นฉบับแล้วนั้นต้องหันกลับมาลองสัมผัสภาค Full Body ดูเพราะมันสนุกกว่าคลาสสิกมาเลยทีเดียว
เกมนำเสนอระดับความยาก 3 ระดับ 4 ระดับความยากได้แก่ Safe (เล่นเซฟ), Easy (ง่าย), Normal (ปกติ) และ Hard (ยาก) ระดับความยากเหล่านี้แตกต่างกันมากครับ แต่ระดับความยาก “Safe” มีไว้สำหรับคนที่ไม่ถนัดแนวพัซเซิลไม่ต้องใช้ความคิดและทักษะในการเล่นมาก รวมถึงเหมาะกับกลุ่มที่ชอบเสพแต่เนื้อเรื่องเพียงอย่างเดียวด้วยเพราะในโหมดนี้นอกจากตัวกลไกของเกมจะง่ายแล้ว ยังมีระบบเล่นอัตโนมัติให้ตั้งแต่ต้นจนจบด่านเลยเรียกได้ว่าไม่ต้องจับคอนโทรลเลอร์เลยก็ว่าได้ครับ นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนติดเกมนี้เอามาก ๆ คือกลไกการเล่นที่หลากหลายไม่ซ้ำใคร ตลอดการผจญภัยในความฝันอันโหดร้ายนี้ยิ่งเล่นไปเรื่อย ๆ ระบบจะเริ่มนำเสนอรูปแบบการเล่นที่หลากหลายมากขึ้นไม่ว่าจะมีศัตรูคอยขวางระหว่างทาง, หนีตายมือปีศาจที่เคยจะจับเรา รวมไปถึงกลไกรูปแบบของบล็อกก็แตกต่างตามด่านต่าง ๆ ด้วย จุดนี้ทำให้ผู้เล่นไม่เบื่อและเพลิดเพลินตลอดทั้งเกม นอกจากนี้เกมยังมีโหมดที่อนุญาตให้แข่งขันกันเองแบบ 2 คนแบบ VS หรือสามารถเล่นแข่งกับผู้คนผ่านออนไลน์มัลติเพลย์เยอร์ด้วยบอกได้คำด้วยว่ามันส์มาก
แต่เกมเพลย์ของเกม Catherine: Full Body ไม่ได้มีเพียงแต่พัซเซิลอย่างเดียว แต่เกมนำเสนอเกมเพลย์ที่เป็นรูปแบบโต้ตอบไดอะล็อกบ็อกซ์ด้วย โดยเวลาที่วินเซนต์อยู่ในบาร์ Stray Sheep ตัวเกมจะอนุญาตให้เขาสามารถพูดคุยกับเพื่อนของเขาเกี่ยวกับภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเขาเช่นเดียวกับเปิดเผยเรื่องราวของเจ้าของบาร์ หรือผู้คนที่มาเที่ยวในบาร์ด้วย
ไม่เพียงแค่นั้นเกมได้เพิ่มความสมจริงในการอนุญาตให้ผู้เล่นตรวจสอบและส่งข้อความผ่านมือถือตัวเองได้ เมื่อมีข้อความเด้งขึ้นมาเราสามารถตอบกลับได้ทันทีโดยตัวเกมจะมีประโยคให้เราเลือกตอบซึ่งจะมีผลต่อมิเตอร์การวัดความสัมพันธ์ และเนื้อเรื่องของเกมภายหลังด้วย นี่คือหนึ่งในไฮไลท์ของเกมที่ทำให้รู้สึกว่าเกมไม่ได้มีเพียงเกมเพลย์รูปแบบพัซเซิลอย่างด้วย แต่เกมได้ให้ประสบการณ์เกมเพลย์แบบอื่น ๆ เข้ามาเสริมให้กลายออกมาเป็นเกมที่สมบูรณ์แบบได้ แต่ในข้อดีต่าง ๆ นานานี้ก็มีข้อเสียอยู่ที่การบังคับตัวละครในช่วงเกมเพลย์หลักตรงส่วนของพัซเซิล โดยการเคลื่อนไหวของตัวละครนั้นเร็วไปจนบางทีหันซ้ายหันขวาเพื่อจะเคลื่อนย้ายบล็อกนั้นตัวละครกลับปีนขึ้นไปชั้นต่อไปซะอย่างนั้น ส่วนนี้ทีมงานอาจจะต้องปรับปรุงเล็กน้อย
กราฟิก และดนตรีประกอบ
สำหรับกราฟิกของเกมนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ ด้วยความที่ว่าผู้พัฒนาเกมได้ตั้งใจมาตั้งแต่แรกแล้วว่าจะพัฒนาเกม Catherine ออกมาให้เป็นแบบมังงะและภาพของเกมได้แตกกิ่งออกมาอยู่ในสองรูปแบบได้แก่ภาพการ์ตูนแอนิเมชั่นซึ่งภาพประเภทนี้จะปรากฏขึ้นในฉากคัตซีนต่าง ๆ ของเกม ผู้เขียนต้องบอกว่าความรู้สึกเหมือนดูการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างไรอย่างนั้นเลย ส่วนอีกรูปแบบหนึ่งคือเป็นภาพแอนิเมชั่นแบบสามิติ โดยภาพประเภทนี้จะปรากฏขึ้นในส่วนของเกมเพลย์ไม่ว่าจะเป็นฉากในบาร์ หรือในความฝันอันโหดร้ายของวินเซนต์ ในจุดนี้ภาพของเกมไม่ได้มุ่งเน้นไปที่กราฟิกสวยงามแบบเกมที่มีต้นทุนการสร้างสูง ๆ เพราะฉะนั้นแล้วภาพจะดูธรรมดาไม่หวือหวาเท่าไร
มาทางด้านดนตรีประกอบของเกม Catherine: Full Body กันบ้างในจุดนี้จะไม่พูดก็ไม่ได้เพราะว่าดนตรีประกอบของเกมนี้เป็นผลงานของคุณ Meguro Shoji นักแต่งเพลงวีดีโอเกมชาวญี่ปปุ่นชื่อดังผู้ที่ฝากผลงานการแต่งเพลงประกอบวีดีโอเกมชื่อดังอย่าง Persona มาแล้ว ด้วยผลงานอันมากมายแบบนี้เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าดนตรีประกอบของเกม Catherine: Full Body ก็เพราะมากไม่แพ้เกมอื่น ๆ เลย ถึงกระทั่งมีแผ่นซาวด์แทร็คของเกมออกมาขายในรูปแบบ Limited Edition ถึง 4 แผ่นด้วยกัน แม้ว่าภาพกราฟิกของเกมนี้จะไม่ใช่จุดเด่น แต่ดนตรีประกอบสามารถเอาชนะใจเกมเมอร์ไปเลย
Verdict
Catherine: Full Body เป็นเกมที่สามารถนำเกมต้นฉบับเมื่อ 8 ปีที่แล้วกลับมาพัฒนาต่อยอดใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการเพิ่มตัวละครใหม่อย่าง Rin เข้ามาให้มีความซับซ้อนและเข้มข้นมากขึ้น, นำเสนอโหมดใหม่อย่าง Remix Mode เพื่อเพิ่มเติมสีสันและกลไกให้กับตัวเกมเพลย์มากขึ้น นอกจากนี้นักพัฒนาเกมยังได้คำนึงถึงระดับทักษะของผู้เล่นที่มีให้เลือกตั้งแต่ระดับ Safe เหมาะสมสำหรับผู้ที่เสพเนื้อเรื่อง ไปจนถึงระดับยากเพื่อท้าทายขีดจำกัดความสามารถของผู้เล่น เกมเพลย์นี้ถูกปรุงแต่งด้วยเนื้อเรื่องอันน่าติดตามพร้อมฉากจบถึง 8 แบบ และสุดท้ายมาพร้อมดนตรีประกอบสุดเพราะ ดังนั้นแล้วหากใครชอบเกมแนวรัก ๆ แบบนี้ หรือพลาดโอกาสที่ได้เล่นเมื่อ 8 ปีก่อนนี่คือโอกาสของคุณแล้ว ผู้เขียนรับประกันเลยว่าสนุกเกินคาดจริง ๆ ครับ
**หากท่านใดสนใจสั่งซื้อเกมในรูปแบบแผ่นสามารถซื้อผ่าน Shopee โดยคลิกที่นี่เลย
8.0/10
จุดเด่น (Pro)
- เนื้อเรื่องอันน่าติดตามและเข้มข้น
- เกมเพลย์พัซเซิลอันสนุกสนาน และหลากหหลายรูปแบบจนทำให้ไม่อยากวางคอนโทรลเลอร์
- ดนตรีประกอบคือชนะไปเลย
- มีระดับความยากให้เลือกหลายระดับ ทำให้ผู้คนสามารถจับต้องเกมแนวพัซเซิลได้มากยิ่งขึ้น
จุดสังเกต (Con)
- พล็อตเรื่องในส่วนของ Rin มันยังดูขัด ๆ และไม่จำเป็นต้องใส่เพิ่มเข้ามาก็ได้
รีวิวและเขียนบทความโดย Play4Thai
ขอบคุณ SEGA (ผ่านทาง GameFever)
สำหรับโค้ดเกมที่ให้เรามารีวีวครับ