ณ ปัจจุบันนักพัฒนาเกมได้หันมาพัฒนาเกมในรูปแบบโอเพ่นเวิลด์สมากขึ้น ด้วยเกมประเภทนี้จะอนุญาตให้ผู้เล่นรู้สึกถึงโลกอันกว้างใหญ่, มีภารกิจและมีพื้นที่ให้สำรวจมากมาย แล้วถ้าหากพูดถึงเกมรูปแบบโอเพ่นเวิลด์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ Ubisoft คงหนีไม่พ้นเกม Assassin’s Creed Odyssey ซึ่งนับเป็นหนึ่งในเกมของซีรี่ย์ที่ใหญ่และกว้างขว้างสุดก็ว่าได้ และดูเหมือนทาง Ubisoft จะไม่หันกลับไปทำเกมแบบเส้นตรงอีกแน่นอน กระนั้นเราต้องสงสัยว่ารูปแบบดังกล่าวนั้นยั่งยืนหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้พัฒนาเกมผลิตแฟรนไชส์แบบโอเพ่นเวิลด์สออกมามากกว่า 1 เกม
คุณ Yves Guillemot ซีอีโอบริษัท Ubisoft ให้ความเห็นว่าเขาไม่ได้พิจารณาเรื่องความยั่งยืนของรูปแบบเกมสไตล์นี้จะเป็นปัญหาในอนาคตเนื่องจากความกว้างใหญ่ของโลกและตลาดที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในการให้สัมภาษณ์กับ GamesIndustry, คุณ Guillemot เขาอธิบายว่าจำนวนผู้บริโภคทั่วโลกมีจำนวนมหาศาลทำให้อุตสาหกรรมเกมเติบโตอย่างต่อเนื่อง Guillemot กล่าวว่าดังนี้
มันยั่งยืนเพราะโลกมีขนาดใหญ่และจำนวนผู้เล่นที่สามารถเล่นเกมของเรานั้นมหาศาล สิ่งที่เราเห็นในไม่กี่ปีที่ผ่านมาคือจำนวนผู้เล่นที่เล่นเกมของเราเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแค่นั้นตลาดใหม่กำลังเปิดตัวและเกมหนึ่งเกมอยู่ได้ยาวนานกว่าสมัยก่อน ดังนั้นในขณะนี้เราเห็นว่าเราสามารถเพิ่มการลงทุนได้อย่างต่อเนื่องเพราะเรารู้ว่าเราสามารถได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาวได้
ในทางกลับกันเกมเมอร์ก็ได้รับประโยชน์อย่างมากจากการลงทุน โดยคุณ Guillemot เผยว่าผู้เล่นเฉลี่ยใช้เวลาประมาณ 60 ชั่วโมงในเกม Assassin’s Creed Odyssey สิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากประสบการณ์ของเรื่องราวหลักที่เกอดขึ้นในเกมเพียงอย่างเดียว แจ่ Ubisoft ได้พยายามใส่เนื้อหาใหม่ ๆ เข้ามาในเกมอยู่ตลอดเวลาและทำให้มั่นใจได้ว่าผู้เล่นบางส่วนยังคงกลับมาเล่นอย่างต่อเนื่อง คุณ Guillemot พูดต่อว่า
ทีมของเราไม่หยุดพัฒนาเกมแม้ว่าเกมได้วางจำหน่ายไปแล้ว เรามีทีมขนาดใหญ่ที่ยังคงสร้างเนื้อหาสำหรับผู้เล่นที่ยังคงอยู่ในจักรวาลที่พวกเขาชื่นชอบ และในความเป็นจริงผู้เล่นบางคนก็ซื้อไอเท็มในเกมเหล่านี้ ซึ่งมันจะการเปิดโอกาสให้ทีมของเราได้สร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ ออกมาให้ผู้เล่นได้กลับมาสัมผัสกันอยู่เรื่อย ๆ
ทาง Ubisoft ค่อนข้างพอใจกับโมเดลธุรกิจแบบเกม Assassin’s Creed Odyssey ด้วยการผสมผสานคอนเทนต์หลังเกมวางจำหน่ายทั้งแบบฟรีและแบบจ่ายเงินเข้ามา แต่โมเดลธุรกิจแบบนี้จะใช้ได้กับเกมโอเพ่นเวิลด์สทั้งหมดของ Ubisoft ได้หรือไม่? จนถึงตอนนี้มีแต่เกม Ghost Recon: Wildlands เป็นเกมที่ดูเหมือนสามารถประสบความสำเร็จในโมเดลนี้ แต่คงไม่แปลกใจหากเกม Assassin’s Creed ภาคต่อไปจะใช้รูปแบบธุรกิจแบบเดียวกัน หากเป็นแบบนั้นจริงเราอาจจะไม่ได้เห็นค่ายออกเกม Assassin’s Creed ภาคใหม่ทุก ๆ ปีแบบเมื่อก่อนแล้ว
ข้อมูล และแหล่งข่าวโดย PlayStation LifeStyle