เกมส์ : Marvel’s Spider-Man: Miles Morales
แพลตฟอร์ม : เอ็กซ์คลูซีฟสำหรับเพลย์สเตชั่น
ราคา: 1,790 บาท
วันวางจำหน่าย: 12 พฤศจิกายน 2020
จากการรีบูธซีรีย์เกมซุปเปอร์ฮีโร่อย่าง Spider-Man เมื่อปี 2018 กับเกม Marvel’s Spider-Man บนเครื่อง PS4 เกมก็ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามทั้งในแง่คำวิจารณ์จากสื่อต่าง ๆ และแฟนชาวเพลย์สเตชั่นจนมันกลายเป็นหนึ่งในเกมเอ็กซ์คลูซีฟของ PS4 ที่ขายดีที่สุด ด้วยความสำเร็จนี้เองทางผู้พัฒนาเกม Insomniac Game ไม่รอช้าเดินหน้าต่อพัฒนาภาคใหม่ของเกมจากเอ็นเครดิตของเกมภาคแรก แม้ว่าภาคนี้จะเป็นภาคต่อของเกมภาคแรกจริง ๆ (กึ่ง Spin-off) แต่ตัวเกมจะพาเรามาสู่เรื่องราวการผจญภัยครั้งใหม่ในจักรวาล Marvel’s Spider-Man ไปกับหนุ่มน้อย Miles Morales หรือ Spider-Man หมายเลข 2 กับสงครามเพื่อแย่งชิงอำนาจปกครองมหานครนิวยอร์ค มาเป็นกำลังใจช่วย Morales ฝ่าวิกฤตินี้ไปให้ได้ กับพลังอันน่าระทึกที่แฝงอยู่ภายในตัวเขา มาดูกันว่าเกมภาคนี้จะสร้างความแตกต่างจากเกมแรกมากน้อยขนาดไหน เรียนเชิญอ่านรีวิว Marvel’s Spider-Man Miles Morales : ผู้พิทักษ์แห่งนครนิวยอร์กหมายเลข 2
**บทความรีวิวนี้เป็นบทความไม่มีการสปอย์เนื้อเรื่อง และตัวระบบเกมส์บางส่วน เพื่อให้แฟนๆ ได้รับประสบการณ์สูงสุดในการเล่น และตื่นเต้นที่จะได้สัมผัสเกมนี้ครับ
เหตุการณ์ของเกม Marvel’s Spider-Man Miles Morales เกิดขึ้นเรียกได้ว่าต่อจาก Marvel’s Spider-Man ภาคแรกเลย (แต่อย่าลืมว่ามันไม่ใช่เกมภาคต่อนะ) เมื่อตอนจบภาคแรกได้ทิ้งท้ายไว้จากการที่ Miles Morales โดนแมงมุมดัดแปลงพันธุกรรมของออสคอร์ปที่หลบหนีจากห้องทดลองลับของนอร์แมนออสบอร์นกัดเข้า ในที่สุดมันก็ทำให้เขามีความสามารถเหนือมนุษย์เหมือนสไปเดอร์แมนซึ่งเขาก็เผยตนเองให้แก่ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ได้ทราบ ก่อนเราไปต่อผู้เขียนขอชี้แจงว่าหากใครไม่ได้เล่นภาคแรกไม่ต้องกลัวว่าจะไม่รู้เรื่องเพราะตอนเริ่มเกมจะมีสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาคแรกให้เราได้เข้าใจกันแบบง่าย ๆ จุดนี้ผู้เขียนชอบนะยิ่งคนที่เคยเล่นมาแล้วมันเหมือนกับเป็นการรื้อฟื้นความทรงจำกลับมา
Marvel’s Spider-Man Miles Morales เล่าหลังจาก Miles Morales ได้ย้ายบ้านจากเขตบรุกลิน ไปยังย่านฮาเล็มตั้งอยู่ตะวันออกเฉียงเหนือของแมนแฮตตันของนครนิวยอร์กนอกจากการปรับตัวให้เข้ากับย่านพักอาศัยใหม่แล้ว Morales เองก็กำลังฝึกฝนตนเองในฐานะ Spider-Man คนใหม่เหมือนดั่งปีเตอร์พาร์คเกอร์ ขณะนั้นเองเขาจะต้องเผชิญหน้ากับสงครามเพื่อแย่งชิงอำนาจปกครองมหานครนิวยอร์ค ระหว่างบริษัทด้านพลังงานจอมปลิ้นปล้อน และกองทัพอาชญากรที่มีเทคโนโลยีสุดไฮเทค พร้อมทั้งวายร้ายหน้าใหม่ แล้วตัวเขาจะรับมือกับสถานการณ์นี้ได้หรือไม่ ไปติดตามลุ้นกันในเกมเองนะครับ
เนื้อเรื่องของภาคนี้ต้องบอกเลยว่าเข้มข้นตั้งแต่เริ่มต้นเกมฉากแรก ๆ ก็ลุ้นแทบแย่ สิ่งที่ผู้เขียนชอบคือวิวัฒนาการของตัวละครเพราะเราจะได้เติบโตไปกับ Morales ตั้งแต่สกิลขั้นพื้นฐานจนไปถึงตอนท้ายของเกมเราจะได้รับรู้ถึงวิวัฒนาการของเขาทั้งด้านทักษะและความรู้สึกตัวละคร รวมถึงเกมได้สะท้อนถึงแง่คิดในหลาย ๆ ด้าน นอกจากนี้ผู้เขียนได้ความรู้สึกถึงความเป็น Marvel มากขึ้นจากบทสนทนาและฉากต่าง ๆ มีการใส่มุกเข้าเยอะขึ้นกว่าเกมภาคแรก สำหรับตัวละครอื่น ๆ ในภาคนี้ดูเหมือนเกมจะพยายามปรับให้เข้าใกล้ภาพยนตร์ของจักรวาล Marvel มากยิ่งขึ้น อย่างเช่นเพื่อนสนิทของ Morales เป็นคนเอเชียลักษะคล้าย Ned ในภาพยนตร์ และการเปลี่ยนแปลงปรับโมเดลใบหน้าปีเตอร์ พาร์คเกอร์ให้ดูเด็กลง ตอนประกาศครั้งแรกผู้เขียนบอกตรง ๆ ว่าดูแปลกตามาก แต่พอได้มาสัมผัสในตัวเกมจริง ๆ ผู้เขียนว่ามันดูดีไปอีกแบบนะ
แน่นอนว่าเราจะได้พบกับ Easter egg มากมายในเกมภาคนี้ที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ภาคที่แล้วด้วย สรุปเนื้อเรื่องภาคนี้ยังคงสามารถทำได้ดีและน่าติดตามไม่แพ้เกมภาคแรกเลย แม้ว่าเกมจะเป็นโอเพ่นเวิลด์แต่มันชวนให้เราติดตามเนื้อเรื่องตลอดเวลา นอกจากเส้นเรื่องหลักแล้วภารกิจย่อยไม่ได้พาเราออกทะเลแต่ล้วนแล้วเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในเกมทั้งสิ้น
เกมเพลย์
หลายคนอาจจะทราบมาบ้างแล้วว่าเกม Marvel’s Spider-Man Miles Morales ไม่ใช่ภาคต่อโดยตรงของเกมภาคแรก ทางผู้พัฒนายังยืนยันว่าเกมใช้โครงสร้างและเกมเพลย์เดียวกับภาคแรกเพียงแต่มีการพัฒนาต่อยอดระบบเกมเพลย์เพิ่มขึ้นมาจากภาคก่อน ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ปุ่มควบคุมและความรู้สึกของเกมเพลย์เหมือนกับภาคแรกเลย แต่ไม่ใช่ว่าเกมจะไม่มีความแตกต่างเลยนะ ตัวระบบเกมเพลย์ภาคนี้มีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดอยู่
อย่างแรกความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือทักษะความสามารถของ Miles Morales ในคราบสไปเดอร์แมนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอาทิ การโจมตีด้วยระเบิดไฟฟ้าชีวภาพถือเป็นความสามารถหลักในเกมเลยก็ว่าได้ ศัตรูในภาคนี้มีความแข็งแกร่งมากขึ้นการเอาชนะศัตรูเหล่านี้ต้องใช้ความสามารถดังกล่าว อีกหนึ่งความสามารถคือการอำพรางตัวด้วยสกิลนี้เองมันเปิดให้เราได้เล่นในสไตล์ลอบเร้นยิ่งขึ้น หรือกด R3 ไม่ใช่แค่สแกนศัตรูอย่างเดียวอีกต่อไปแต่เราจะมองเห็นวัตถุที่เราสามารถตอบสนองได้ด้วย ส่วนตัวผู้เขียนเองชอบมากเหมือนกับว่าภาคแรกสไตล์เป็นแบบ “โอลด์สคูล” และภาคนี้มาในสกิลที่หลากหลายแฟนซีกว่าเดิม สวนการชักและโหนใยภาคนี้เหมือนควบคุมได้ดีลื่นไหลกว่าภาคก่อน ส่วนเกมเพลย์อื่น ๆ เช่นการเขวี้ยงใส่ศัตรู การลอบเร้นกำจัดศัตรูจากด้านบนจะเหมือนกับภาคแรกเลย
ด้วยทักษะใหม่สไปเดอร์แมนหมายเลข 2 ดูเหมือนทางผู้พัฒนาได้เพิ่มระบบพัซเซิลใหม่เข้ามานั่นคือการค้นหาเครื่องปั่นไฟฟ้าผ่านการกดโฟกัส (R3) ระบบจะโฟกัสสายไฟฟ้าเป็นสีเหลืองให้เราตามไปปล่อยใยแมงมุมไฟฟ้าใส่เพื่อให้กลับมาทำงาน หรือการเชื่อมสายไฟฟ้าผ่านใยแมงมุมไฟฟ้า และยังมีพัซเซิลอื่น ๆ ให้เราได้แก้ด้วย ตัวพัซเซิลไม่ได้ยาก เพราะถ้าหากเราไม่ทราบสามารถกดโฟกัส (R3) แล้วตัวเกมจะมีคำบอกใบ้ขึ้นมา
การปรับปรุงใหม่ในภาคนี้อีกหนึ่งอย่างคือระบบจัดการภารกิจ ในภาคนี้เราจะมีสมาร์ทโฟนที่เราสามารถจัดการเลือกภารกิจที่เราอยากทำได้ทั้งภารกิจของเส้นเนื้อเรื่องหลัก ภารกิจเสริม หรือเหตุการณ์อาชญากรรมซึ่งเราสามารถเลือกเล่นภารกิจผ่านสมาร์ทโฟน (สไลด์นิ้วไปยังด้านซ้ายของ TouchPad)
ในภาคนี้เราสามารถ Replay เล่นภารกิจซ้ำได้ผ่านหน้าจอ Pause ในเมนู Mission หลังจากภาคที่แล้วไม่สามารถทำได้แม้ว่าจะเล่นแบบ New Game+ ก็ตาม
ระบบหลักอื่น ๆ อันที่จริงไม่ต่างจากเกมภาคแรก เช่นเมื่อทำภารกิจ หรือกิจกรรมได้สำเร็จผู้เล่นจะได้รับค่าประสบการณ์ XP เป็นรางวัลตอบแทน และสำหรับภารกิจกิจกรรมต่างๆ ผู้เล่นยังจะได้คะแนนซึ่งเอาไว้ใช้ในการสร้างชุด Spider-Man ลวดลายต่างๆ หรือ สามารถเอาไปอัพเกรดอุปกรณ์ (Gear) ต่างๆ ที่จะช่วยเราในการไปต่อสู้กับศัตรูด้วย (ใส่อุปกรณ์ได้สูงสุด 6 ชิ้น) ทางด้านชุด Spider-Man ระบบยังออกแบบให้สามารถปรับแต่งใส่สกิลหรืออัพเกรดอุปกรณ์ภายในชุดได้ด้วย (ใส่/เปลี่ยนอุปกรณ์ได้สูงสุด 3 ชิ้น) สามารถเลือกใส่อุปกรณ์ หรือดัดแปลงชุด Spider-Man ตามสไตล์การเล่นที่เราถนัดได้เลย เพราะฉะนั้นแล้วอย่ารีบเล่นภารกิจเนื้อเรื่องหลักกันครับ ฟาร์มเล่นภารกิจและกิจกรรมย่อยกันก่อนแล้วค่อยลุยกันต่อ อย่างไรก็ตามอุปกรณ์บางชิ้นจะปลดล็อคได้ผ่านเนื้อเรื่องเท่านั้นนะ
แม้ว่าระบบหลักจะเหมือนกันแต่สกิลทรีนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง (แหงล่ะก็ความสามารถไม่เหมือนกันนิเนอะ) สำหรับสกิลก็แบ่งออกเป็น 3 สายหลักๆ ได้แก่ Combat (การต่อสู้) , Venom Skill (สกิลสายฟ้า), Stealth (ลอบเร้น) เมื่ออัพเกรดตามที่กำหนดระบบจะไปปลดล็อคท่าสกิลต่างๆ เพิ่มเติมครับ สำหรับเลเวลสูงสุดที่ผู้เล่นสามารถอัพได้นั้นคือเลเวล 50 เหมือนกับภาคแรก
แน่นอนสิ่งที่ขาดไม่ได้คืออุปกรณ์เสริมหรือ Gadget ที่เราปลดล็อกได้เป็นหนึ่งในคีย์หลักที่ใช้ในการช่วยเราต่อสู้กับเช่นเดียวกับภาคแรกนั่นแหละ แต่ Gadget ของเกมภาคนี้จะมีอุปกรณ์ใหม่ ๆ เสริมเข้ามาอาทิ การปล่อยบอทออกมาช่วยเราต่อสู้ เป็นต้น ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วยว่า Gadget ไหนเหมาะสมที่สุด และแต่ละอุปกรณ์ก็สามารถอัพเกรดได้เช่นเดิมครับ
สิ่งที่ยังตราตรึงในหัวใจของผู้เขียนตั้งแต่ภาคแรกคือในฉากไล่ล่าของภารกิจในเนื้อเรื่องหลัก ที่มักจะมีฉากคัทซีนต่างๆ ที่เราต้องคอยดูตลอดเวลาเพราะอาจจะมีปุ่มปรากฏขึ้นมาที่หน้าจอให้เรากดตามเพื่อหลบหลีกสิ่งกีดขวาง หรือป้องกันประชาชนเมืองนิวยอร์กไม่ให้รับอันตรายจากการไล่ล่านี้ไปด้วย มันทำให้ผมนึกถึงตอนดูภาพยนตร์ของ Marvel โครตลุ้นเพราะเราไม่อาจจะคาดการณ์อะไรได้เลย
ถึงเกมจะไม่ใช่ภาคหลักและระบบต่าง ๆ ยังคงเดิมแต่ตัวเกมก็ได้รับการปรับปรุงไปแนวทางที่ดีขึ้นจนรู้สึกได้เลย ภายในตัวเกมเราจะได้พบกับวายร้ายหน้าใหม่และวายร้ายที่คุ้นเคยไปพร้อม ๆ กันและยังมีเซอร์ไพรส์หลบซ่อนอยู่ภายในเกมอีกเพียบเลย ซึ่งเราจะไม่สปอยล์กันนะ ระบบการต่อสู้ในเกมภาคนี้มุ่งเน้นไปทางลอบเร้นมากขึ้นกว่าภาคแรก แต่ก็ไม่ถึงกับลอบเร้นจ๋านะ มันยังมีการผสมแอ็คชั่นเข้ามาเหมือนเดิม น่าเสียดายว่าเกมภาคนี้สั้นไปหน่อยตัวเกมมีความยาวเพียง 7-10 ชั่วโมงก็สามารถเคลียร์เกมได้สำเร็จ แต่ต้องบอกเลยว่าช่วงเวลาเจ็ดถึงสิบชั่วโมงนี้มันส์มาก
ถึงแม้เกม Marvel’s Spider-Man Miles Morales จะออกแบบมาเพื่อลงเครื่อง PS5 เป็นหลักแต่ไม่ได้หมายความว่าคุณภาพกราฟิกเกมเวอร์ชั่น PS4 จะด้อยกว่าแต่อย่างใด ผู้เขียนกล้าพูดได้ว่าถึงเกมจะถูกสร้างต่อจากโครงสร้างเดิมจากเกมภาคแรก แต่กราฟิกในภาคนี้มีการพัฒนาทั้งเรื่องแสงและสีสันในเกมดูสวยขึ้น แสงทีการสะท้อนผ่านวัตถุเล็กน้อยในเวอร์ชั่น PS4 นอกจากนี้ระบบสภาพอากาศในเกมยังไม่เป็นไดนามิคเหมือนเดิมนะแต่มีสภาพอากาศที่เป็นหิมะเพิ่มเข้ามา เพราะเหตุการณ์ในเกมเริ่มต้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนั่นเอง ส่วนรายละเอียองค์ประกอบอื่นประกอบภายในฉากดูละเอียดมีชีวิตชีวามากกว่าภาคที่แล้ว
ทางด้านโหมดถ่ายภาพของเกมภาคนี้ Photo Mode อนุญาตให้ผู้เล่นสามารถถ่ายภาพสกรีนช็อตมุมต่างๆ ตามใจชอบเราได้เลยเพื่อนำภาพเท่ๆ ที่เราถ่ายนี้มาแชร์บนโซเชียลมีเดียไว้อวดเพื่อนๆ และก็ยังมีอักษรเท่ๆ, สติ๊กเกอร์เท่ๆ, ใส่กรอบ หรือแม่แต่ใส่ธีมให้ภาพดูเหมือนหนังสือการ์ตูน Marvel เหมือนภาคที่แล้ว เพียงแต่มุมกล้องในโหมดถ่ายภาพภาคนี้ปรับได้อิสระกว่าเดิม มีการเพิ่มฟิวเตอร์และตัวเลือกการปรับสีและแสงเพิ่มเข้ามามากขึ้น
ทางด้านประสิทธิภาพของตัวเกมผู้เขียนว่าทำได้ดีเลยครับ ไม่มีการกระตุกของเฟรมเรตตัวเกมลื่นไหลไม่มีปัญหาและไม่ได้ทำให้ตัวเครื่อง PS4 Pro ต้องทำงานหนักจนเกิดเสียงดังสักนิดเดียว รวมไปถึงพอโหลดเข้าเกมครั้งแรกไปแล้ว แทบจะไม่มีหน้าดาวน์โหลดเลย ฉากต่อฉากต่อเนื่องขึ้นแม้เกมจะเป็นเวอร์ชั่น PS4 จุดนี้เป็นการปปรับปรุงจากภาคแรกได้ดี
Marvel’s Spider-Man Miles Morales เป็นการต่อยอดความสำเร็จจากเกม Marvel’s Spider-Man 2018 ได้อย่างดีเยี่ยมกับการนำเสนอเรื่องราวในมุมสไปเดอร์แมนของหนุ่ม Miles Morales แม้ว่าเกมจะใช้โครงสร้างเดียวกันแต่เราก็ได้เห็นการพัฒนาและความแปลกใหม่ที่ทางทีมพัฒนาใส่เข้ามาในเกมไม่ว่าจะเป็นสกิลทักษะใหม่ที่เป็นอกลักษณ์ Miles Morales ในคราบสไปเดอร์แมนซึ่งเปิดสไตล์การเล่นแบบลอบเร้นมากกว่าภาคแรก มาพร้อมภารกิจมากมายให้ผู้เล่นได้สัมผัสกัน ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้กราฟิกอันสวยงามที่ได้รับการปรับปรุงให้สีสันสดใสและสมจริงยิ่งขึ้น (ขณะไม่ใช่เวอร์ชั่น PS5 นะ) สำหรับใครที่เป็นแฟนเกม Marvel’s Spider-Man อยู่แล้วผู้เขียนบอกเลยว่าห้ามพลาดเกมภาคนี้เด็ดขาด!!
9.0/10
จุดเด่น (Pro)
- การนำเสนอเนื้อเรื่องได้น่าติดตามนับตั้งแต่ฉากแรก จนถึงฉากสุดท้าย
- สกิลทักษะใหม่ที่เป็นอกลักษณ์ Miles Morales ในคราบสไปเดอร์แมน เปิดสไตล์การเล่นแบบลอบเร้นมากขึ้น
- ภารกิจหลักและเสริมให้เลือกเล่นเพียบ
- กราฟิกสวยงามขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เวอร์ชั่น PS4 ก็มีเงาสะท้อนนิดนึงด้วยนะ
- Replay ภารกิจได้แล้ว
จุดสังเกต (Con)
- เกมสั้นไปหน่อย (แต่ถ้าเทียบกับราคาที่ถูกลงก็รับได้นะ)
- ไม่มีระบบแปลกใหม่อะไรเพื่อมาสร้างความหวือหวา
รีวิวและเขียนบทความโดย ภัคพล บัวโทน (GuidePS4EXPErt)
ขอบคุณ โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ ฮ่องกง สาขาสิงค์โปร
สำหรับแผ่นเกมส์ที่ให้เรามารีวีวครับ