เมื่อวานที่ผ่านมาโซนี่เปิดตัวบริการ PlayStation Plus รูปแบบใหม่ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ โดยตั้งแต่ระดับ PS Plus Extra ขึ้นไปสมาชิกสามารถเข้าถึงสิทธิพิเศษในการเล่นเกม PS4 และ PS5 มากกว่า 400 เกมได้ทั้งแบบผ่านคลาวด์ หรือแบบดาวน์โหลดมาเล่นบนเครื่องแบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ซึ่งใน 400 กว่าเกมนี้ก็จะมีเกมทั้งจาก PlayStation Studio และค่าย 3rd Party ต่างๆ ด้วยเหตุนี้จึงเกิดประเด็นขึ้นมาว่า ในอนาคตหากเกมเอ็กซ์คลูซีฟออกมาใหม่เช่น God of War Ragnarok มันจะเข้า PS Plus ตั้งแต่วันแรกของการจำหน่ายหรือไม่?
ล่าสุดมีคำตอบแล้ว แน่นอนว่าทุกอย่างจะคล้ายบริการ Xbox Game Pass แต่สิ่งที่แตกต่างคือบริการ PS Plus จะไม่นำเกมเอ็กซ์คลูซีฟ PS4 และ PS5 ที่เพิ่งออกใหม่ ๆ มาลงในบริการตั้งแต่วันแรกของการวางจำหน่าย คุณ Jim Ryan ประธานเพลย์สเตชั่นได้อธิบายให้กับ Games Industry ว่าดังนี้
ไม่ใช่แนวทางปฏิบัติที่เราจะใช้ในยบริการใหม่นี้ เรารู้สึกว่าถ้าเราจะทำเช่นนั้นกับเกมที่เราทำที่ PlayStation Studios […] เปรียบเทียบกับระดับของการลงทุนที่เราต้องทำในสตูดิโอของเรามันเป็นไปไม่ได้เลย และเราคิดว่าผลกระทบต่อคุณภาพของเกมที่เราสร้าง และคงไม่ใช่สิ่งที่เกมเมอร์ต้องการด้วย
เราทราบกันนี้ว่าเกมเอ็กซ์คลูซีฟ PlayStation มีคุณภาพมาก ๆ แน่นอนมันมาพร้อมต้นทุนการพัฒนาที่สูงมากเช่นกัน ทำให้เกมอย่าง Horizon Forbidden West และ God of War Ragnarok ต้องขึ้นราคาในเวอร์ชั่น PS5 ขณะเดียวกันทางฝั่ง Microsoft โต้แย้งว่า Xbox Game Pass นั้นมีความยั่งยืน และการสมัครสมาชิกนั้นนำไปสู่ยอดขายที่สูงขึ้น แม้ว่าในขณะที่แผนก Xbox โดยรวมมีผลกำไร แต่องค์กรโดยรวมมีการเปิดเผยงบดุลน้อยกว่าคู่แข่งมาก พวกเขาเชื่อว่าบริการรูปแบบ subscriptions คืออนาคตของวงการเกม ทว่าทางโซนี่ไม่เชื่อเช่นนั้น คุณ Ryan กล่าวต่อว่า
จำนวนสมาชิก PS Plus ของเราเพิ่มขึ้นจากศูนย์ในปี 2010 เป็น 48 ล้านคนในปัจจับัน และเราคาดหวังสำหรับบริการของเราว่าเราจะเห็นการเติบโตของจำนวนสมาชิกต่อไป แต่สื่อในการเล่นเกมนั้นแตกต่างกับดนตรีและความบันเทิงจำพวกภาพยนตร์มาก ซึ่งผมไม่คิดว่าเราไปถึงระดับ Spotify หรือ Netflix
ทางกลับกันทางคุณ Ryan เชื่อว่าเกมประเภท Live Service เหมือนอย่าง Fortnite คือทิศทางที่อุตสาหกรรมกำลังจะไป เขาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าดังนี้
ปรากฏการณ์ดังกล่าวของเกมประเภท Live Service ส่วนใหญ่ได้กระตุ้นการเติบโตอย่างมหาศาลในอุตสาหกรรมเกมที่เราได้เห็นในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ผมคิดว่าแนวโน้มของเกมประเภท Live Service จะดำเนินต่อไป และหากคุณมองหารูปแบบในหมวดความบันเทิงของเราซึ่งสนับสนุนการมีส่วนร่วมที่ยั่งยืนในระยะยาว เกมประเภท Live Service อาจเหมาะสมกับการจ่ายเงินมากกว่าบริการ subscription
ทางผู้เขียนก็เห็นด้วยในเรื่องไม่ได้นำเกมเอ็กซ์คลูซีฟ PS4 และ PS5 มาลง PS Plus ตั้งแต่วันแรกของการจำหน่าย ไม่งั้นทุกคนจะหันไปซื้อบริการ PS Plus โดยที่ไม่ต้องซื้อเกม ผลกระทบนี้จะส่งผลไปถึงคุณภาพของเกม และการขาดทุนจากการพัฒนาเกมเหล่านี้ ขณะเดียวกันในแง่เกมประเภท Live Service โซนี่ได้ประกาศก่อนหน้านี้ว่ากำลังพัฒนาเกมประเภทนี้ออกมาอย่างน้อย 10 เกมครับ
ข้อมูลจากงาน PushSquare