เกม: ผจญภัยสุดเขตแดนต้องห้าม: อุบัติการณ์ทะเลไฟ
แพลตฟอร์ม : PS5 Exclusive
ภาษา: รองรับภาษาไทย
ราคา: 738 บาท
วันวางจำหน่าย: 19 เมษายน 2023
เป็นเวลามากกว่า 1 ปีหลัง Horizon Forbidden West จนแฟนเกมไม่คิดแล้วว่าทาง Guerrilla จะสร้าง DLC เสริมออกมา จนกระทั่งช่วงปลายปีที่ผ่านมาทางค่ายได้เปิดตัวส่วนต่อขยายชื่อ “Burning Shores” ต่อยอดการผจญภัยของสาวเอลอยกับเรื่องราวต่อจากตอนจบของ Forbidden West มาพร้อมศัตรูจักรกลชนิดใหม่ อาวุธใหม่ และมิตรภาพใหม่ จะสนุกสุดมันส์และสมราคาไหมเรียนเชิญอ่านรีวิว Horizon Forbidden West: Burning Shores – อุบัติการณ์ทะเลไฟ
**บทความรีวิวนี้เป็นบทความมีการสปอยล์เนื้อเรื่องหลักบางส่วนของ Horizon Forbidden West แต่จะไม่มีการสปอยล์ DLC รวมถึงตัวระบบเกมบางส่วน เพื่อให้แฟนๆ ได้รับประสบการณ์สูงสุดในการเล่น และตื่นเต้นที่จะได้สัมผัสเกมนี้ครับ
เนื้อเรื่อง
เหตุการณ์ของ Burning Shores จะต่อกับตอนจบของเนื้อเรื่องหลักของ Horizon Forbidden West หลังจากที่เอลอยสามารถโค่นล้มกลุ่มฟาร์เซนิธได้สำเร็จ ทว่ากลุ่มฟาร์เซนิธที่เดินทางมายังโลกนั้นมีทั้งหมด 13 คนแต่เอลอยได้จัดการไปเพียง 12 คนเท่านั้น ส่วนเซนิธอีกคนที่รอดมาได้คือ “วอลเตอร์ ลอนดรา” มหาเศรษฐีอเมริกันของโลกเก่าได้แอบไปหลบซ่อนอยู่ในดินแดนใต้ Burning Shores หรืออดีตคือเมืองลอสแองเจลิส
ในเหตุการณ์นี้เราจะได้รู้จักกับเซย์กะนักรบสาวแห่งเผ่าเควนผู้ที่จะเป็นผู้ร่วมผจญภัยและกำจัดลอนดรา สำหรับพล็อตเรื่องราวของ Burning Shores เหมือนกับตั้งใจตีแผ่ความสัมพันธ์ระหว่างเอลอยและเซย์กะ แต่กลับลงน้ำหนักทางฝั่งตัวร้ายอย่างลอนดราน้อยไปหน่อย ถ้าเราอยากทราบเบื้องลึกเบื้องหลังที่มาที่ไปของตัวลอนดราจะต้องตามอ่านบันทึกหรือไฟล์เอาเอง กระนั้นแล้วมันสามารถพอจะหักล้างกับฉากต่อสู้สุดมันส์ในช่วงท้ายของเกมได้อยู่ และจากภารกิจ “บทส่งท้าย” แฟน ๆ คงใจชื้นกันได้ว่าการผจญภัยไม่ได้จบลงแค่นี้ ส่วนในเรื่องงานแปลภาษาเป็นอีกครั้งที่ทางโซนี่สามารถแปลภาษาออกมาได้ดีมีการใช้สำนวนและเลือกคำมาได้เหมาะสมในแบบที่ไม่มีกั๊กคำใด ๆ
เกมเพลย์
ระบบเกมเพลย์ของ Burning Shores ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่มากนัก มันถูกต่อยอดจากเกมเพลย์ของ Horizon Forbidden West ที่สมบูรณ์อยู่แล้วให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ที่เพิ่มเข้ามา อย่างแรกเลยคือเพดานเลเวลตัวละครปรับขึ้นจากเดิมสูงสุดที่เลเวล 50 เป็นเลเวล 60 พร้อมกับสกิลและอาวุธใหม่ที่จะได้รับจากภารกิจหลักและภารกิจเสริมของเรื่อง
นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มกลไกเกมเพลย์ใหม่เล็กน้อยให้ผู้เล่นรู้สึกแปลกใหม่กับปืนที่จะยิงสลักตัวยืดออกไปเพื่อให้ตัวละครสามารถปีนขึ้นไปได้ ที่ขาดไม่ได้เลยคือจักรกลสายพันธ์ใหม่ที่จะพบเจอได้ในภูมิภาคนี้ อาทิ “แมลงวางไข่” จะพบเจอตามซอกหินหรือมุมอับ เมื่อมันฟักตัวขึ้นมามันมักจะโจมตีเป็นฝูง แม้จะสร้างความเสียหายไม่มากนัก แต่ด้วยความที่มาเป็นฝูงมันสามารถสร้างความปั่นป่วนให้กับผู้เล่นได้มาก หรือ “Bilegut” รูปร่างเหมือนกบสาร้างความเสียหายได้มากและยังมีรูปแบบการโจมตีที่หลากหลายอีกด้วย
สำหรับจักรกลไฮไลด์ใน DLC นี้คือ “วอเทอร์วิง” หรือพูดง่าย ๆ คือมันเป็นซันวิงเวอร์ชั่นอัปเกรด นอกจากจะนำพาเราบินขึ้นฟ้าแล้วเราสามารถบังคับวอเทอร์วิงให้ทิ่มดำลงใต้ท้องทะเลได้ ข้อที่ทำให้มันด้อยกว่าซันวิงคือมันบินได้ช้ากว่าเล็กน้อย เวลาขี่วอเทอร์วิงบินลงดำน้ำตัวเอลอยเองจะมีออกซิเจนจำกัด ดังนั้นเวลาบังคับเราต้องคอยบินขึ้นบินลง แม้ว่าเอลอยเองจริง ๆ แล้วมีหน้ากากออกซิเจนก็ไม่สามารถใส่ระหว่างขี่วอเทอร์วิงได้ เข้าใจว่านักพัฒนาต้องการให้เกมเพลย์สมดุล
นอกเหนือจากที่ผู้เขียนกล่าวมานั้นเกมเพลย์เหมือนเดิมทุกอย่าง เพียงแต่ประสบการณ์ที่เราจะได้รับจากเกมเพลย์ใน Burning Shores นั้นผู้เล่นจะได้พบกับศัตรูใหม่และวิธีการเข้ากำจัดศัตรูบน “องค์ประกอบเกมเพลย์ที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว” สำหรับ Burning Shores จะใช้เวลาในการเคลียร์ราว 10 ชั่วโมง และช่วงสุดท้ายของ Burning Shores ผู้เขียนคิดว่าเป็นส่วนที่มันส์ที่สุด
กราฟิก
ในส่วนของงานภาพใน Burning Shores ต้องบอกว่าทีมพัฒนาจัดหนักจัดเต็มกับการนำเสนอรายละเอียดและความงดงามของเมืองลอสแองเจลิสไม่ว่าจะเป็น สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เนินเขาป้ายฮอลลีวูดในยุคหลังโลกล่มสลายได้เป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่า Burning Shores เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะ PS5 ดังนั้นไม่จำเป็นจะต้องกั๊กความแรงอีกต่อไป
ทางด้านประสิทธิภาพของตัวเกมด้วยความที่มีการเพิ่มจักรกล “แมลงวางไข่” เจ้าตัวนี้มีอยู่ทั่วและบางฉากมีมากกว่า 10 ตัวได้ ทำให้บางทีเราปะทะกับศัตรูเยอะ ๆ จนเกิดเอฟเฟ็กต์กระจัดกระจายทั่วจอจะรู้สึกได้เลยว่าเฟรมเรตมีการตกลงเล็กน้อย ผู้เขียนได้ลองทั้งโหมด Performance และโหมดที่เน้นกราฟิกก็จะพบเฟรมเรตดรอปแบบเดียวกัน
Verdict
Burning Shores เหมือนเป็นบทส่งท้ายของ Horizon Forbidden West ให้เรื่องราวจบลงสมบูรณ์แบบ ตัวเนื้อเรื่องมุ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างเอลอยและเซย์กะซึ่งเราจะได้เห็นตัวตนของเอลอยมากยิ่งขึ้น เหตุนี้จึงทำให้ตัวร้ายลดบทบาทลง ขณะเดียวเกมเพลย์เพลย์อันสมบูรณ์แบบอยู่แล้วถูกต่อยอดเพิ่ม เพดานเลเวล จักรกลใหม่ และเกมเพลย์สุดมันส์ตามฉบับของซีรี่ย์ภายใต้เมืองลอสแองเจลิสอันล่มสลายที่นำเสนอออกมาได้เป็นอย่างดี แม้เนื้อเรื่องอาจจะสู้เกมหลักไม่ได้แต่ในฐานะแฟนเกม Horizon บอกได้คำเดียวว่า “ไม่ควรพลาด”
8/10
จุดเด่น (Pro)
- ต่อยอดเกมเพลย์สุดมันส์กับจักรกลใหม่ และช่วงท้ายอันลุ้นระทึก
- กราฟิกสวยเก็บรายละเอียดเมืองลอสแองเจลิสฉบับล่มสลายได้อย่างสวยงาม
จุดสังเกต (Con)
- เนื้อเรื่องเรียบไปหน่อย ตัวร้ายหลุดโฟกัสราวกับตัวประกอบ
- มีเฟรมเรตตกเล็กน้อยในจังหวะที่องค์ประกอบเยอะ
รีวิวและเขียนบทความโดย ภัคพล บัวโทน (GuidePS4EXPErt)
ขอบคุณบริษัท PlayStation Asia
สำหรับแผ่นเกมส์ที่ให้เรามารีวีวครับ