ในขณะที่ PS4 Pro เครื่องเกมส์คอนโซลรุ่นเรือธงจากโซนี่ได้เปิดตัวเมื่อวันที่ 7 กันยายนในงาน PlayStation Meeting 2016 ที่ผ่านมากำลังเป็นกระแสอย่างต่อเนื่อง โดยมีการอัพเกรดซีพียู และจีพียูให้มากกว่า PS4 รุ่นแรกกว่า 2 เท่า แต่ว่าด้วยเหตุผลอะไรกันแน่ว่าทำไมแรมของเครื่อง PS4 Pro ถึงยังคงมีขนาด 8 GB เท่าเดิม ในขณะที่ฝั่งไมโครซอฟท์ Project Scorpio นั้นมีข่าวลือว่าจะใส่ความจุของแรมไปถึง 12 GB วันนี้คุณ Masayasu Ito วิศวกรออกแบบโซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ ให้ได้สัมภาษณ์กับทางเว็บไซต์ 4Gamer เกี่ยวกับเรื่องนี้ดังนี้
คุณ Masayasu อธิบายว่าในขณะที่เครื่อง PS4 Pro ยังคงแรมไว้ที่ความจุ 8 GB เนื่องจากหากมีการเปลี่ยนแปลงในความจุของแรม มันจะทำให้ค่ายพัฒนาเกมส์ต่างๆ ต้องผลักดันเกมส์ไปที่ แรมหรือหน่วยความจำที่สูงกว่าอยู่แล้ว และนี่อาจจะเป็นปัญหาได้ เพราะด้วยหลักการที่โซนี่เคยกล่าไว้ว่า “ห้ามพัฒนาเกมส์ที่จะลง หรือรองรับบนเครื่อง PS4 Pro โดยเฉพาะ” ทั้งนี้หาก PS4 Pro มีแรม 12 GB จริงๆ มันเป็นไปได้ยากมากๆ ที่จะใช้งานทรัพยากรให้เต็มที่ เพราะเกมส์ PS4 ที่วางจำหน่ายในอนาคตต้องสามารถเล่นได้ จากแผ่นเกมส์เดียวกัน ซึ่งที่แตกต่างระหว่าง PS4 Pro และ PS4 รุ่นแรก นั้นคือประสิทธิภาพการประมวลผล แต่ก็ยังคงเป็นคอมมิวนิตี้เดียวกัน (เกมส์เดียวกัน, โหมดออนไลน์เหมือนกัน, สังคมเดียวกัน)
ผมว่าทางคุณ Masayasu อาจจะพูดถูกในเชิงเทคนิคที่ว่าหาก PS4 Pro แรมสูงกว่า มันจะไม่มีความสมดุลกับเครื่อง PS4 รุ่นแรกแน่ๆ เพราะเกมส์ต้องทำงานแผ่นเดียวกันหาก PS4 Pro มีแรมสูงกว่า แต่ประมวลผลโดยใช้แผ่นเกมส์แผ่นเดีนวกัน แรมที่ใส่เพิ่มเข้ามาจะไม่เกิดประโยชน์เพราะเกมส์พัฒนามาด้วยแรม 8 GB หากต้องการดึงประสิทธิภาพออกมาสูงขึ้นสำหรับ PS4 Pro (ยกตัวอย่างเช่นแรม PS4 Pro 12 GB) ก็ต้องพัฒนาแยกกัน และแผ่นเกมส์จะต้องแยกกันออกมาเฉพาะ PS4 Pro ถ้าแบบนี้ PS4 Pro จะดูเป็นเครื่องคอนโซลอีกเจนเนอเรชั่นหนึ่ง ซึ่งมันจะผิดคอนเซ็ปต์ครับ PS4 Pro กำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ในราคา 16,990 บาทไทยครับ
ข้อมูลจาก 4Gamer