เกมส์ : Resident Evil 7: Biohazard
แพลตฟอร์ม : PS4, Xbox One และ PC
ราคา: 1,890 บาท (PS4)
วันวางจำหน่าย: 24 มกราคม 2017
เป็นหนึ่งในเกมส์ที่แรกว่าเป็นเกมส์ที่ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ในยุค 90 หันมาเล่นเกมส์คอนโซล และเป็นเกมส์ที่ทำให้เครื่อง PlayStation 1 ดังไปทั่วโลกอีกด้วย ยังไม่พอครับเกมส์ดังจนมีการทำภาพยนตร์ออกมาแล้วถึง 5 ภาค และแน่นอนครับภาพยนตร์ภาคสุดท้ายภาคที่ 6 เพิ่งจะเข้าฉายสดๆ ร้อนๆ พูดยังนี้คงรู้กันแล้วครับ ใช่แล้วครับนี่คือเกมส์ Resident Evil เกมส์แนวสยองขวัญ เรื่องราวของการแพร่เชื้อ T Virus ของบริษัท Umbrella Corporation ที่แรกๆ เรื่องก็ประติดประต่อกันดีอยู่หรอกนะ แต่พอขึ้นภาค 4 ภาคเท่านั้นแหละครับ จากเกมส์สยองๆ น่ากลัวๆ กลายเป็นเกมส์แนวแอคชั่นยิงซอมบี้เต็มมรูปแบบ จนหมดความน่ากลัวเลย ยิ่งภาค 6 ยิ่งแล้วใหญ่เลย ทำให้ทางทีมงานค่าย Capcom ต้องกลับไปคิดกันใหม่อีกครั้ง จนเมื่องาน E3 2016 ที่ผ่านมา หลังจากที่ห่างหายจากวงการมานานเกือบ 5 ปี ทางค่าย Capcom ได้เปิดตัวเกมส์ Resident Evil ภาคที่ 7 ในงานแถลง Sony Press Conference นั่นเอง เมื่อเทรลเลอร์ขึ้นชื่อเกมส์ว่า Resident Evil 7 มีแต่คนต่างเซอร์ไพรส์เพราะไม่นึกว่าจะ สยองขวัญน่ากลัวขนาดนี้ อีกอย่างเทรลเลอร์ที่โชว์ในงาน เล่นบน PS VR อีกด้วย ที่สำคัญดูเหมือนว่าทาง Capcom ได้ซุ่มพัฒนาเกมส์มาระยะหนึ่งแล้ว เพราะเกมส์ออกวางจำหน่ายเมื่อ 24 มกราคมที่ผ่านมา ไม่ถึงปีจากที่ทางค่ายเปิดตัวเกมส์ไปครับ มาดูกันครับว่าทางค่าย Capcom จะสามารถดึงแฟนๆ เกมส์ Resident Evil กลับมาได้หรือไม่ กับเรื่องราวอันน่าสยองขวัญของครอบครัว Braker กับรีวิวเกมส์ Resident Evil 7 (ไม่สปอย)
เนื้อเรื่อง
Resident Evil 7 เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุกรณ์ใน Resident Evil 6 เนื้อเรื่องส่วนของเลออน ถึง 4 ปี เพราะตอนั้นเป็นวิกฤติที่ไวรัสแพร่กระจายจนทำให้ประชาชนรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกาบางส่วนติดเชื้อไวรัสเข้า ทำให้ทางทีมงานผู้สร้าง Resident Evil ได้หยิบส่วนนี้มาเล่าต่อในภาคที่ 7 นี้นั่นเองครับ เลยทำให้ Resident Evil 7 เริ่มต้นขึ้นด้วยการเล่าเรื่องเหตุการณ์ของชายหนุ่มผู้หนึ่งชื่อว่า “Ethan Winters” ที่พยายามตามหาภรรยาของเขาที่หายตัวไปอย่างลึกลับไปเมื่อปี 2014 หรือ 3 ปีก่อน มีอยู่วันหนึ่งขณะที่เขากำลังจะหมดหวัง เขาก็ได้รับข้อความวีดีโอคลิป ผ่านทางอีเมล์ของเขา โดยในคลิปนั้นเป็นคลิปวีดีโอที่ภรรยาของเขาถ่ายเอง พร้อมชีคำขาดว่าอย่ามาที่นี่เด็ดขาด แน่นว่าใครจะนึ่งนอนใจอยู่ได้ Ethan จึงเริ่มสืบที่มาของคลืปนี้ จึงกระทั่งจากการสืบค้นจนเขาจึงรู้ว่าเธออยู่เมืองเล็กๆอย่าง Dulvey รัฐ Louisiana ทางตอนใต้ของอเมริกา
ต่อมาเขาได้เดินทางไปยังเมืองๆ นั้นจนมาพบกับบ้านร้างแห่งหนึ่งตามเบาะแสที่สืบมา จนทำให้เกิดเรื่องราวอันน่าสยองขวัญขึ้นในบ้านร้างครอบครัว Braker แห่งนั้น (ไปเล่นดูนะ ไม่อยากสปอย) เกมส์ปูเรื่องได้สยองขวัญมาก แค่ตอนที่เราลงจากรถ แล้วเดินไปถึงบ้านก็รู้สึกได้ถึงความน่ากลัวแล้ว เมื่อเราเข้าไปในบ้านมันน่ากลัวมาก ทั้งแสงและเงาที่กระทบกับวัสถุต่างๆ และรวมถึงสิ่งแวดล้อมต่างๆ ถือว่านำความหลอนมาเต็มสูบสุดๆจริงๆ การดำเนินเรื่องของภาคนี้มันจะออกเป็นแนวคล้ายๆ ภาพยนตร์ฆาตกรโรคจิต ชอบจับคนบริสุทธิ์มาฆ่าหันศพไว้ในบ้าน หรือขังไว้ในบ้านอะไรประมาณนี้ แต่เนื้อเรื่องไม่ได้เดากันง่ายๆ เกมส์มักจะทำให้เซอร์ไพร์สประหลาดใจได้เสมอ เพราะเกมส์บางครั้งมันหักมุมมากๆ และที่สำคัญตกใจมากๆ ด้วยเช่นกัน บางครั้งหลอนมากๆ จนต้องปิดเสียงเลย
เกมส์จะออกแนวเครียดตลอดทั้งเรื่องตั้งแต่เราก้าวขาเข้าไปในบ้านของ Braker จนกระทั่งจบเกมส์เลยทีเดียวครับ ฉากส่วนใหญ่ก็มีความรุนแรงและคำหยาบคายมากมายในเกมส์ จึงไม่เหมาะสำหรับเด็กๆ หรือคนขวัญอ่อนเลย แต่ที่น่าเสียคือแม้ว่าจะเอาใจแฟนๆ ด้วยการนำความสยองขวัญออกมา และเนื้อเรื่องไปอิงกับเกมส์ภาคก่อน แต่ถ้าพูดถึงกลิ่นอายการดำเนินเรื่องแบบฉบับของ Resident Evil เองผมเองรู้สึกว่ามันไม่คลาสสิกเท่าไร่ เนื่องจาก Resident Evil เรื่องจะไปอิงกับซอมบี้ วิ่งหนีซอมบี้เป็นฝูงๆ และไปตามปริศนาตามที่ต่างๆ และยังต้องต่อสู้กับบริษัท Umbrella อีก ซึ่งในภาคนี้ เกมส์จะอยู่ใน Setting เดียวคือบ้าน Braker และบริเวณแถวรอบๆเท่านั้น (ไกลสุดคงเป็นตอนอยู่บนเรือ) Setting ก็จะวนเวียนอยู่แค่นี้ และกับการสู้กับตัวละครที่วนไปวนมา ผมเชื่อว่าแฟนๆ Resident Evil ดั้งเดิมอาจจะรู้สึกในแบบเดียวกับผม ภาคนี้เหมือนเราเล่น Outlast ผสมผสานกับระบบการเล่นแบบฉบับ Resident Evil แรกก็จะหลอนจนต้องปิดเสียง แต่พอผ่านช่วงกลางเกมส์ไปความรู้สึกก็ไปต่างกับยิงแหลกเหมือนภาคหลังๆ ที่ทำออกมา
เกมส์เพลย์
สิ่งที่เราสามารถระบุความแตกต่างได้อย่างชัดเจนกับระบบการเล่นของ Resident Evil 7 นี้คือ มุมกล้องของเกมสฺ์ เพื่อเพิ่มความสยองขวัญแบบเต็มรูปแบบทางทีมงานเลยตัดสิ้นใจ เปลี่ยนมุมกล้องจากแบบบุคคลที่ 3 ไปเป็นแบบมุมมองบุคคลที่ 1 ผลออกมาคือทีมงานทำออกมาได้ตรงจุดจริงๆ เพราะด้วยมุมกล้องแบบนี้ และสถานที่ในเกมส์ที่มีพื้นที่จำจัด ทำให้ผู้เล่นจะรู้สึกอึดอัดตลอดเวลาที่อยู่ในบ้านร้างแห่งนั้น แม้เวลามุมกล้องจะเปลี่ยนแต่ระบบการเล่นยังคงตันฉบับ Resident Evil มีอาวุธปืนและอาวุธมากมายให้เลือก แต่อาวุธบางอย่างต้องเคลียเกมส์ก่อน ถึงจะปลดล็อกอาวุธพิเศษนั้น หรือ อีกวิธีคือ ในเกมส์จะมี Ancient Coin เหรียญให้สะสมเพื่อมาปลดล็อกอาวุธเจ๋งๆได้ แต่ก็ตามสไตล์ Resident Evil ภาคแรกๆ ถึงเราจะมีอาวุธครบครันก็จริง แต่กระสุนในภาคนี้มีจำนวนจำกัดเอามากๆ เราเลยไม่มีทางเลือกคือเวลาเราจะยิงศัตรู จะต้องเล็งจุดตายของเหยื่อเพื่อประหยุดกระสุน แล้วยิ่งตอนแรกอาวุธจะมีจำกัดมากๆ แต่พอมาช่วงกลางของเกมส์จะมีอาวุธมากขึ้นทั้ง ลูกซอง, ปืนไฟ, ปืนระเบิด ที่เราคุ้นตาตามสไตล์ของซีรี่ย์เกมส์นี้
สิ่งที่ทำให้เกมส์นี้ยังสุดยอดอยู่ก็คือระบบการเล่นแบบ Resident Evil เพราะนอกจากการเอาตัวรอดในพื้นที่จำกัดแล้ว เรายังต้องสำรวจพื้นที่และไขปริศนาไปพร้อมๆกันด้วย เพื่อที่จะสู่ฉากถัดไป รวมถึงวัสถุต่างๆ ล้วนแล้วมีความหมายทั้งนั้น หนังสือพิมพ์, รูป, โน๊ตจากเศษกระดาษ, รองเท้า และอื่นๆอีกมากมายที่ถ้าเราอ่านมันครบเราจะรู้เรื่องราวมากขึ้นว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่บ้าง อีกหนึ่งสิ่งที่ชวนให้เราคิดถึง Resident Evil ภาคเก่าๆ คือ การที่เราต้องหากุญแจ และวิ่งหนีไปด้วยเพื่อเปิดประตูไปต่อ มันรู้สึกเลยว่าโครตลุ้น ทีมงานใจปั้มทำเอาใจแฟนๆสุดๆ ยังไม่พอนะยังมีระบบเซฟเกมส์ที่ทำคล้ายๆ เกมส์ภาคแรกด้วย โดยในภาคนี้จะมีจุดเซฟเป็นแห่งๆ ซึ่งเป็นเครื่องบันทึกเทปครับ (แต่เกมส์ก็มีระบบเซฟอัตโนมัติด้วยเช่นกัน) และเกมส์ยังมีสิ่งที่แฟนๆ Resident Evil คุ้นตา นั่นก็คือ “หีบเก็บของ” ระบบจัดเก็บไอเทมในเกมส์เพื่อจะจัดไอเทมต่างๆ ที่เราจะเก็บไว้ในหีบ หรือนำติดตัวออกมาเพราะช่องเก็บอาวุธจะมีจำนวนช่องที่จำกัดครับ แต่สิ่งที่พีคสุดๆ สำหรับแฟนๆ Resident Evil รุ่นเก๋า คือสัญญาณชีพจรหัวใจ เหมือนลอกภาคแรกมาเลย คือเหมือนมาก แต่แทนที่จะโชว์ใน Start เมนูเหมือนก่อน อันนี้มาโชว์บนสมาร์ทวอทช์แทน ทำให้เข้ากับยุคสมัยที่เราอยู่
สิ่งที่จะทำให้เกมส์เป็น Resident Evil ตัวจริงคือการไขปริศนาในเกมส์ซึ่งเป็นอีกจุดเด่นหลักของเกมส์ซีรี่ย์นี้เลยก็ว่าได้ครับ สำหรับภาคนี้ก็มีปริศนาหลากหลายรูปแบบให้แก้มากมาย อาทิการหมุนวงล้อกลไกล, การหมุนรูป อะไรประมาณนี้ และต้องเป็นคนขี้สังเกตนิดนึง บางทีเราสามารถแก้ไขปริศนาโดยการสังเกตนี่แหละ แต่ถึงแม้ว่ารูปแบบของปริศนาจะค่อนข้างหลากหลายแต่ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยง่ายมาก ง่ายกว่าภาคก่อนๆ ที่เคยมีมาเสียอีกครับ แต่ก็มีข้อดีที่ว่าเกมส์จะได้ไม่เครียดไปกว่านี้เพราะแค่นี้ก็สยองน่ากลัวเอามากๆ แล้ว
น่าเสียดายตรงที่ว่าเกมส์ซีรี่ย์นี้ในภาคที่ผ่านๆ มากเกมส์ค่อนข้างยาว ไปตามสถานที่ต่างๆ ทั้งลุยป่าไปจนถึงขึ้นเรือไปยังจุดหมายต่างๆ แต่ในภาคนี้เนื้อเรื่องหลักค่อนข่างจะสั้น สามารถจบได้ภายใน 9 ถึง 10 ชั่วโมงเท่านั้นครับ วันเดียวก็สามารถจบได้แล้ว แต่ก็รู้สึกคุ้ม เพราะเกมส์ออกแบบมาเล่นได้หลายๆ รอบทั้งสามารถเพิ่มระกับความยาก ปลดล็ออาวุธใหม่ในเกมส์ได้ เก็บถ้วยรางวัล ยังมี DLC เสริมที่สามารถสัมผัสความสยองต่อ ในส่วนที่เกมส์ยังมีเรื่องค้างคาแบบที่ยังไม่ถูกเล่า ในอนาคตก็จะมี DLC ประมาณแบบนี้ออกกมาให้เล่นกัน
PlayStation VR
นี่แหละครับคือเหตุผลที่ผมได้ซื้อ PS VR เพราะเกมส์นี้เลยครับ และนี่เป็นเกมส์ระดับ AAA เกมส์แรกที่สามารถเล่นเกมส์ในโหมด PS VR ตั้งแต่ต้นจนจบเกมส์เลยทีเดียวครับ เมื่อสวนเข้าไปเท่านั้นแหละครับเราเหมือนไปอยู่ในบ้านขของครอบครัว Braker นั้นจริงๆ บอกได้เลยว่าโครตน่ากลัว ยิ่งตอนที่เราโดน John Braker จับเราขึ้นมานะ ผมนี่ตกใจมากๆจริงๆครับ สมแก่การรอคอยจริงๆ แต่สำหรับคนที่เคยสัมผัส PS VR มาก่อนจะรู้ว่าถ้าหันไปหันมามันจะมึนมากๆ ครับถึงอารมณ์ของเกมส์จะดีแค่ไหน แต่เมื่อมาเจอกับการมึน ทำให้ผมต้องพักทุกๆ ชั่วโมง เพราะเหมือนเมารถ เมาเรือเลย (ใครยิงยาวต้องยาแก้เมานาจาา)
กราฟฟิก
เปิดฉากแรกมา เป็นขณะที่เรากำลังเดินทางไปรัฐ Louisiana ผมจะบอกว่าฉากนั้นเป็นฉากที่บอกได้เลยว่าเหมือนจริงที่สุด ทั้งแสง สี และสิ่งต่างๆ เข้ากันได้อย่าลงตัวมากๆ สมแล้วที่เป็นเกมส์ระดับ PS4 และ Xbox One ครับ แต่หลังจากที่เราก้าวเข้าสู่บ้านร้าง ทุกสิ่งทุกอย่างจะดูมืดลงอย่างเห็นได้ชัด จึงบอกไม่ได้ว่าภาพออกมาระดับไหน อย่างไรก็ตามเราสามารถที่จะสังเกตได้ถึงแสง และเงาต่างๆ ส่วนนี้เกมส์ทำได้ค่อนข้างดี สิ่งที่ผิดหวังเล็กน้อยตือบอสใหญ๋ของเกมส์ทำไม่สวยเท่า บอสตัวอื่นๆ ด้วยรวมแล้วภาพออกมาจนสามารถทำให้ทั้งผมและผู้เ่ล่นกลัวได้นี่ก็ถือว่าผ่านแล้ว
สรุป
การกลับมาของเกมส์ซอมบี้ในตำนานก็ถือว่าก้าวมาได้ถูกทางแล้ว ซึ่งด้วย Resident Evil 7 นี้ซีรี่ย์ได้นำทุกๆท่านกลับมาสัมผัสความน่ากลัว และความสยองแบบฉบับของ Resident Evil อีกครั้ง หลังจากที่ออกทะเลไปไกลด้วยการเปลี่ยนแนวเป็นสไตล์ยิงกระจาย จนทำให้ซีรี่ย์ขาดความเป็นคลาสสิค แต่แม้ว่า Resident Evil ภาคล่าสุดนี้จะนำความสยองขวัญ กลับมาให้แฟนๆ ที่กำลังกระหายความหลอน ความสยอง ซึ่งแท้ที่จริงแล้วภาคที่ออกมาขาดความเป็น Resident Evil ไป เพราะภาคนี้โฟกัสไปที่วิญญาณสิงร่าง ที่ไม่ค่อยอ้างกับเนื้อเรื่องต้นฉบับเท่าไร่ ทำให้ผมคิดว่ามันดูขัดๆ กับเนื้อเรื่องต้นฉบับไปไกลอยู่ พร้อมกับมุมกล้องเวลาเล่นนานๆ อ้วกแทบพุ้งเลย แต่ด้วยระบบการเล่นคล้ายต้นฉบับ มีที่เก็บของ, ยารักษาได้อย่าง, สัญญาณชีพจรสไตล์ซีรี่ย์เกมส์นี้ และแน่นอน กับความสยองขวัญ ความกดดัน ความน่ากลัวของเกมส์ บวกกับที่หากใครมี PS VR จะต้องจัดมาลองเล่นเลย จึงทำให้เกมส์ Resident Evil 7 เป็นอีกเกมส์ที่สามารถยกให้เผป็นหนึ่งในเกมส์ยอดเยี่ยมแห่งปีได้เลยทีเดียว สุดท้ายนี้มาดูคะแนนรีวิวกันเลย
รีวิวและเขียนบทความโดย ภัคพล บัวโทน (GuidePS4EXPErt)
ขอบคุณบริษัท PC & Associates Consulting จำกัด
สำหรับแผ่นเกมส์ที่ให้เรามารีวีวครับ